ตอนที่ 7

2989 คำ
เช้าวันถัดมาหลังจากออกจากเมืองมาเกือบสองวัน ชานส์ก็เริ่มมีอาการ เขานั่งหอบหายใจ มือทาบหน้าอก เขาพยายามสูดอากาศเข้าปอด “เอาวัคซีนมา” ผู้ช่วยหมอส่งเข็มฉีดยา เป็นแบบปืนฉีดที่นิยมใช้สำหรับวัคซีน มียาเต็มกระบอก แต่จะพูดยาคงไม่ได้ วัคซีนนี่มีสีแดงเข้มและข้นมากด้วย หมอสั่งให้ผู้ช่วยจับชานส์นอนพลิกตะแคงข้าง มือของหมอข้างหนึ่งกดหัวชานส์ไว้ ผู้ช่วยอีกสองคนคอยจับไม่ให้ชานส์ดิ้น “เจ็บหน่อยนะ” หมอจิ้มเข็มลงไปที่บริเวณหลังคอ ชานส์เริ่มดิ้น ครางด้วยความเจ็บปวด พอหมอเริ่มฉีดเขาก็กระตุกเฮือกก่อนจะนิ่งไป “วัคซีนนี้จะทำให้เธอดีขึ้น นอนซะ” หมอจัดให้ชานส์นอนตะแคงไปก่อนพร้อมเอาสำลีมาปิดตรงจุดที่ฉีดยา ชานส์คายหมัดที่กำแน่น แขนขาอ่อนเปลี้ย แล้วหลับไป พอเห็นดังนั้นหมอออกไปนอกรถ “เขาเป็นไงบ้าง” มิเซียยืดกอดอกพิงหลังรถพยาบาล “ไม่ค่อยดี เพราะการรักษาที่ไม่ถูกวิธีบวกกับต้องเดินทางไกล ไหนจะเรื่องที่ทหารจากส่วนกลางไปโผล่ในเมืองแบบนั้นอีก เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นอาจทำให้อาการกำเริบขึ้น เราต้องไปถึงฐานให้เร็วที่สุด แล้วเรจีน่าล่ะ” “ยังดีอยู่ แต่มีอาการแพ้ท้องเป็นระยะ ๆ หวังแค่ว่าจะไม่มีอะไรน่าห่วงก่อนถึงฐานเหมือนกัน” หมอพยักหน้า สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ต้องรักษาอาการชานส์ให้คงที่ไว้ก่อนจะถึงฐาน ไม่งั้นชานส์ไม่รอดถึงวันพรุ่งนี้แน่ หมอขอตัว เขาเดินไปหาเรจีน่าเพื่อไปดูว่าเธอเป็นไงบ้าง “ไง คุณเป็นไงบ้าง” เรจีน่าส่ายหน้า เธอซีดไปเยอะถึงจะท้องแค่สองเดือนแต่อาการแพ้ท้องของเธอนับว่าหนักมาก อาหารการกินต้องระวังเป็นพิเศษ “ทนหน่อยเรามาถึงครึ่งทางแล้ว ฐานอยู่อีกไม่ไกล” “ชานส์ละ...คะ” หมอเมมปาก “ฉันทำเท่าที่ทำได้ ต้องทำให้อาการเขาคงที่ไว้จนกว่าจะถึงฐาน ยังโชคดีที่เขาอยู่กับอาการป่วยนี้มานานตรงนี้เลยไม่นานเป็นห่วงเท่าไหร่” เรจีน่ากลืนน้ำลายฝืดลงคอ ก่อนจะเริ่มสะอื้นออกมา ครอบครัวนี้เจอเรื่องลำบากมาเยอะ...เวรกรรมแท้ ๆ “เธอกำลังท้องอย่าคิดมากนัก ฉันจะดูแลสามีเธออย่างดีไม่ต้องห่วง” “ขอบ...คุณค่ะ” หมอปล่อยให้สองคนได้พัก เขาลงจากรถมองหามิเซียเห็นเจ้าตัวสั่งงานกับลูกน้องอยู่ เขามองทางเบื้องหน้าถึงจะครึ่งทางแล้วแต่ใช่ว่าจะใกล้ เขาเดินไปหามิเซีย “เราจะพักที่นี่ก่อน ทางฐานรายงานมาว่าพายุทรายกำลังก่อตัว เราไปต่อไม่ได้ถ้าพายุทรายยังไม่สงบ” มิเซียบอกหมอ มิเซียเขาเป็นชายร่างสมส่วน ภายใต้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไม่ใช่ไขมัน หมอร่วมงานกับคน ๆ นี้มาพอควร มีผู้หญิงหลายคนที่ขอนอนกับเขาซึ่ง ๆ หน้า และก็มีผู้ชายหลายคนเช่นกันที่ขอด้วย แต่เจ้าตัวเป็นทหารฉะนั้นการเย็นชาใส่ฝั่งตรงข้ามเป็นงานถนัดของเขา กระนั้นอดีตของมิเซียไม่ค่อยมีคนรู้นัก รู้เพียงแค่ว่าเขาเป็นทหารมาก่อนแล้วถูกฆ่าเพราะโดนหาว่าเป็นคนทรยศ คำนี้ดูเหมือนจะนิยมใช้กันมากขึ้นทุกที มิเซียกับหมอเหมือนกันอย่างหนึ่งคือทั้งคู่เป็นคนตายที่ตื่นจากความตายขึ้นอีกครั้ง “บาเรียน่าจะช่วยให้พวกเรารอดคืนนี้ไปได้” “บาเรียที่นายท่านสร้างขึ้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว ผมต้องไปดูความเรียบร้อยแล้ว” หมอพยักหน้า เขาเองก็กลับไปขึ้นรถพยาบาล เขามองเครื่องวัดการเต้นหัวใจ ชานส์หลับสนิท วัคซีนยังได้ผล ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ ร่างกายเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เช่นกันกับตัวยาที่ใช้ยิ่งใช้นานร่างกายก็จะพัฒนาจนทำให้ตัวยาไม่สามารถใช้กับเราได้อีก นี้แหละปัญหา ถ้าไม่รีบรักษาชานส์ปล่อยให้ใช้แต่วัคซีนยิ่งใช้ร่างกายก็ยิ่งต่อต้านตัวยามากขึ้น “ทนหน่อยนะ” การก่อการกบฏที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนในเมืองหวาดผวาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก อำนาจของนายท่านสั่นคลอนทุกขณะ ร่างโคลนของเขาเริ่มทำตัวเป็นนายใหญ่มากขึ้นทุกที อีกสักนิด รออีกนิดร่างกายใหม่ของนายท่านจะสมบูรณ์ เขายังมีคนที่พร้อมจะช่วยเขาอยู่มากพอควร ขั้นตอนแรกสำหรับการกำจัด ต้องให้ข้าสึกแทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เจ้านั้นรู้ตัว นายท่านเกือบเสียลูกชายคนโตไป เวลานี้โรบินไม่ปลอดภัยทางที่ดีที่สุดคือให้เขาอยู่กับปู่กับย่า แน่นอนว่าภรรยากับลูกคนเล็กก็ต้องไปอยู่ด้วย อย่างน้อยตอนนี้พอปลอดภัยอยู่บ้าง แต่คงไม่นาน เขาเองก็ต้องรีบแล้วไม่งั้นถ้าเด็กทั้งสามตายไปทุกสิ่งทุกอย่างจะตกอยู่ในมือเจ้านั้นเต็ม ๆ และพันธทุกอย่างจะจบสิ้นทันที เขามีร่างโคลนที่ไว้ใจได้อีกสองร่าง ร่างนึงอยู่ที่ปลายสุดอาณาเขตส่วนอีกคนคอยส่งข่าวต่าง ๆ ให้โดยเฉพาะคนนี้ที่ตัวแทนของเขายังไม่เคยเห็นหน้าตา ถือว่าโชคยังอยู่ในมือ เส้นสายก็พอมีบาง ทำให้รู้ว่าตอนนี้เจ้านั้นกำลังเตรียมการฆ่าลูกของเขาอยู่ จะมาไม้ไหนอีกนะ ไม่มีเวลาคิดแล้วคงต้องให้ลอร์ดแดรกคิวล่ามาช่วยอีกแรง ดีที่สงครามของทั้งคู่จบลงด้วยดีแถมยังทำธุรกิจร่วมกัน พันธสัญญาที่ทั้งคู่ตั้งขึ้นลอร์ดแดรกคิวล่าคงไม่กล้าปฏิเสธ รู้แหละว่าลอร์ดแดรกคิวล่าคงแค่อยากนั่งดูมากกว่าแต่จะให้มีพันธมิตรไว้ทำไม แม้แต่องครักษ์ของเขาทั้งหกคนพร้อมที่จะอยู่ข้างเข้า เจ้านั้นไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะทำให้เหล่าองครักษ์เชื่อใจ ยิ่งคิดล้มอำนาจแล้วจะเหลืออะไรล่ะ เจ้านั้นคงลืมไปมั้งว่าองครักษ์ทุกคนนั้นล้วนเป็นคนในครอบครัวของเขาทั้งนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็มีแผนรับมือเจ้านั้นอยู่... ชานส์เริ่มรู้สึกตัว หัวของเขาหมุนติ้วอีกแล้ว เมื่อไหร่จะหายจากอาการนี่สักที ชานส์นอนขยับตัว เริ่มเมื่อยเพราะนอนตะแคงนาน เขาค่อย ๆ นอนหงาย “เธอแล้วเหรอ” หมอวางแผ่นข้อมูลคริสตัลแล้วช่วยจับเขาให้นอนหงาย “กี่โมงแล้วฮะ” “ทุ่มหนึ่งพอดี อยากกินอะไรไหม” ชานส์ส่ายหน้า “เรา...” “ยังไม่ถึง มีพายุทรายก่อตัวใกล้กับจุดที่เราอยู่ เพื่อความปลอดภัยเราต้องพักกันที่นี่คืนนี้ พรุ่งนี้ถึงจะเคลื่อนย้ายกันต่อได้” ชานส์เงียบนึกสิ่งที่จะพูด “คุณฉีดอะไรให้ผม” “วัคซีน ฤทธิ์ของมันเหมือนมอร์ฟีน เพียงแต่จะแรงกว่านิดหน่อย รู้สึกยังไงบ้าง” “เวียนหัว” “อืม...เป็นผลข้างเคียงจากตัวยา ถ้าง่วงอยู่ก็นอนซะ” หลังจากผ่านพายุทะเลทรายลูกใหญ่พวกเขาเดินทางกันต่อ อีกไม่ไกลก็จะถึงแต่อุปสรรคใหม่ก็มาขว้างพวกเขา ชานส์ที่ตอนนี้ดีขึ้นพอควรมองนอกหน้าต่างเขาเห็นเหมือนหนอนตัวใหญ่ผุดขึ้นมาจากทะเลทราย “นั้น...หนอนทะเลทราย” “ล...แล้วมันจะทำอะไรเราหรือเปล่า” “ขอเพียงไม่ไปอยู่ในเส้นทางหรือในอาณาเขตของมันก็ไม่มีอะไรต้องห่วง” ชานส์มองพวกหนอนถึงเห็นไกล ๆ แต่ตัวใหญ่ใช่เล่น พวกมันมีเยอะมากคงขึ้นมาหาอาหารกิน เห็นแล้วสยองแท้ “พวกมันอยู่ทุกที่ในทะเลทรายเลยเหรอครับ” “แน่นอนพวกมันอยู่มาก่อนเรา มันคือเจ้าบ้านส่วนเราเป็นแค่แขกที่ผ่านมาเท่านั้น มันเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่อยู่มาหลายล้านปี หลายศตวรรษ นับประสาอะไรกับคนอย่างเรา” “แล้วตรงที่เราอยู่กันล่ะ” “ไม่มีหรอก” หมอเพยิดหน้าไปที่พวกหนอน “ถึงมันจะอาศัยอยู่ใต้ดินแต่เราสามารถหาพวกมันเจอได้จากคลื่นอินฟาเรดสำหรับตรวจวัดสิ่งมีชีวิตใต้ดินโดยเฉพาะ ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางไหนในทะเลทรายที่ปลอดภัยบ้าง” ชานส์ฟังอึ้ง ๆ พวกเขามีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยมาก ๆ ถ้าคิดอยากจะโจมตีเมือง ไม่แปลกใจเลยถ้าพวกเขาสามารถเข้ายึดเมืองได้ทั้งเมือง ตกเย็นชานส์หน้าซีดลงกว่าเดิม เวลาหมดลงเรื่อย ๆ หมอใส่เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็ก หันไปถามคนขับ “ใกล้ถึงหรือยัง” “อีกห้ากิโลครับ” หมอไม่สบอารมณ์ ไม่คิดว่าอาการของชานส์จะกำเริบเร็วแบบนี้ พึ่งจะฉีดวัคซีนไปเมื่อวานนี้เอง “วัคซีนไม่มีผลกับร่างกายเขาเลยเหรอครับ” ผู้ช่วยหมอจับเครื่องช่วยหายใจไว้ “ได้ผลน่ะมันได้ แต่ร่างกายชานส์อ่อนแอกว่าที่คิด ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเร็วแบบนี้” เครื่องตอบรับของหมอดังขึ้น “ว่าไง” “คุณหนูเรจีน่าแพ้ท้องหนักมาก แล้วเหมือนเธอจะเริ่มมีอาการครรภ์เป็นพิษหน่อย ๆ ด้วย ให้เราฉีดวัคซีนให้เธอได้ไหมครับ” “จัดการเลย” หมอวางเครื่องตอบรับ “เร่งเครื่องเถอะ ส่งข้อความบอกมิเซียด้วย เราต้องรีบแล้ว” เจ้าหน้าที่ที่นั่งข้างคนขับโทรหามิเซีย ส่วนคนขับรีบเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม “วัคซีนจะไม่มีผลกับหล่อนใช่ไหมครับ” “หวังว่าจะไม่” ยี่สิบนาทีพวกเขาก็มาถึง พอรถหมอรีบผลักเปิดประตู “มาช่วยทางนี้หน่อย!” หมอเข็นรถเข็นลงรถแล้ววิ่งเข็นรถเข้าไปในฐาน รถอีกคันก็เช่นกัน ผู้ช่วยหมอสองคนที่อยู่คันเดียวกับเรจีน่า เข็นรถลงมารีบวิ่งเข็นเข้าฐาน มิเซียลงจากรถมองดูรถเข็นสองคันเข้าไปในฐาน เจ้าหน้าที่ที่ยืนข้างเขารับโทรศัพท์ ก่อนหันไปกระซิบบางอย่างกับเขา มิเซียหันมองบนฐานตรงห้อง ๆ หนึ่ง เห็นชายที่โทรมายืนมองอยู่ “เข้าใจแล้ว” เขาเดินเข้าไป ประตูห้องพยาบาลเปิดกว้าง รถเข็นสองคันเข้ามา “เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดให้พร้อม” หมอที่เหลือเข็นรถวางอุปกรณ์มาข้าง ๆ รถเข็น “เอามีดมา” ชายที่ยืนมองเหตุการณ์ด้านนอก เดินทอดน่องไปตามทางเดินยาวจุดหมายปลายคือห้องพยาบาล เขาหยุดยืนหน้าห้องมองผ่านช่องสี่เหลี่ยมตรงประตู ข้างในตอนนี้ชลมุนวุ่นวายไปหมด เขามองเลือดที่ไหลออกจากแผลตรงหน้าอกของชานส์ เลือดเหอะหนะไหลเต็มเตียง หมอพยายามอุดรอยรั่วจากแผลที่เขาเป็นคนยิง ส่วนเรจีน่าแยกไปอีกห้องหนึ่ง พวกพยาบาลตรวจดูครรภ์เธออย่างใกล้ชิด เขาหวังว่าทั้งสองจะปลอดภัย เขาเสียอะไรไปไม่ได้อีกแล้ว ยอมรับว่าตั้งแต่เรจีน่าเข้ามาใจชีวิตของชานส์ เขายิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น จากคนชอบเก็บตัวเริ่มออกไปสร้างสรรค์กับเพื่อนเป็นครั้งคราว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาได้เพียงแต่เฝ้าดูพวกเขาใช้ชีวิต ไม่อาจเข้าไปหาไปคุยได้เมื่อสถานะของเขายังไม่มั่นคง แม้กระทั้งตอนนี้เขายังไม่มั่นใจตัวเองเลยว่าจะอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ‘เป็นบุญของแกที่เขาคนนั้นยอมให้แกมีชีวิต ถึงสิ่งที่แกทำไม่อาจให้อภัยได้ก็ตาม แต่แกเหมือนกับลูกของเขาที่เขาฆ่าเองกับมือ’ ขนลุกไม่หาย เรื่องเกี่ยวกับชายคนนั้นเขาเองก็ยังเคยนึกว่ามันเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก พอเจอตัวเป็น ๆ อึ้งไม่หายเหมือนกัน เขาเดินจากไป ไปที่ห้องที่เขาให้มิเซียไปรออยู่ มิเซียนั่งอ่านรายงานที่เข้ามา เขาสั่งการลูกน้องให้เฝ้าทุกทิศทุกทางเข้าออก ปราการที่แน่นหนา ใครที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตตายสถานเดียว นี่คือกฎที่ใคร ๆ ก็ต้องทำตาม ชีวิตทั้งคนไม่อยากเสียมันไปหรอกว่าไหม แต่คนดีก็มี คนบ้าก็เยอะ พวกหนอนทะเลทรายเริ่มเยอะขึ้นทุกที พวกมันเริ่มจะเฉียด ๆ เข้ามาที่ฐาน ณ ที่นี้ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าหนอนเหล่านี้อีกแล้ว ชั่งเถอะคิดมากปวดหัว เขามองนาฬิกาข้อมือสั่งให้มารอแต่ตัวเองหายไปไหนก็ไม่รู้ “วันนี้จะว๊ากอีกไหมเนี่ย” คนเจ้าอารมณ์ที่ว่าเป็นหัวหน้าที่คอยดูแลฐานนี้ เวลามีใครทำให้ไม่พอใจ...พ่อคุณไม่อยากนึกเลย ร้ายสุดยิงเจ้าคนดวงซวยทิ้ง ดีหน่อยให้อยู่ในคุกปรับความประพฤติ แล้ววันนี้จะเป็นแบบไหนได้แต่รอลุ้นแล้วล่ะ ประตูเปิดผ่าง คนเจ้าอารมณ์ที่ว่าเดินเข้ามา ก่อนล็อคประตูแน่น แล้วพุ่งตรงเข้ามา มิเซียถูกกักอยู่ระหว่างแขนกำยำสองข้าง “คุณกำลังหัวเสีย ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ” “.....” ทั้งคู่อยู่ท่านั้นอยู่นาน มิเซียชักอึดอัดต้องมีฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่งเปิดก่อน “คุณควรพักหน่อย...” จับเหวี่ยงทีเดียวเขาลงไปนอนบนโซฟา เขากุมขมับหน้าเหยเก เจ็บหัวจากแรงกระแทกภาพตรงหน้าเบลอชั่วขณะ พอตั้งสติได้คนตรงหน้าก็ตรึงเขาไว้ด้วยมือแข็งแรง “ไม่ใช่เวลาเหมาะ คุณมีแขกนะอย่าลืมสิ” “ฉันรู้” แต่เจ้าตัวก็ยังก้มลงมาคลอเคลียลำคอเนียนของมิเซีย อีกนานกว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้นปากบอกรู้...ให้ตายสิ เอาเถอะมิเซียคิด นิ่งไว้ดีกว่า... “เย็นแล้วนะเมื่อไหร่จะลุกสักที” มิเซียบ่นอุบอิบคนที่นอนข้าง ๆ ต้องบอกว่าเกือบนอนทับมากว่า ขาชายที่นอนเกยทับขาเขา ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุจริง ๆ จะทำยังไงดีเนี่ย... “ขอละรู้จักหน้าที่ตัวเองหน่อย ผมไม่ใช่นางบำเรอคุณนะ” คำพูดสุดท้ายชกที่ท้องจัง ๆ ชายที่นอนอยู่ยันตัวบนศอกข้างซ้าย “นางบำเรอเรอะ” “ทำไมแทงใจดำเรอะ ที่ทำทุกวันนี้คือไรล่ะ” ชายตรงหน้าไม่พูด เขาก้มหน้าขบริมฝีปากอวบอิ่มของมิเซีย มือข้างขวาจับแหวนที่ห้อยอยู่ที่คอมิเซีย “ถ้านายเป็นนางบำเรอแหวนนี่ก็ไม่เหมาะกับนาย” มิเซียนิ่งไปวินาทีหนึ่ง เขาลุกขึ้นนั่ง “คุณชอบหรี่ผู้หญิงไปเรื่อย จะไม่ให้คิดได้เหรออย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยคิดว่าผมจะยุ่งกับใครคนอื่นเลย” “ใช่ฉันคิด” ชายคนนั้นจูบไหล่เปลือยเปล่าของมิเซีย “แต่นายห้อยแหวนนี่แล้วฉันจะคิดทำไม” “เพราะตอนนี้ผมยังไม่ใช่ของคุณ” มิเซียจ้องหน้าเขา “ถูก...เมื่อไหร่ที่นาย” มือหนาลูบหน้าท้องมิเซีย “มีลูกให้ฉันเราจะเป็นของกันและกัน อย่าคิดมากสิ” มิเซียลูกใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่มีหนวดขึ้นประปลาย เขาเชื้อเชิญแล้วใคร่จะปฏิเสธ ชายตรงหน้าดึงเขาให้ขึ้นนั่งบนตักพร้อมบรรเลงเพลงรักให้มิเซียอีกครั้ง ตอนเย็นแล้วแต่ชานส์ยังไม่ได้สติ หมอกลัดกลุ้มใจ เขาทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ‘คงต้องรอปฏิหาริย์อย่างเดียวแล้ว’ หมอนั่งอยู่อย่างนั้น อยากอยู่จนกว่าชานส์จะตื่น เด็กน้อย...เวรกรรมแท้ ๆ ที่มาเจอเรื่องอย่างนี้ ยังดีที่เรจีน่าอาการดีขึ้นมาหน่อย ขณะที่หมอคิดอะไรเพลิน ๆ ชานส์เริ่มขยับตัว “เฮ้ ได้ยินฉันไหม” หมอหยิบไฟฉายส่องที่ลูกตาชานส์ ชานส์พยักหน้าแต่ยังพูดไม่ได้ เขาสลึมสลือ พยายามยกมือที่อ่อนเปลียขึ้น หมอจับมือนั้นวางข้างตัวชานส์ “ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว เรจีน่าเธอปลอดภัยดี เธอทั้งคู่อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จนกว่าจะถึงเวลาพักผ่อนให้เยอะ ๆ นะ” หมอลุกขึ้น “ฉันไม่กวนละง่วงก็หลับซะ” หมอออกไปแล้ว ชานส์มองเพดาน ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานร่างกายที่หนักอึ้ง ความรู้สึกปวดนิด ๆ จากการผ่าตัด ‘ทรมาณจัง’ ไงซะเขาเชื่อที่หมอบอกว่าเรจีน่าปลอดภัย คิดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มงัวเงีย คงดีกว่าถ้าเรจีน่ามานอนอยู่ข้าง ๆ ถึงจะห่วงมากแค่ไหนแต่หมอก็ดูแลเรจีน่าให้อย่างดี อีกเรื่องที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับครอบครัวเขา เขาตั้งคำถามกับทุกคนที่อาจรู้เรื่องนี้ แต่ใครเล่าจะยอมปริปาก ราวกับถ้าพูดนั้นหมายถึงชีวิตของพวกเขา ชักปวดหัว เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิดอ้าชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ชานส์มองเห็นไม่ชัด เขาง่วงเต็มที ในที่สุดเขาก็ฝืนลืมตาไม่ไหว “ชูวว์ขอโทษที่เข้ามากวนเวลานอนของนาย” มือหนาลูบผมเขาเบา ๆ “แต่อยากแน่ใจว่านายดีขึ้น” ชายคนนั้นนั่งบนเก้าอี้เป็นเพื่อนชานส์ ค่อยลูบผมเขาอยู่แบบนั้น ชานส์ยังรับรู้การกระทำนั้น ‘อุ่นดีจัง’ เขาคิดในใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม