บทที่ ๑ (หลวงปราบ)

1064 คำ
“คุณหญิงป้าเจ้าคะ เมื่อใดท่านพี่จักมาฤๅ” หญิงสาวเอ่ยปากถามสตรีตรงหน้า ซึ่งเป็นเจ้าของเรือนที่เธอชอบมานอนค้างอ้างแรมอยู่บ่อย ๆ “ประเดี๋ยวก็คงมาดอกกระมัง เหตุใดเจ้าดูสนอกสนใจบุตรชายของข้ายิ่งนัก” คุณหญิงชบา จีบปากจีบคอเอ่ยถาม สายตาก็ชำเลืองมองดูบ่าวทั้งสองที่กำลังบีบนวดไหล่และขาของตน หล่อนมีนามว่า คุณหญิงชบา เป็นภรรยาของพระยาไกรสร ได้รับบรรดาศักดิ์จากองค์เหนือหัว ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งตามความสามารถที่เขาได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ พวกท่านทั้งสองมีบุตรชายด้วยกันอยู่หนึ่งคน นั้นคือหลวงณรงค์ปราบ ซึ่งเขาอยู่ในบรรดาศักดิ์หลวง โดยที่ไม่ต้องอยู่ในบรรดาศักดิ์ขุน เนื่องจากว่าหลวงณรงค์ปราบ มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะด้วยสติปัญญาที่หลักแหลม เรื่องศิลปะการต่อสู้เป็นเลิศ และได้ศึกษาในระดับสูงก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งหลวงให้กับองค์เหนือหัว “เปล่าเจ้าค่ะ กลิ่นจันทร์เห็นว่าคุณหญิงป้าอยู่ในเรือนผู้เดียว กลิ่นจันทร์กลัวคุณหญิงป้าจักเหงา จึงอาสามาอยู่เป็นเพื่อนยังไงล่ะเจ้าคะ หากท่านพี่กลับมาเมื่อใด กลิ่นจันทร์กลัวท่านพี่จักเอ็ดเอาว่าไม่อยู่เรือนดูแลคุณหญิงป้าในเพลาที่พวกท่านออกไปทำราชกิจขององค์เหนือหัวเจ้าค่ะ” เธอกล่าวด้วยเหตุและผล ในขณะที่กำลังนั่งร้อยพวงมาลัยเพื่อนำไปถวายพระในวันพรุ่ง หากเมื่อใดที่กล่าวคำว่าองค์เหนือหัว เจ้าตัวจึงต้องละมือ พลางพนมมือเข้าหากันก่อนจะยกขึ้นเหนือหัว หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า กลิ่นจันทร์ เป็นบุตรสาวบุญธรรมของพระยาโกมลกับคุณหญิงดวงเดือน ซึ่งเป็นบิดาบุตรธรรมของเธอ และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระยาไกรสร ใบหน้าสะสวย นุงโจงอกอย่างเรียบง่ายส่วนล่างนุงผ้าถุงลูกไม้ที่ถูกตัดเย็บอย่างดีจากพ่อค้าแม่ค้ามากฝีมือ ผมดำขลับที่ถูกเกล้าขึ้นและเก็บเรียบอย่างประณีต คิ้วเรียวสวย ปากนิด จมูกหน่อย แขนเรียวยาวที่กำลังถักพวงมาลัยอย่างชำนาญ “เจ้านี่ช่างพูดจ่อเสียจริง ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็ยังมีนังพวกนี้อยู่ให้ข้ารับใช้ ไม่ได้เป็นง่อยเบี้ยเสียขาที่จักให้เจ้าเข้ามาดูแลเสียทุกเมื่อไป” กล่าวพลางก็นั่งสะบัดพัดไปมา ในขณะที่หล่อนเองอยู่ในชุดคล้าย ๆ กับเด็กสาวตรงหน้า “กลิ่นจันทร์ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นนะเจ้าค่ะ” น้ำเสียงอ่อยเอ่ยปากพลาง ชำเลืองมองไปเจ้าของเรือนอย่างเกรงกลัว “เจ้าน่ะ ทำการของเจ้าไปเถิด เดี๋ยวข้าจักไปงีบสักประเดี๋ยว อากาศร้อน ๆ เยี่ยงนี้ ข้าคงต้องล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย ” หล่อนว่าพลางขยับตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า “เจ้าค่ะ เชิญคุณหญิงป้าตามสะดวกเจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น กลิ่นจันทร์จักเข้าไปเรียกเจ้าค่ะ” ฝ่ามือวางพวงมาลัยลงบนพานสีเงิน ในขณะที่บอกกล่าวผู้หญิงตรงหน้า “หากเจ้าทำการเสร็จแล้ว จะทำอันใดต่อก็เรื่องของเจ้า หากไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ก็ไปช่วยบ่าวไพร่ที่เรือนครัว เผื่อวันใดเจ้ามีคู่หมั้นคู่หมาย ออกเรือนไปจักได้ไม่เสียหน้าเจ้าคุณพี่และบิดาบุญธรรมของเจ้า” หล่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ที่ข้าบอกเจ้าก็เพราะหวังดี อย่าคิดเจตนาของข้าเป็นอื่น ยังไงซะข้าก็เคยเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่แบเบาะ” ว่าพลางเหลือบสายตามองเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาฟังคำสั่ง “เจ้าค่ะ กลิ่นจันทร์เข้าใจเจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงกราบคุณหญิงชบาที่มีพระคุณกับเธอ “ข้าไปล่ะ” ว่าแล้วหล่อนก็สาวเท้าจากไป โดยที่มีบ่าวไพร่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆ เพื่อไปเตรียมน้ำให้เจ้านายของตนได้ล้างเนื้อล้างตัวเพื่อให้คลายความร้อนก่อนที่จะงีบหลับบนเรือนในช่วงบ่าย “พี่ผิง กลิ่นจันทร์อยากไปเก็บสายบัวในบึงใกล้ ๆ พี่ผิงไปกับกลิ่นจันทร์นะคะ เผื่อว่าท่านพี่กลับมายังเรือนจะได้ทานของอร่อย ๆ ด้วยฝีมือของกลิ่นจันทร์ค่ะ” หญิงสาวกล่าวพลางก่อนจะขยับกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่บุตรบุญธรรมของพระยาโกมลและคุณหญิงดวงเดือนก็ตาม แต่กิริยาท่าทางจะต้องเรียบร้อย เพื่อให้เหมาะสมและเป็นกุลสตรีของสามีในอนาคต “ได้เจ้าค่ะ บ่าวขอเก็บข้าวเก็บของก่อนนะเจ้าคะ” บ่าวไพร่มีนามว่าผิง ได้คลานเข่าเข้ามาและเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะดอกไม้สดที่ไปเก็บจากในสวน พวงมาลัยที่ร้อยเสร็จแล้ว “กลิ่นจันทร์ขอตัวไปเรือนครัวก่อนนะคะ ว่าขาดเหลืออันใดบ้าง เผื่อว่าจักได้ไปตลาดค่ะ” หญิงสาวกล่าว ก่อนจะจัดแจงตนให้เรียบร้อย “เจ้าค่ะ” ผิงรับคำ จากนั้นหญิงสาวก็ได้สาวเท้าลงจากเรือนไม้ ที่ถูกสร้างมาเป็นอย่างดี เป็นเรือนไม้เก่าแก่ที่สืบทอดรุ่นสู่รุ่น “เจ้าจะไปไหน” เสียงแหลมเล็กดังมาแต่ไกล จึงทำให้กลิ่นจันทร์เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาใหม่ ในขณะที่กำลังสาวเท้าลงมาจากบันไดเรือนเกือบจะถึงขั้นสุดท้าย “พี่กำลังจักไปที่บึง เจ้าจักไปกับพี่ด้วยฤๅไม่” หญิงสาวเอ่ยอย่างเป็นไม่ตร และชักชวนอีกฝ่าย ในขณะที่หญิงสาวอีกคนยืนทำหน้าบึ้งตึง พลางนำแขนกอดอก “ข้าไม่ไปกับเจ้า และเจ้าอย่าสะเออะเรียกตนเองว่าพี่ ข้าไม่มีพี่ไม่มีน้อง ส่วนเจ้ามันก็แค่บุตรบุญธรรมที่เขาเก็บเจ้ามาเลี้ยง เป็นลูกไพร่หรือลูกโจรก็ไม่อาจทราบได้ แถมไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่แน่ชัด บิดาเจ้าเป็นใคร มารดาเจ้าเป็นใคร ก็ไม่มีใครล่วงรู้ เจ้ามันก็แค่เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้หน้าวัด” เด็กสาวตรงหน้าเอานิ้วชี้หน้าเธอพร้อมกับด่าเสียเทเสีย จนหญิงสาวต้องหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน ในขณะที่เอามือประสานไว้เหนือเอว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม