เล่ห์ลวงบ่วงซาตาน
บทที่ 9
ปมในใจ
ในเย็นวันนั้นเองที่เขาได้ยินบิดาทะเลาะกับมารดา เขาเพิ่งรู้ว่าที่มารดามาขอเงินบิดาได้บ่อยๆ เพราะความลับบางอย่าง
“ฉันขอเงินอีกก้อนนะคุณภพ”
“ผมเพิ่งให้คุณไปเองนะ ตอนนี้ผมหาเงินไม่ทัน”
“หาเงินไม่ทันเพราะมัวแต่เอาเงินไปเลี้ยงไอ้มารหัวขนนั่นน่ะเหรอ”
“คุณอย่าพูดแบบนั้นนะ ไม่รักไม่สนใจไยดีลูกผมไม่ว่า แต่คุณอย่าพูดอะไรที่กระทบจิตใจลูกเลย ถือว่าผมขอร้อง”
“เพราะคุณขอชีวิตของมันเอาไว้ไง ฉันเลยต้องคลอดไอ้มารหัวขนนั่นออกมา ถ้าคุณไม่ขอฉันทำแท้งไปแล้ว”
“คุณวารี อย่าพูดแบบนั้นให้ลูกได้ยินเด็ดขาด”
กรุณภพเอ่ยปรามเสียงเข้ม เขาขอร้องไม่ให้วารีไปทำแท้ง เพราะเขาคบกับหล่อนอยู่ มารู้ว่าหล่อนตั้งท้องหลังจากมีสัมพันธ์สวาทต่อกัน แต่หล่อนคิดจะเอาเด็กออก เขาเลยขอเอาไว้ ถ้าไม่อยากให้เธอเอาเด็กออก ก็ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้เอง แล้วก็ส่งเสียเธอด้วย เวลาเธอเดือดร้อนเรื่องเงินก็ต้องช่วย
กรุณภพไม่อยากให้ผู้หญิงที่เขารักฆ่าลูกตัวเองเพราะมันบาป แม้เธอจะไม่ดีและเคยเหลวแหลก แต่ครอบครัวของเขาสอนให้เป็นคนจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนดี เขาจึงรับปากกับเธอ และขอให้เธอปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ไม่พูดเรื่องต้องการจะเอาเด็กออกอีก เพราะไม่อยากให้ลูกเสียใจไปมากกว่านี้
“ฉันไม่พูดแน่นอน ถ้าคุณเอาเงินให้ฉัน คุณสัญญากับฉันเองว่าถ้าฉันไม่เอาเด็กออก คุณจะเลี้ยงมันเอง และถ้าไม่อยากให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกมัน คุณก็เอาเงินมา”
“บอกแล้วทำไม ผมไม่เห็นสนใจสักนิดว่าคุณจะทำอะไรกับผมมาบ้าง แต่อย่าทำอะไรพ่อผมเด็ดขาด พอเสียทีเถอะ คุณทำร้ายจิตใจพ่อของผมมานานหลายปีแล้ว”
ติณห์ทนไม่ไหวอีกต่อไป บิดารักเขาถึงขนาดยอมเอาเงินให้มารดาเพื่อไม่ให้แพร่งพรายเรื่องที่เคยคิดจะทำแท้งฆ่าเขาตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ไม่มีผู้ชายคนไหนรักเขาเท่านี้อีกแล้ว นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงใจร้ายที่คลอดเขาออกมาขู่เอาเงินบิดาได้ตลอด ถ้าเขารู้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เขาจะบอกบิดาไปตรงๆ ว่าเขารู้แล้ว ทำใจได้แล้ว และไม่ได้อยากมีแม่ชั่วๆ แบบนี้
“ติณห์ลูก...” กรุณภพเอ่ยเรียกบุตรชาย ไม่คิดว่าลูกจะรู้เรื่องนี้มาตลอด
“ผมขอโทษนะครับพ่อที่ทำให้พ่อต้องเดือดร้อนจากผู้หญิงใจยักษ์ใจมารคนนี้ ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมพ่อถึงได้ยอมให้เงินกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยสนใจไยดีเราสองคนพ่อลูกเลย เพราะพ่อแค่ห่วงความรู้สึกผม ทำไมพ่อถึงได้ยอมทำอะไรแบบนี้ล่ะครับ ผมโตแล้ว ผมรู้นานแล้ว ผมรักพ่อ และจะไม่ยอมให้พ่อต้องเจ็บช้ำน้ำใจกับผู้หญิงคนนี้อีก”
“เพราะพ่อรักลูกไง” กรุณภพพูดออกมาทั้งน้ำตา
นารีอ้าปากค้าง เธอโดนไล่ออกจากบ้านด้วยความโกรธจัดของลูกชาย
“ไสหัวของคุณออกไปจากบ้านของผมกับพ่อซะ แล้วก็อย่ามายุ่งกับเราสองคนพ่อลูกอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือน ถ้าคุณทำให้พ่อผมเสียใจอีก คุณกับผมเจอกันแน่” ติณห์ปิดประตูปังใส่หน้าผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยปรารถนาเขาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นารีกรีดร้องด่าทออยู่หน้าประตูบ้าน ในขณะที่ติณห์ไม่ได้สนใจไยดีเลยแม้แต่น้อย
“ติณห์ พ่อขอโทษนะลูก”
“พ่อขอโทษผมทำไมครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ ที่เป็นภาระให้พ่อขนาดนี้” ติณห์ก้มลงกราบบิดา
“พ่อไม่เคยคิดว่าติณห์เป็นภาระเลยนะ จริง ๆ แล้วพ่อเคยไปตรวจร่างกายตัวเองว่าสามารถมีลูกได้ไหม ตอนคบกับแม่ของลูก แต่พ่อเป็นหมัน มีลูกไม่ได้ พอพ่อมีลูก พ่อก็ดีใจมากนะ ลูกเติมเต็มความเงียบเหงาในชีวิตของพ่อ” เขาเป็นพวกจีบผู้หญิงไม่เป็น อกหักอยู่ร่ำไป คิดว่าชาตินี้คงไม่มีภรรยาและลูกอีก ดังนั้นการมีติณห์ทำให้เขาถูกเติมเต็ม เขาจึงอยากเลี้ยงเด็กน้อยให้ดีที่สุด เป็นคนดีและมีการศึกษา
สองพ่อลูกกอดกันแน่น หลังจากวันนั้น ติณห์ก็ตั้งใจเรียน เขาประสบความสำเร็จโดยได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ก่อนที่เขาได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ เขาเก่งและมีความสามารถ สร้างความภาคภูมิใจให้แก่บิดาเป็นอันมาก
ติณห์เรียนไปทำงานไป ตอนอยู่ต่างประเทศเขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเก็บเงินได้ก้อนใหญ่จากความสามารถของตัวเอง กลับมาทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ จนได้ขึ้นแท่นเป็นระดับผู้บริหาร เขายังมีความสามารถในการเขียนโปรแกรมฯ และเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าออนไลน์ระดับโลก เรียกว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงโดยเจ้าของเป็นคนไทย ที่มีความสามารถและพูดภาษาได้หลายภาษา แต่ติณห์กลับไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองให้ใครได้รู้จัก จึงมีคนรู้จักเขาน้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีตัวแทนของเขาคอยออกงานแทน
“นั่นไงลูก ถึงแล้ว” ประโยคของบิดาทำให้ติณห์หลุดจากภวังค์ความคิดในอดีตของตัวเอง
เขาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตอันยาวนานของตัวเอง และคนที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอในทุกช่วงวัยคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เบาะคนขับ บิดาที่ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่รักเขายิ่งกว่าใครในโลกนี้
“นั่นเหรอครับที่ดินที่พ่อจะซื้อ” ติณห์เอ่ยถามบิดา บิดาของเขาเป็นปลัดอำเภอจนๆ คนหนึ่ง ท่านไม่รับเงินใต้โต๊ะ ไม่เคยกินงบแผ่นดิน หรือฉ้อโกงใคร ทำอะไรด้วยความใจซื่อมือสะอาด เขาภาคภูมิใจในตัวของท่านมาก ถึงไม่รวย แต่ท่านก็ทำให้เขาได้เห็นว่าถึงไม่ได้มีเงินมากมายจากการฉ้อโกงชีวิตก็มีความสุขได้
ท่านเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก็อยากจะมาซื้อที่ทางที่ต่างจังหวัด เพื่อที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่อย่างมีความสุข อยู่ในที่อากาศดีๆ และใช้ชีวิตเงียบสงบ ไม่วุ่นวายอีก
เขาเห็นด้วย และอยากจะซื้อที่ทางให้ท่านเสียเอง แต่ท่านก็บอกว่าได้เก็บเงินเอาไว้แล้ว ไม่อยากรบกวนลูก ติณห์รู้ดีว่าบิดาไม่เคยคิดอยากได้เงินจากเขา ไม่เคยคิดที่จะให้เขาตอบแทนบุญคุณอะไรเลย ท่านเลี้ยงเขามาด้วยความรัก ไม่เคยบีบบังคับ ไม่เคยกดดัน เลี้ยงอย่างอิสระให้เขาได้คิดเอง ตัดสินใจเอง คอยให้คำปรึกษาและรับฟัง แต่ไม่ชี้นำหรือคอยสั่งให้เขาทำโน่นทำนี่
“ถือว่าผมซื้อเป็นของขวัญให้พ่อนะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยให้อะไรพ่อเลย” ติณห์พูดกับบิดาอีกครั้ง
“พ่อไม่อยากรบกวนลูก”
“พ่อก็รู้ว่าผมมีเงินเยอะ” ประโยคนั้นทำให้กรุณภพหัวเราะเบาๆ
“จะมาอวดรวยกับพ่อรึ” ท่านยิ้มขณะตบบ่าของลูกชายเบาๆ ติณห์ยิ้มให้บิดา ท่านก็ยังเหมือนเดิม ไม่เคยโกรธเคือง คิดมาก หรือยึดติดกับอะไร ท่านจึงเป็นที่รักของใครๆ ตั้งแต่ลืมตาดูโลก เขาไม่เคยเห็นบิดาโกรธใครเลยสักที ถ้าไม่พอใจก็เงียบ ท่านเลือกที่จะเงียบเพื่อปรับอารมณ์และกลับมาเป็นคนใจดีชอบยิ้มเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ให้ผมอวดรวยกับพ่อบ้างเถอะครับ” ติณห์ยิ้มและหัวเราะได้ทุกครั้งที่ได้อยู่กับบิดา คำว่าบิดาสำหรับเขา ไม่ได้หมายความถึงผู้ให้กำเนิด แต่หมายถึงผู้เลี้ยงดูและให้ความรักกับเขาที่สุดในชีวิต
“เห็นว่าเจ้าของเป็นลูกชายกำนัน พ่อรู้จากเพื่อนอีกทีหนึ่ง เขาว่าที่นี่อากาศดี ไม่มีมลพิษเลย ชาวบ้านเขาก็อยู่กันแบบแบ่งปัน มีแม่น้ำไหลผ่านด้วย ถ้าลูกทำงานเหนื่อยๆ มาหาพ่อที่นี่ จะได้พักผ่อนด้วยไง”
เขารู้ว่าลูกชายมีเงินมีทองร่ำรวยแค่ไหน สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ โดยที่ไม่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเหมือนคนอื่น แต่สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา นั่นคือความสามารถของติณห์ ที่เขาภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“สวัสดีครับคุณภพ” ยอดชายเอ่ยทักทายเมื่อเห็นว่าคนทั้งสองลงมาจากรถและกำลังดูที่ทางกันอยู่ เขารออยู่นาน กลับไปที่บ้านรอบหนึ่งแล้ว บ่นกับพิมพ์จันทร์ผู้เป็นภรรยาว่าคนซื้อที่มาช้า จนกลับมาอีกรอบ ถึงได้เห็นว่ากรุณภพมาถึงแล้ว