ตอนที่ 8

2860 คำ
ชานส์อยากลุกนั่งมาก เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ มาทั้งคืน ยาแก้ปวดที่หมอฉีดให้ก็ไม่ช่วยบรรเทาอาการเลยแม้แต่น้อย เขาครางเพราะเริ่มปวดแผลอีกละลอก ถึงปวดแค่ไหนก็ไม่มีแรงเลย ฤทธิ์ของยายังอยู่แต่... “ชานส์ เจ็บเหรอ” หมอวิ่งมาที่เตียงหลังจากเข้ามาในห้องยังไม่ทันประตูจะเปิดดีด้วยซ้ำ หมอแหวกเสื้อตรงหน้าอกชานส์ แผลยังไม่แห้งสนิทแต่ไหมเริ่มละลายแล้ว “อดทนหน่อย คงเป็นเพราะไหม มันเริ่มละลายแล้ว” “ผมปวด...” ชานส์จับแขนเสื้อหมอแน่น “ฉันรู้แต่...ฉันก็ทำเต็มที่แล้ว ที่ฐานมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอที่จะรักษาเธอ อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายเธอไปอีกที่หนึ่งด้วย มันไกลเกินไป” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผู้ช่วยหมอชะโงกหน้าเข้ามา “คุณหนูเรจีน่าเจ็บท้องอีกแล้วครับ” “เข้าใจละ” หมอดึงผ้าห่มให้ตึง “ฤทธิ์ยายังมีอยู่ฉันไม่กล้าฉีดให้เธออีก เดี๋ยวฉันจะรีกกลับมานะ” หมอรุดออกจากห้องไป ทิ้งให้ชานส์จมปลักกับความเจ็บปวด ชานส์กำผ้าห่มแน่น แผลที่ปวดทำเอาเขาตาลายเหงื่อแตกพลัก เมื่อกี้ผู้ช่วยคนนั้นพูดถึงเรจีน่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาอยากไปหาแทบขาดใจ เขาครางเจ็บขึ้นทุกที มือของใครคนหนึ่งกุมมือเขาไว้พร้อมกับลูบผมเขา ชานส์เงยหน้ามอง “รอย...ทำไม...” รอยยิ้มให้เขาพร้อมลูบผมปลอบประโลมชานส์ “ไม่...นาย...นายตายไป...แล้ว...” “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กัน...ตอนนี้นายต้องรักษาร่างกายตัวเองให้แข็งแรกเข้าไว้นะ จะได้หายไว ๆ” ชานส์เอื้อมมือ รอยจับมือชานส์แน่น “อยู่...อยู่...” “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่านายจะหลับ โอเคไหม” รอยนั่งลูบผมชานส์อยู่แบบนั้นจนหมอกลับเข้ามาในห้อง “รอย” เขาเพียงหันไปมองแวบเดียวก่อนหันกลับ เขาไม่อยากคลาดสายตาจากชานส์แม้แต่นาทีเดียว อยากแน่ในว่าน้องชายคนนี้จะตื่นมาคุยกับเขา ไม่ใช่ไปจากเขาทั้งอย่างนี้ “ฉันไปดูเรจีน่ามา” “เธอ...” “เจ้าตัวสบายดีแต่อ่อนเพลียจากการเดินทาง เลยให้เธอนอนพักที่ห้องพยาบาลไปก่อนจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอโอเคขึ้น เธอถึงจะให้เธอไปนอนที่ห้องพักส่วนตัว” รอยขอบคุณหมอ เรจีน่าหล่อนเป็นดั่งหัวใจของชานส์ ถ้าหล่อนตายชานส์คงไม่อยากจะอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป เขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนี้มาก่อน จนตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมชานส์ถึงทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก เพราะตอนนี้เขาเองก็มีคนที่รักให้ปกป้องแล้ว หมอยืนขึ้นแตะไหล่เขา “ที่นี่พวกเขาจะปลอดภัย” “ไม่” เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะไรปลอดภัยถ้าชายคนนั้นยังอยู่ จนกว่านายท่านจะส่งมันลงโลง” หมอฟังสิ่งที่รอยพูด คนที่รอยพูดถึงก็คือร่างโคลนของนายท่านที่หยิ่งผหยองในอำนาจที่ได้มา คงปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาเองก็กลัวเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกัน “ต่อจากนี้จะเอายังไง” “รอให้ชานส์ฟื้นก่อน คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเชื่อเรื่องนี้” “จะบอกเขาเหรอ” รอยพยักหน้า “สงครามใกล้ปะทุทุกที เป็นการดีกว่าถ้าบอกความจริงให้เขารับรู้” ชานส์เริ่มรู้สึกตัวพยายามลุกแต่ไม่มีแรง เขารู้สึกแปลกบอกไม่ถูกพอมองดูรอบกาย เขาไม่ได้อยู่ที่ห้องพยาบาลแล้ว ห้องนี้น่าจะเป็นห้องพักส่วนตัว กระนั้นที่แขนไม่วายมีสายน้ำเกลือติดอยู่ ภายในห้องตกแต่งเรียบ ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจยกเว้น ชายตรงหน้า เขามีคำถามมากมายที่อยากถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ได้เจอกันสักที” รอยเดินมานั่งข้างเตียง จังหวะนั้นในหัวชานส์คำถามมากมายพลั้นหายไป มีเพียงความว่างเปล่าและค่อย ๆ แทนที่ด้วยความทรงจำในวัยเด็กของเขากับ... “รอย” รอยยิ้มตรงมุมปาก “ใช่ ฉันเอง” ชานส์อยากยิ้มแต่...เขาไม่เข้าใจ ความทรงจำสุดท้ายที่เขาจำได้คือกระสุนที่ทะลุอกเขา และกระสุนอีกนั้นของผู้กำกับดีนตรงเข้าที่อกของรอย ตายคาที่...แล้วทำไมยังอยู่ตรงนี้....ตรงหน้าเขา “ฉันรู้มันฟังดูยาก มันไม่สมเหตุสมผลที่ฉันยังมีชีวิต” รอยกำหมัดแน่น “แต่มันคือเรื่องจริง” ชานส์เลือกที่จะเงียบฟังในสิ่งที่รอยจะพูด รอยส่ายหน้า “ตอนนี้นายยังไม่เข้าใจ อีกไม่นานน้องชายทุกอย่างจะกลับไปเริ่มต้นใหม่” “อะไรคือ เริ่มต้นใหม่” รอยสูดหายใจเข้า “ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันเองเหมือนกัน ตอนที่ฉันตายฉันรู้เพียงแค่ว่าทุกอย่างเงียบสงบ นิ่งราวกับฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วก็มีเสียงเรียกฉันจากความมืดนั่น ฉันยื่นมือไปคว้าเสียงนั่นแล้วทุกอย่างก็สว่างจ้า” รอยมองที่มือ “ฉันเห็นเขา” “เห็นใคร” เขามองหน้าน้องชาย “ชายคนนั้น ชายที่อยู่ในนิทานที่พ่อแม่มักจะเล่าให้เด็ก ๆ ฟังทุกคืนว่า เขาเป็นใคร เขาทำอะไร เขามีอำนาจมากแค่ไหน ชายที่เป็นดั่งพระเจ้าแต่เป็นเทพที่ได้ชื่อว่าลูซิเฟอร์ ฉันตื่นขึ้นเห็นเขานั่งข้างเตียง เขาเพียงแค่บอกว่าฉันควรได้รับโอกาส เพียงแต่เป็นโอกาสเดียว ไม่มีครั้งที่สอง ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าจะเป็นงานอะไรฉันพร้อมที่จะทำ ห้าปีต่อมาฉันได้รับคำสั่งให้มาประจำการอยู่ที่นี่เพื่อที่จะให้ไปรับนาย” “ทำไม” “เพราะนายป่วย อาการป่วยของนายจะไม่หาย นายควรได้รับการดูแลจากแพทย์ที่มีฝีมือ” เขาเงียบเหลือบตามองสายรัดคอสีดำที่สลักชื่อของรอยไว้เป็นตัวอักษรหวัด “ฉันรู้คิดว่าตอนแรกฉันก็คิดแบบนาย รอให้นายได้เจอนายท่าน แล้วนายจะเชื่อเอง” “นายท่าน” “คนที่ทำให้ฉันกลับมาอีกครั้ง” รอยมองหน้าเขา “ไม่ต้องห่วงอยู่ที่นี่นายจะปลอดภัย อย่าออกไปไหน อย่าอยู่ห่างจากสายตาของฉันเด็ดขาด ตอนนี้ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้วนับแต่วินาทีที่นายมาที่นี่...ไม่สิ...มันไม่ได้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” “จะบอกว่ามีที่ชวนขนลุกมากกว่านี้อีกเรอะ” “ใช่” รอยลุกขึ้น “นายต้องเรียนรู้ที่ต้องอยู่กับมันไปตลอดกาล” ชานส์จ้องมองเพดานเวลาล่วงเลยไปแค่ไหนแล้วนะ หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรือมากกว่านั้น เขาทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากคนที่ตายไปแล้วถ้าเป็นฝันก็อยากตื่นซะที “ถ้าฝันก็ไม่น่าจะเจ็บแบบนี้” เขาวางมือทาบกับแผลตรงอก “ต้องอยู่ที่นี้อีกนานเลยสินะ” เขาพูดพร้อมเอนตัวลงนอน พักนี้เขาเริ่มเหนื่อยมากขึ้นแค่ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว เสียงเคาะประตูดังสองครั้งก่อนที่คนข้างนอกจะเข้ามา “เข้าไปนะ” หมอเข้ามาในห้อง “หมอ” “เจอเขาหรือยัง” เขาพยักหน้า “มันน่าเหลือเชื่อว่าไหม ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” “คุณเป็นเหมือนกันใช่ไหม...เหมือนรอย” “พี่ชายเธอ...ใช่ รอย เขาคงเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับเขาและเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่” หมอถอนหายใจ “ฟังนะชานส์ บนโลกนี้ไร้เหตุไร้ผลไปนานแล้ว ตรรกะพวกนั้นอย่าใช้ให้เปลืองสมอง ในเมื่อเธอเชื่อสิ่งที่เห็นได้ จริงอยู่ที่การที่พี่ชายเธอยังมีชีวิตอยู่มันน่าเหลือเชื่อ ไม่มีอะไรรับประกันสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรพิสูนจ์ได้แล้วไง...ตรรกะนั้นบางทีมันก็ใช่ไม่ได้หนิ...จริงไหม” หมอยังคงพูดต่อ “ของจริงมันต่อจากนี้ ถึงตอนนั้นเธอจะรู้เองว่าบนดินก็คือนรกดี ๆ นี่เอง พักผ่อนซะเรื่องชวนปวดหัวพักนั้นอย่าไปสนใจ รอจนกว่าเธออาการคงที่ฉันจะพาเธอไปหาภรรยาของเธอ อย่างที่แนะนะเธอควรเชื่อสิ่งที่ตามองเห็นจำไว้” หมอวางยาที่ใส่มากับถาด "อีกครึ่งชั่วโมงจะมีคนเอาอาหารเข้ามา กินเสร็จกินยาพวกนี้ตาม เธอจะได้หายเร็ว ๆ” หมอออกจากห้องไป ชานส์พูดไม่ออกสิ่งที่หมอพูดเขาฉุดคิดว่าโลกที่เขาอยู่นี้ ยังใช่โลกจริง ๆ หรือแค่ภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมา “พระเจ้า...คุณมี ตัวตนหรือเปล่า” “คุณคิดว่าพระเจ้ามีตัวตนหรือเปล่า” มิเซียถามพลางจัดการเสื้อผ้าตน “ลูซิเฟอร์ยังมีตัวตน แล้วไยจะไม่มีเทพคนอื่นจริงไหม” รอยวางเอกสารพร้อมยืดเส้นยืดสาย เขามองมิเซียแต่งตัว รู้สึกหิวขึ้นมาอีกระรอก “อย่าคิดเชียวนะ วันนี้ก็ทั้งวันแล้ว” “จะพยายาม” เขาเดินไปกอดมิเซียจากข้างหลัง คลอเคลียลำคอที่เขาชอบทำทุกครั้ง “รอย” “หืม” “สงครามจะเกิดขึ้นไหม” เขาไม่ตอบมองเงาสะท้อนตัวมิเซียจากกระจกหน้าต่าง เขายกมือมิเซียขึ้นมาจูบ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นทหารแบบมิเซียจะมีมือที่นิ่ม ไม่กระด้างแบบผู้ชายในสนามรบทั่วไป รอยคิดว่ามิเซียน่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายตอนนี้เจอกันแรก ๆ แค่คิดเท่ากับดูถูก มิเซียไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปร่างหน้าตา เปลือกนอกนี้เป็นเพียงสิ่งล่อลวงให้ผู้คนตายใจเท่านั้น เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็หลงใหลไปกับเปลือกนอกนี้ด้วย...จนโงหัวไม่ขึ้น “ยังไงมันก็ต้องเกิด” เขาจับมิเซียให้หันมา ก้มลงหอมแก้มเนียนไล้ไปที่หู กอดคนตรงหน้า “ตราบใดที่มนุษย์...ยังไม่หมดไปจากโลก จะยังมีสงครามอีก เธอก็รู้มิสว่ามนุษย์มีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด พวกมันต้องการทุกอย่างที่จะทำให้พวกมันสุขสบาย แม้แต่ชีวิตอมตะที่นายท่านมอบให้กับพวกมัน ความเห็นแก่ตัวของพวกมนุษย์ทำให้นายท่านต้องสูญเสียทุกอย่างไป” ตอนที่รอยฟื้นขึ้นมาแล้วเขายังมิได้รู้เกี่ยวกับตัวนายท่านแม้แต่น้อย จนกระทั้งดวงดาวแห่งความทรงจำตกลงมาจากฟากฟ้าทำให้เขาเห็น เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและนั้นทำให้เขาไม่คิดต่อต้านนายท่าน ความภักดีนั้นต้องใช้เวลาแต่เขาจะไม่ให้มันต้องสูญเปล่า เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนายท่าน เพื่อรอยยิ้มที่ท่านผู้นั้นสูญเสียไป...ให้กับมนุษย์ “ผมเคยคิดว่าทุกอย่างคงเป็นแค่ฝัน แล้วดวงดาวแห่งความทรงจำล่วงมาจากฟ้าทำให้เราเห็นทุกอย่าง” “ฉันรู้...นั้นทำให้คนตายอย่างพวกเราเกลียดชังมนุษย์” “หายไปไหน!” ร่างโคลนของนายท่านตวาดลั่นห้องแก้ว เพราะร่างที่นอนเจ็บอยู่ของแล็คน่าจะอยู่ที่นี่ กลับหายไป “พวกเราไม่ทราบครับ ทางเรากำลังพยายามหายอยู่...แต่ที่เราคิดไม่แน่ว่า...” ร่างโคลนหันขวับไปหาเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่ภักดีต่อเขา “ไม่แน่ว่าอะไร” “นายท่านอาจจะนำตัวคุณหนูไปซ่อนที่อื่น” ร่างโคลนชะงัก จริงสิเขาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ถึงอำนาจของนายท่านจะอยู่ในกำมือร่างโคลนอย่างเขา แต่ไม่ใช่กับความภักดี ผู้คนในเมืองนี้ยังอยู่ข้างนายท่านมากกว่าเขา แล้วคนอื่น ๆ ที่อยู่เมืองต่าง ๆ ล่ะ เขาหลงในอำนาจที่ครองมากไปจนไม่ฉุดคิดเรื่องนี้ เขาทำใจให้เย็นลง “ชั่งก่อนตอนนี้โฟกัสไปที่ฝั่งตะวันตก พวกยอมรับคำเชิญชวนของเราไหม” “ครับ พวกเขายินดีทำตามคำสั่งท่านครับ” ใช่ ไม่ต้องกลัวฝั่งตะวันตกตอนนี้เป็นพันธมิตรกับเขาแล้ว ศัตรูของนายท่าน เขายิ้มรับชัยชนะที่อาจเป็นจริงในอนาคต จูเลียหรือนายหญิง ภรรยาของนายท่าน นอนร้องไห้อยู่ในห้องนอนใหญ่ของบ้าน จิตใจของหญิงสาวตกต่ำถึงขีดสุด เธอไม่เคยอยู่ห่างจากลูก ๆ เท่านี้มาก่อน ทำได้เพียงเฝ้าภาวนาให้ลูก ๆ ทั้งสามปลอดภัย เธอทั้งว้าเหว่ โศกเศร้า คับแค้นใจ ทุกอย่างทำไมจำเพาะต้องกับครอบครัวตน คำถามที่ไม่มีคำตอบ เธอขังตัวเองไว้ในบ้าน ถึงรอบ ๆ บ้านจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล นั้นไม่ทำให้เธอสบายใจเลย “เมื่อไหร่คุณจะตื่นซะที” เธอร้องออกมาพร้อมกอดตัวเองไว้ “คุณคะ” ลึกลงไปในห้องใต้ดินเล็บคมกริบทั้งสิบเริ่มกรีดผนังเลือดดักแด้ทีละนิดๆ เลือดจากข้างในดักแด้ไหลซึมตามรอยข่วนที่เริ่มเยอะขึ้น ถึงจะไม่ใช่เวลาเหมาะที่เขาจะออกมาแต่เวลาใกล้หมดลงแล้ว... ชานส์กินอาหารที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ กินได้นิดเดียวก็กินไม่ลง “กินอีกหน่อยเถอะครับ” “ผมกินไม่ลงแล้ว” “ชานส์ ฉันเอง...ขอเข้าไปได้ไหม” รอยเปิดแงมเปิดประตู “อืม” รอยเปิดประตูเข้ามาข้างใน เขาสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เอาอาหารเข้ามาให้ออกไป “โทษนะที่กวนเวลาพักผ่อน โอเคขึ้นมั้งไหม” ชานส์พยักหน้า “แต่ยังเหนื่อยอยู่ รอยยกมือเสยผม “ฉัน...ให้ตายสิเข้ามาเองแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี” “บอกฉัน” “ห๊ะ” “บอกฉันรอย บอกทุกอย่างเกี่ยวกับโลกนี้” รอยนั่งลงบนเตียง “ถ้าฉันบอกนายจะเชื่อไหม” “ฉันอยากรู้...บอกฉันที” เสียงของรอยเบาหวิว “ตอนนั้น ตอนที่ฉันโดนยิงเสี้ยววินาทีทุกอย่างมืดมิดไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด ฉันคิดว่าทุกอย่างคงจบผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ที่จมปลักในความมืด มีเสียงหนึ่งเรียกฉัน ฉันคงหูแว่วแต่ไม่เสียงยิ่งดังขึ้นแล้วฉันก็เดินตามไปจนพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ห้องนั้นเหมือนห้องทดลองขนาดใหญ่ มีคนใส่ชุดกาวสองสามคนยืนใกล้ฉัน พอมองรอบ ๆ ก็เห็นเข้า เหนือกำแพงชั้นล่างชั้นสองเป็นกระจกสำหรับมองลงมา ฉันเห็นเขาชายที่อยู่ในนิทาน ชายชุดสีดำที่ใคร ๆ เรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ความรู้สึกที่เขามองฉันมันอธิบายไม่ถูกมีหลายอารมณ์ในดวงตาคู่นั้น หลังตื่นได้ไม่กี่วันฉันได้รู้ว่าเขาเป็นเพียงตัวแทนนายท่านเท่านั้น...วันหนึ่งฉันไปรายงานความคืบหน้างานที่ได้รับมอบหมายสิ่งที่เขาพูดกับฉัน คำพูดเดียวนั้นทำให้ฉันรู้ว่าฉันต้องภักดีกับใคร “เป็นบุญของแกที่เขาคนนั้นยอมให้แกมีชีวิต ถึงสิ่งที่แกทำไม่อาจให้อภัยได้ก็ตาม แต่แกเหมือนลูกของเขาที่เขาฆ่าเองกับมือ” ฉันเลยไปหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้น เวลาเดียวกับที่ดวงดาวแห่งความทรงจำร่วงมาจากฟ้า ฉันถึงได้รู้และยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่าฉันควรทำงานให้ใคร นายท่านตัวจริงยังพักผ่อนอยู่ที่บ้านท่าน แต่อีกไม่นานเขาจะลุกขึ้นอีกครั้งและทวงทุกสิ่งคืน” “เหมือนลูกเหรอ” “เห็นพวกผู้ใหญ่บอกว่าฉันเหมือนกับลูกของเขาที่ชื่อ ‘โอแกน’ ลูกชายคนที่สิบเอ็ดของนายท่าน” รอยโน้มตัวมาข้างหน้า “ชานส์ถือว่าฉันขอร้องนาย ทำตัวให้มีประโยชน์เข้าไว้ นายท่านอาจใจดีชุบเลี้ยงดูนายกับครอบครัว อย่าทิ้งโอกาสที่จะมีชีวิตเด็ดขาด” รอยยิ้มอย่างนึกขึ้นได้ “เห็นหมอบอกว่าเรจีน่าอาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่นานเขาจะพอหล่อนมาหานาย” “ชานส์” “เร” หมอเข็นรถเข็นมาฝั่นที่ชานส์นอน “พวกเธอคงมีเรื่องคุยกันเยอะ อยากได้อะไรกดปุ่มเรียกได้เลยนะ” หมอเดินออกไป ชานส์ลูบท้องนูน “เป็นไงบ้าง” เรจีน่ายิ้ม เธออ่อนเพลียจากอาการป่วย ถึงกระนั้นก็ยังดูมีน้ำมีนวลเกินกว่าจะเป็นคนป่วย “หมอบอกว่าช่วงนี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะอาการครรภ์เป็นพิษด้วย โชคดีที่เจ้าตัวเล็กไม่เป็นไร” ชานส์อยากก้มลงจูบหน้าท้อง ฟังเสียงหัวใจน้อย ๆ ที่กำลังเต้นเบา ๆ “ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม