ใบหน้าที่งดงามกึ่งหล่อเหลานั้นนิ่งเรียบเย็นชา กิริยาหยิ่งยโสเหมือนคุณชายที่เอาแต่ใจ แต่เมื่อก้าวเท้าเข้ามายังหอนางโลมเหล่านางงามต่างเข้ามาห้อมล้อมเข้าหาอย่างคุ้นเคย
“คุณชายวันนี้ต้องการกี่ท่านเจ้าคะ”
หญิงวัยกลางคนที่ยังงดงามซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยออกมาต้อนรับตามด้วยบรรดาสาวงามที่เข้ามากอดแขนซบไหล่อย่างเอาอกเอาใจ ใบหน้าของหลิ่วเหวินอี้ยังคงนิ่งเรียบไม่เผยสิ่งใดออกมา ดวงตากวาดมองรอบกายเพื่อหาบางสิ่งที่ตนต้องการ
“ข้ากับคุณชายได้ข่าวว่ามีนายโลมมาใหม่สองสามคน พวกข้าต้องการคนเหล่านั้นไปพบที่ห้องพวกข้า” หลวนซานกล่าวตอบแทนผู้เป็นนาย เถ้าแก่เนี้ยหน้าเสียเล็กน้อยแม้จะรู้จุดหมายการมาของคุณชายท่านนี้แต่บางครั้งนางก็อยากได้คนอยู่ที่นี่จริงๆ
“คุณชายข่าวของคุณชายนั้นล้วนเป็นจริง เพียงแต่เด็กๆ ในเวลานี้ยังไม่ได้ขัดเกลาอีกทั้งเนื้อตัวยังไม่สะอาดไว้โอกาสหน้าคุณชายค่อยมาชมใหม่ หากคุณชายสนใจจริงๆ ในวันนี้มีนายโลมที่งดงามยิ่งมาจากสาขาใหญ่พักอยู่กับเรา แต่ใช่ว่าจะมีผู้ใดได้พบเจอได้ง่ายหากไม่มีปัญญา เพียงแค่ท่านตอบปริศนาเพียงเล็กน้อยและถูกใจนายโลมผู้นั้นย่อมได้พูดคุยสนทนาด้วยแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลิ่วเหวินอี้เหลือบมามอง คิ้วคมเฉียงรับกับใบหน้างดงามนิ่วน้อยๆ อย่างแปลกใจเพราะไม่เคยได้ยินข่าวเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้สนใจนายโลมผู้มากประสบการณ์เพียงแต่ต้องการไถ่ตัวเด็กน้อยที่อยากอยู่ร่วมกับกลุ่มวิหคดำเท่านั้น แต่ข่าวนี้ทำให้ปล่อยผ่านไม่ได้เช่นกัน ทว่าหากเขาตอบคำถามปริศนาได้ไม่เป็นการเปิดโปงความจริงในตัวเขาไปหรอกหรือ
“หากนายน้อยสนใจข้าจะตอบคำถามแทนท่าน” หลวนซานผู้รู้ใจนายน้อยดีกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองใบหน้านิ่งเฉยอย่างระวังเพราะบางครั้งก็มิอาจคาดเดาใจของนายน้อยหลิ่วเหวินอี้ได้เช่นกัน
“คุณชายโปรดวางใจ เรื่องนี้ล้วนเป็นความลับ ข้าเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวบอกด้วยรอยยิ้มการค้าเพราะอยู่กับวงการเช่นนี้มานานย่อมรู้ว่าผู้ใดต้องการความส่วนตัวผู้ใดต้องการข่าวสาร
เมื่อเถ้าแก่เนี้ยกล่าวมาเช่นนั้นหลิ่วเหวินอี้จึงพยักหน้ารับตกลง พร้อมเดินขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งจัดไว้สำหรับแขกพิเศษ เงินหลายตำลึงถูกยื่นให้ผู้นำทางอย่างควรค่า เถ้าแก่เนี้ยยิ้มหวานก้มหน้าคารวะเชิญเข้าไปในห้องพิเศษอย่างนอบน้อม ภายในห้องถูกตกแต่งงดงามและเป็นระเบียบกลิ่นหอมอ่อนๆ ภายในห้องทำให้หลิ่วเหวินอี้นิ่วหน้าอีกครั้งแม้จะไม่ได้มีความรู้เรื่องสมุนไพรแต่ก็พอรู้ว่ากลิ่นนี้เป็นยากล่อมประสาทแบบอ่อนๆ
“นายท่านทั้งสองเชิญนั่งเจ้าค่ะ นายน้อยของเรามีคำถามเพียงเล็กน้อย หากตอบได้นายน้อยจะตอบแทนนายท่านตามที่ปรารถนาหนึ่งข้อเจ้าค่ะ” หญิงสาวงดงามสองนางผายมือเชิญให้ทั้งคู่นั่งลงพร้อมรินน้ำชาให้อย่างนอบน้อม
หลิ่วเหวินอี้ในอาภรณ์น้ำเงินนั่งลงอย่างสง่างามไม่ได้หวาดหวั่นกับยากล่อมประสาทแม้แต่น้อย วรยุทธ์ที่มีก็ไม่ได้ด้อยจนยาพิษแค่นี้จะทำให้เบลอได้
“ข้ากับคุณชายได้ยินข่าวของท่านจึงได้อยากยลโฉมท่านสักครั้ง ไม่ทราบว่าท่านต้องการถามปริศนาอันใดกับข้าและคุณชายขอรับ”
หลวนซานผู้ทำหน้าที่เจรจากล่าวออกมาด้วยน้ำราบเรียบ เขานั่งถัดลงมาจากนายน้อยไปเล็กน้อยไม่กล้าตีตนเสมอนาย มองร่างโปร่งบางในผ้าม่านสีขาวอย่างสนใจ
“ไม่ทราบคุณชายทั้งสองท่านเรียกขานว่าอะไร พอจะบอกผู้น้อยได้หรือไม่”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนทางด้านหลังผ้าม่านสีขาวทำให้ผู้ฟังต้องใจสั่นสะท้านรู้สึกวาบหวามกับน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มดั่งอยู่ในสวนดอกไม้ ทว่าสองนายบ่าวยังนั่งนิ่งตอบคำถามอย่างไม่สะทกสะท้าน อาจเป็นเพราะคิดว่ายังมีผู้ใดงดงามยิ่งกว่าตนอีก ยกเว้น จิวชงหยวน หมอเทวดาผู้นั้น
หลิ่วเหวินอี้ไม่ได้มีจิตพิศวาสบุรุษแต่ที่เข้ามาเพราะความใคร่สงสัยบางอย่าง อาจเป็นเพราะลางสังหรณ์ในช่วงนี้ทำงานหนักจนต้องยอมตกลงก้าวตามเถ้าแก่เนี้ยมายังที่แห่งนี้
“คุณชายข้ามีนามว่าหลิ่วเหวินอี้ ส่วนข้าผู้ต่ำต้อยมีนามว่าหลวนซาน”
น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ตอบกลับมาทำให้ผู้อยู่หลังผ้าม่านเลิกคิ้วอย่างแปลกใจมองเงาร่างทั้งสองที่นั่งนิ่งไม่มีหวั่นไหว ตั้งแต่มาถึงยังที่แห่งนี้ยังไม่ได้ยินน้ำเสียงของคุณชายหลิ่วเหวินอี้ที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ในพรรคมาร มุมปากยกยิ้มบางแล้วกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณชายหลิ่วเหวินอี้งดงามกว่าอิสตรีทำให้ทั้งบุรุษและสตรีลุ่มหลง ข้าผู้น้อยนั้นยังเทียบไม่ติด คุณชายมาตอบปริศนาเช่นนี้คงไม่คุ้มค่าราคาหรอกขอรับ”
“ข้าหาได้สนใจหน้าตาไม่ ปริศนาของเจ้าต่างหากที่ทำให้ข้ามาที่นี่” หลิ่วเหวินอี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ความจริงตนไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้เพียงแต่มีบางสิ่งที่สะกิดใจเขาจนต้องเอ่ยปากด้วยตนเอง
ทว่าน้ำเสียงและท่าทางเย็นชาของหลิ่วเหวินอี้ ทำให้ผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านสนใจมากกว่าเดิมชื่อเสียงเลวร้ายเป็นเพียงขยะไร้ค่าเห็นทีคงจะไม่เป็นจริงเสียแล้วกระมัง
“คุณชายช่างน่าสนใจยิ่งนัก ข้ามีคำกล่าวไม่มากนัก หากท่านตอบได้ข้าจะทำตามความปรารถนาของท่านหนึ่งข้อ”
“เชิญ” หลิ่วเหวินอี้ตอบรับ ดวงตาจับจ้องผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านไม่วางตา เฝ้ามองเพื่อจับผิดบางอย่างหาใช่จิตพิศวาสเหมือนดังคนอื่นไม่
“ทะเลทุกข์เวิ้งว้าง หันหลังกลับคือฝั่ง”
คำกล่าวสั้นๆ ของผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านทำให้หลิ่วเหวินอี้นิ่งงัน ฟังดูเหมือนคำถามง่ายๆ ทว่าหากไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตอบคำถามปรัชญาข้อนี้ไม่ได้