งานเลี้ยงต้อนรับครอบครัวทหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องกระอักกระอ่วนบ้างก็ตาม นาน ๆ ครั้ง กองทัพหวั่นอิ๋นถึงจะมีงานใหญ่สักงาน ทุกคนไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
พ่อฉินยังเหลือวันลาอีกหลายวัน แต่ว่าในเมื่อกลับมาแล้วเขาจึงไปทำงานต่อ ได้รับค่าแรงสองเท่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เช้าวันนี้คุณนายทหารกลุ่มเมื่อคืนมาที่บ้านและชวนแม่ฉินไปโรงตัดเย็บของกองทัพแม่ฉินตามไปด้วย ที่บ้านจึงเหลือเพียงสองพี่น้องฉิน
ฉินเสี่ยวหรานลงมือออกแบบชุดที่จะตัด มีฉินเสี่ยวหลิงเป็นแบบให้ แม่ของพวกเธอรับจ้างตัดเย็บมาตลอดและนำอุปกรณ์มาด้วย ไม่ต้องออกไปซื้ออุปกรณ์ ฉินเสี่ยวหรานลงมือตัดเย็บทันที
"ทำไมพี่ถึงตัดชุดล่ะ ฉันว่าพวกเราอ่านหนังสือรอเปิดภาคเรียนกันดีกว่าไหมคะ ย้ายมาที่นี่หลักสูตรจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนพวกเราไม่รู้เลย" ฉินเสี่ยวหลิงบอก
แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจการเรียน เธอเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ "เธออยากอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือเถอะ เรื่องอื่นฉันจะจัดการเอง" ต้องรีบหาเงินก่อนโรงเรียนเปิด
ฉินเสี่ยวหรานวาดแบบคร่าว ๆ ให้มองออกว่าต้องทำไปในทิศทางไหน เธอไม่ใช่คนวาดรูปสวย แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนก็พอแล้ว อีกอย่างเธอเคยเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง เรื่องแค่นี้ใช้เวลาไม่นานก็ตัดเย็บออกมาได้ น่าเสียดายที่ไม่มีจักรเย็บผ้า ไม่อย่างนั้นคงสะดวกมากกว่านี้
ม้วนผ้าที่ซื้อมา ตัดเสื้อขนาดเดียวกับฉินเสี่ยวหลิงได้สามชุด เธอต้องหาลูกค้ามาตัดชุดด้วย ไม่อย่างนั้นการซื้อม้วนผ้าครั้งนี้จะเสียเปล่า ประตูบ้านเปิดออกให้เห็นแสงทางด้านนอก
อุปกรณ์ที่ได้มาพร้อมม้วนผ้ามีเข็ม ด้าย และกรรไกร ของอย่างอื่นเธอใช้ของแม่ฉิน ระหว่างลองวาดลงไปบนม้วนผ้า ข้างกันยังมีน้องสาวที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ฉันไม่เคยเห็นพี่ตัดเย็บชุดใหญ่แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ แน่ใจหรือคะว่าจะตัดเย็บเอง" ฉินเสี่ยวหลิงไม่ได้ดูถูกพี่สาว แต่ว่าเธอไม่เคยเห็นพี่สาวตัดเย็บชุดขนาดใหญ่มาก่อนจริง ๆ ปกติจะเป็นเพียงลูกมือของแม่
ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้า ประสบการณ์เป็นสิบปีไม่ทำให้เธอกลัว "แน่นอนว่ามันจะสำเร็จ เธออย่าลืมสิว่าพวกเราช่วยแม่ตัดเย็บมาตลอด ถ้าผิดพลาดก็แค่เริ่มใหม่"
"ฉันเสียดายผ้านี่"
"เฮ้อ ไปเตรียมทำอาหารเถอะ มื้อกลางวันจะได้เอาไปส่งให้พ่อกับแม่" ฉินเสี่ยวหรานไล่น้องสาวก่อนที่จะพูดมากไปกว่านี้
"ก็ได้"
เสียงข้างในเงียบแล้ว ฉินเสี่ยวหรานมีสมาธิมากขึ้น เธอวาดโครงชุดบนผ้าที่ซื้อมา ชุดที่ตัดเย็บเป็นชุดที่คนนิยมใส่ในตอนนี้ แต่จะแตกต่างออกไปเธอจะเพิ่มบางอย่างที่คนที่นี่ไม่รู้จัก ส่วนมากคุณนายทหารจะมีเงินเอาไว้ใช้จ่ายและนี่คือเป้าหมายของเธอ
ต่อให้ชำนาญด้านนี้มากแค่ไหน แต่ไม่มีอุปกรณ์ ชุดที่ตัดออกมาก็ทำวันเดียวไม่เสร็จ และถ้าอารมณ์ไม่คงที่ ฉินเสี่ยวหรานจะตัดชุดที่ดีออกมาไม่ได้ เธอเก็บของในห้องโถง นำของเข้าไปเก็บไว้ ก่อนออกมาดูน้องสาวทำอาหาร ใกล้ถึงเวลามื้อกลางวันแล้ว
"ทำอะไร"
ฉินเสี่ยวหลิงส่ายหน้า "ที่บ้านมีไข่แค่ห้าฟองและผักนิดเดียวเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้มาก พี่สาวใหญ่บอกให้พ่อซื้อของเข้ามาหน่อยนะคะ"
ที่บ้านพักไม่มีตู้เย็นจึงถนอมอาหารไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อของกินเข้ามา เมื่อเช้ามีอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน พ่อของพวกเธอไปรับมา ที่บ้านจึงมีอาหารเช้ากิน ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้า เธอจะเป็นคนนำปิ่นโตไปให้พ่อของเธอเอง
"อืม"
ใกล้ถึงเวลาหยุดพักของเหล่านายทหาร สองสาวบ้านฉินช่วยกันทำความสะอาดและเก็บของเข้าในบ้านพัก ล็อกกุญแจบ้านก่อนแยกย้ายนำอาหารไปส่ง ก่อนหน้านี้ฉินเสี่ยวหลิงไปส่งแม่จึงรู้ทางไปโรงตัดเย็บ และอาสานำปิ่นโตไปส่งให้แม่
ฉินเสี่ยวหรานเลือกนำปิ่นโตไปส่งให้พ่อเพราะกลัวว่าจะมีคนมารังแกน้องสาว พ่อของเธอทำงานในกองทัพคลุกคลีกับพวกผู้ชาย และยังอยู่ไกลต้องเดินไปอีกทาง
“นั่นฉินเสี่ยวหรานลูกสาวพันตรีฉินไม่ใช่หรือ"
ในขณะฉินเสี่ยวหรานกำลังเลือกทางเดินที่จะเข้าไปในเขตที่ทำงานของพ่อ เธอพบเข้ากับผู้ชายที่เคยเจอคือพันโทเว่ย พันตรีเว่ย แต่ผู้หญิงคนที่เอ่ยเรียกเธอไม่เคยเจอ แต่ว่าทั้งสามมีใบหน้าที่เหมือนกัน
"คะ?"
"สวัสดีจ้ะ ฉันร้อยตรีพยาบาลหญิงเว่ยเฉินลู่ เป็นพยาบาลในหน่วยแพทย์ของที่นี่"
เว่ย? ต้องเป็นพี่น้องเว่ยแน่นอน "ฉินเสี่ยวหรานค่ะ เป็นลูกสาวของพันตรีฉินที่ย้ายมาอยู่ใหม่" เธอทำความเคารพผู้อาวุโสกว่าทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า
"จะไปไหนหรือ ทางนี้เป็นทางไปสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารหลายฝ่าย" เป็นพันโทเว่ยที่เอ่ยถาม
"ฉันจะนำปิ่นโตไปส่งให้พ่อของฉันค่ะ แต่ไม่รู้จักทางไป แถวนี้ไม่เห็นคนที่จะให้ถาม" ใช่ ที่น่าหงุดหงิดใจก็คือเธอไม่พบคนที่นี่เลย แม้ว่าจะเดินมาหลายนาทีแล้ว
"คนอื่นคงไปพักกันแล้ว พวกเราจะไปทางที่พันตรีฉินทำงานพอดี ไปด้วยกันหรือไม่" เว่ยเฉินลู่เอ่ยเชิญชวน
"รบกวนด้วยค่ะ"
"ไม่รบกวน ๆ" ระหว่างเดินเท้าเพื่อไปยังที่หมาย เว่ยเฉินลู่เอ่ยชวนเด็กสาวตรงหน้า "ถ้าจำไม่ผิดเธอคงใกล้จบมัธยมปลายแล้วใช่หรือไม่ หน่วยแพทย์ของกองทัพต้องการคนหลังเรียนจบ เธอลองเข้ามาสมัครดูสิ เป็นลูกสาวพันตรีฉินอาจผ่านได้ง่าย"
เพราะเป็นลูกสาวของคนที่ทำงานอยู่ในกองทัพ ทางกองทัพจึงให้สิทธิ์ก่อนคนนอกที่มาสมัคร แต่ว่าถ้าไม่ใส่ใจหรือมาสมัครดู เผื่อผ่านเข้าทำงานแล้วแบบนั้นอาจถูกไล่ออกได้ง่าย
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าฉันถนัดตัดเย็บและชื่นชอบในการออกแบบชุดมากกว่า อีกอย่างที่บ้านอยากให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย คงต้องปรึกษากันอีกทีค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานผงกศีรษะเล็กน้อย
เธอไม่ได้พูดเล่น พ่อของเธออยากให้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ในอนาคตเผื่อแต่งงานออกไปจะได้ไม่ถูกครอบครัวสามีรังแก อีกอย่างหนึ่งคือพ่อฉินมีเพียงลูกสาว การเรียนสูงถือว่าเป็นการลบคำสบประมาทของครอบครัวได้
พันโทเว่ยพยักหน้า "เรียนมหาวิทยาลัยก็ดีเหมือนกัน เธอชอบอะไรก็เรียนอย่างนั้นจะดีกว่า น้องสาวของฉันไม่ชอบเรียน แต่เข้ามาเป็นพยาบาลในกองทัพเพราะชอบทางด้านนี้"
ฉินเสี่ยวหรานหลุดหัวเราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันจริง ๆ
"เอ๊ะ! พ่อทำงานในกองทัพ พี่ทำงานในกองทัพ น้องชายก็จะทำงานในกองทัพ ถ้าฉันไม่ทำงานในกองทัพก็แปลกแยกสิ" เว่ยเฉินลู่โวยวาย
ระหว่างสองพี่น้องที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ ฉินเสี่ยวหรานเหลือบมองผู้ชายที่เงียบที่สุดในกลุ่ม เขาทำเพียงเดินตามหลังมาอย่างเงียบ ๆ และพี่ชายพี่สาวของเขาคงรู้จักนิสัยดีถึงได้ไม่ชวนคุย
"อะ แฮ่ม คนนี้เว่ยเซียว เขาเป็นน้องชายคนเล็กของฉันเอง ไม่ค่อยพูดคุยเท่าไรเพราะขี้เกียจ ฮ่า ๆ" พันโทเว่ยที่เห็นฉินเสี่ยวหรานมองน้องชายก็รีบเอ่ยแนะนำ
"พี่ใหญ่" เขาส่งเสียงด้วยความรำคาญ
ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้า เธอเห็นพ่อของเธอแล้วจึงขอตัว "ขอบคุณที่ให้เดินมาด้วยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะพ่อรออยู่"
"โชคดี"
ลับหลังสาวน้อยที่เดินถือปิ่นโตเข้าไปหาพ่อของเธอ พลโทเว่ยสะกิดน้องชายที่มองไม่วางตา "เก็บอาการหน่อยสิ ตอนเธออยู่ไม่เห็นจะมอง แต่พอเธอไปกลับมองซะงั้น"
"เมื่อไหร่พี่จะหยุดพูด"
เว่ยเฉินลู่ลูกสาวคนรองของบ้านส่ายหน้า “ไป ๆ พ่อกับแม่คงรอกินข้าวแล้ว ไปช้าขึ้นมาเดี๋ยวจะบ่นอีก"
"ไปสิ"
หลังแยกจากสามพี่น้องเว่ย ฉินเสี่ยวหรานนำปิ่นโตไปส่งให้พ่อของเธอ และบอกให้ซื้ออาหารสดกลับบ้านพักก็กลับบ้านก่อน เพราะยังมีงานที่ตนเองต้องทำอยู่ ถ้ามัวแต่อ้อยอิ่งคงไม่เสร็จเร็วแน่