สูตรเร่งรัก 2
“พี่มาทำอะไรอะ” ทอนเงินให้ลุงยศเสร็จถึงได้หันกลับมาถามพี่ครามที่เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ฉันที่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน เขาเข้าออกที่นี่อย่างกับเป็นเจ้าของเลยล่ะนะ ก็คงเหมือนกับฉันและพี่หวานใจที่เข้าออกไร่และสำนักงานไร่เขานั่นแหละ
“รอกินข้าว”
“อ้าว ที่โรงอาหารพี่ไม่มีเหรอ?” ฝั่งไร่ของพี่ครามจะมีมื้อเที่ยงให้คนงาน ไม่ต่างจากฝั่งฉันที่ตอนเที่ยงคนงานจะได้กินข้าวฟรี ส่วนในตอนเช้าและตอนเย็นต้องดูแลตัวเอง
“มีแต่ไม่กิน” พี่ครามตอบเสียงนิ่ง จนฉันเริ่มสงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
“อ้าว งง พี่เป็นอะไร” เมื่อทนไม่ไหวถึงได้เอ่ยถามออกไป แต่พี่คราวกลับเงียบไม่ได้ตอบฉัน แน่นอนว่าถ้าเขาไม่คิดจะตอบฉันก็ไม่เซ้าซี้ และหันกลับมาเริ่มทำบัญชีลงในระบบ นานเกือบสี่สิบนาทีพี่ครามถึงได้ชวนไปกินข้าวด้วยกันกับเขา แต่ฉันไม่อยากไปเลย
“หนูร้อน ไม่อยากไป”
“งั้นจะกินอะไรจะไปซื้อมาให้”
“เอากะเพราหมูสับหมูกรอบ เผ็ด ๆ เลยนะคะ”
“อือ รอเดี๋ยวพี่มา” คนใจดีบอกสั้น ๆ แล้วเดินออกจากร้านไป เป็นจังหวะเดียวกับที่เป็นเวลาพักเที่ยง คนงานที่ร้านทยอยไปกินข้าวที่โรงอาหารบริเวณด้านหลังโกดัง ใกล้ ๆ โรงอาหารก็จะมีโซนจอดรถของร้านและที่พักพนักงานเพราะคนงานบางคนก็เป็นคนงานจากต่างประเทศที่มาแบบถูกกฎหมายส่วนคนที่อยู่ไม่ไกลก็อาศัยการเดินทางไปกลับแทน
“พี่หยวนไปกินข้าวก่อน เที่ยงแล้ว” เอ่ยบอกคนงานที่ยังไม่ยอมไปกินข้าว
“จ้ะนาย”
เห็นทำงานแบบนี้ที่จริงฉันยังเรียนไม่จบหรอกนะ ช่วงนี้ปิดเทอมอยู่เลยเข้ามาดูแลที่นี่ช่วยพ่อกับแม่ ส่วนพ่อแม่ฉันนู่นเลยค่ะไปเที่ยวทะเลกับพ่อแม่พี่ครามยังไม่กลับมาเลย ไปนานขนาดนี้ฉันต้องได้ของฝากบ้างแล้วล่ะ
พี่ครามหายไปนานเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับมาพร้อมกับข้าวสองสามถุง แต่เขากลับเดินมาพร้อมกับพี่หวานใจ ทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างสนุกเลยล่ะจนฉันไม่กล้าที่จะเอ่ยทักแทรกเข้าไป ต้องขอบคุณที่เป็นจังหวะเดียวกับที่มีลูกค้าเข้ามาในร้านฉันจึงเดินเลี่ยงออกไปดูลูกค้าและไม่ได้สนใจพวกเขาอีกเลย
“ถามได้นะคะแม่” หากเป็นลูกค้าผู้หญิงท่าทางมีอายุฉันมักจะเรียกว่าแม่ ส่วนลูกค้าผู้ชายที่มีอายุฉันจะเรียกว่าพ่อ หากลูกค้าที่ดูวัยรุ่นหน่อยฉันจะเรียกว่าพี่ อย่างตอนนี้เป็นผู้หญิงอายุน่าจะเลขห้าแล้วเลยเลือกที่จะทักทายว่าแม่
“แม่อยากได้อาหารไปให้ตัวน่ะลูก”
“วัวแม่วัวนมหรือเนื้อจ้ะ” ถามกลับไปพร้อมกับชวนให้ไปดูโซนอาหารสัตว์
“วัวเนื้อแต่มันท้องอยู่”
“งั้นจะเป็นตัวนี้จ้ะแม่ เป็นสูตรของวัวที่กำลังท้องของเพิ่งลงเมื่อวานเลยจ้ะ” ขายของไปนึ่งกรุบ
“เอา ๆ แม่เอา ห้ากระสอบลูก ไปส่งแม่หน่อยนะแม่ขี่มอเตอร์ไซค์มา”
“บ้านแม่อยู่ไหนจะ ถ้าเกินสิบกิโลร้านคิดค่าส่งนิดหน่อยนะแม่” ระหว่างคุยกับลูกค้า ก็รับรู้ได้ถึงสายตาของใครสักคนที่จ้องมองตลอดการก้าวเดิน
“หมู่บ้านที่ถัดจากนี่ไปนี่แหละลูก”
“อ๋อ บ้านนั้นส่งฟรีจ้ะ เดี๋ยวแม่รอจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์นะ” คุณแม่ลูกค้าเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ พร้อมกับฉันที่เดินไปยังเก้าอี้ทำงาน และไม่ทักสองคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังกระทั่งทอนเงินให้ลูกค้าเสร็จและปริ้นใบเสร็จเตรียมให้คนงานขึ้นของและออกไปส่ง พี่หวานใจทนไม่ไหวจึงเอ่ยเรียกฉันให้ไปนั่งกินข้าวกับพวกเขา
“เธอมากินข้าวก่อนจะบ่ายโมงแล้ว”
“พี่หวานกินก่อนเลยนะ หนูเคลียร์ของเสร็จแล้วจะมากิน พี่ ๆ กินเลยค่ะ” ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้กับพี่สาวหนึ่งทีจากนั้นก็เดินถือใบเสร็จไปโซนโรงอาหารของร้าน
“นายกินข้าวครับ”
“นั่งเลยค่ะนาย” คนงานที่เห็นฉันเดินมายังโซนโรงอาหารก็รีบร้องบอก คนงานเราไม่ได้เยอะมากหากนับจริง ๆ ก็สิบห้าคนได้ล่ะมั้งแต่เราก็ยังดูแลกันและกันเหมือนคนในครอบครัว
“กินเลยค่ะ กินกันเลยนะ บ่ายโมงขึ้นของไปส่งตามใบเสร็จเลยนะคะ” ฉันยื่นบิลให้หัวหน้าคนงาน
“ครับนาย”
“กินข้าวต่อเถอะค่ะไม่กวนแล้ว”
ตอนนี้ยังเที่ยงสี่สิบอยู่เลยปล่อยให้คนงานได้กินข้าวกันต่อเถอะ เมื่อเดินกลับมาที่ห้องทำงานก็พบว่าพี่หวานใจกำลังกินข้าวอยู่ส่วนพี่ครามเขากลับนั่งกอดอกนิ่ง ๆ ไม่ได้กินข้าว
“มาแล้ว มากินข้าวก่อนเร็ว” พี่หวานใจเอ่ยชวนอีกครั้ง ฉันจึงเดินไปล้างมือแล้วกลับมาดึงเก้าอี้ตัวเองไปนั่งที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ บนโต๊ะมีกับข้าวสามอย่างพร้อมข้าวสวยที่แยกมาต่างหาก
“พี่กินนิดเดียวเพราะรอเราอยู่” พี่หวานใจรีบบอก ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะชวนพี่กินข้าว มือทำได้เพียงแค่ยื่นไปหยิบช้อนเพราะทุกอย่างมีพี่ครามเป็นคนเตรียมแล้วตักข้าวใส่จานให้แล้วเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ”
“กินข้าวได้แล้วจะบ่ายโมงแล้ว” พี่ครามบอกแค่นั้นก่อนจะเริ่มตักกับข้าวมาใส่จานให้ฉันแม้ฉันจะไม่คุยอะไรกับเขามากนัก กินข้าวไปสักพักพี่ครามก็เดินไปเปิดตู้เย็น
“ลืมแช่น้ำ” ฉันร้องบอกเมื่อนึกขึ้นได้ พี่ครามไม่ตอบอะไรกลับมาแต่เดินออกไปด้านหน้าร้านเพื่อเอาน้ำดื่มเข้ามาในห้องทำงานให้ฉัน
“ตอนเราเอาบิลไปให้คนงาน พี่ครามไม่ยอมกินบอกจะรอเราด้วยนะ” เป็นพี่หวานใจที่เล่าให้ฟัง
“ก็ไม่ได้บอกให้รอ...”
“แต่พี่เขารอเราไง งอนอะไรกันหรือเปล่า” พี่หวานใจถามออกมาตามตรง แต่ฉันเลือกที่จะส่ายหน้าปฏิเสธและชวนให้อีกฝ่ายกินข้าวต่อ
“เธอ สิบสอง สิบสอง สิบเจ็ด ยี่สิบกระสอบ” พี่ครามแง้มประตูห้องทำงานเข้ามาบอก ฉันวางช้อนในมือแล้วหมุนเก้าอี้ไปที่หน้า
คอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์ใบเสร็จออกบิลให้กับลูกค้า ที่หายไปนานคือขายปุ๋ยให้ฉันหรอกเหรอเนี่ย
“ขึ้นรถเลยหรือจะให้ไปส่งจ๊ะพ่อ” เปิดช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตรงหน้าและถามลูกค้าอย่างเป็นกันเอง
“ขึ้นรถเลยลูก พ่อเอารถมา” พิมพ์ใบเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าจ่ายเงินมาฉันก็ทอนเงินพร้อมกับเอาของแถมให้เล็ก ๆ น้อย ๆ
“เดี๋ยวพี่ไปบอกคนงานเอง ไปกินข้าวให้อิ่ม” พี่ครามรับใบเสร็จจากมือไปไม่รอให้ฉันได้พูดอะไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินที่ไปโซนด้านหลังฉันถึงได้กลับมากินข้าวกับพี่หวานใจต่อ
“พี่หวานทำไมต้องยิ้มแบบนั้น”
“เปล่า แค่น่ารักดีเรากับพี่ครามน่ะ”
“พอเลยค่ะ พูดแบบนี้อีกแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ เขินอีกแล้ว พี่ไปก่อนอิ่มแล้วน่ะ”
“เดี๋ยวหนูเก็บเองพี่ไม่ต้องเก็บ” รีบเอ่ยบอกพี่สาวที่รีบเก็บจานอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ก็บอกแล้วว่าพี่สาวฉันเรียบร้อยอย่างกับอะไร บางทีก็รู้สึกเกรงใจที่พี่ต้องคอยทำนั่นทำนี่ให้
“เอางั้นเหรอ?” พี่หวานใจทวนถาม คงรับรู้ถึงความไม่สบายใจของฉันเจ้าตัวเลยไม่ได้ดึงดันที่จะทำ
“ค่ะ เดี๋ยวหนูเก็บเอง”
“โอเค ถ้าปิดร้านแล้วไปหาพี่นะค่อยกลับบ้านพร้อมกัน”
“ได้ค่ะ”
พี่หวานใจกลับไปที่ร้านอาหารแล้ว ฉันเลยนั่งกินข้าวต่ออย่างไม่เร่งรีบ เพื่อรอพี่ครามกลับเข้ามาในห้อง สักพักใหญ่เขาก็กลับเข้ามา ฉันเปิดแอร์ตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วตอนนี้ภายในห้องเลยเย็นสบาย
“มากินข้าวให้เสร็จค่ะ”
“อือ” พี่ครามตอบเสียงเบา กระทั่งอีกฝ่ายเดินไปล้างมือและกลับมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเราถึงได้กินข้าวเที่ยงกันต่อ แม้ตอนนี้จะบ่ายโมงเกือบครึ่งแล้วก็ตาม
“ไม่เผ็ดเลย” บ่นเสียงเบาเพราะกะเพราที่ต้องการไม่เผ็ดเลยสักนิด
“ถ้าเผ็ดเดี๋ยวก็ปวดท้องอีก” พี่ครามตอบกลับเสียงนิ่ง ๆ ก็นะ เขาน่ะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ฉันจำความได้เลยล่ะ นิ่ง ๆ จนคนอื่นกลัวแต่เขาเป็นคนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจมาก ๆ เลยจนบางทีก็กลัวใจตัวเอง...
========
การกระทำเล็กๆน้อยๆ คือเขินมากนะคะ พี่คะ อย่าอบอุ่นมากนักได้ไหม เขินไปหมดแล้วค่ะ!