“คุณจะเจ็บมากกว่านี้ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังผม”
“จะให้ฉันทำยังไง”
“อย่าคิดว่าที่ผมกอดคุณมันเกิดขึ้นเพราะความพิศวาส ขอโทษด้วยลิลลี่ที่ความรู้สึกดี ๆ ของผมมันตายไปตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าถูกคุณหักหลัง หัวใจของผมมันชาด้านไปหมดและคิดว่าอาจจะไม่รู้จักกับคำว่าความรักอีกต่อไปแล้ว”
“แมท...ฉันขอโทษ...แต่...ปล่อยฉันก่อนนะคะ ได้โปรด”
“นี่เป็นบทเรียนแรกของความเจ็บปวดที่คุณจะได้รับ...ลิลลี่”
แมทเทียสกดเสียงให้ต่ำลงแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดใช้แรงกำลังกับหญิงสาว ชายหนุ่มแนบริมฝีปากกับขมับของลักษณ์นาราที่มีเหงื่อซึมออกมาทั้งที่อุณหภูมิในเครื่องบินส่วนตัวของเขาเย็นฉ่ำ ลมหายใจของเขาร้อนรุ่มจนแทบจะละลายหญิงสาวให้หลอมเหลวได้เลยทีเดียว
“ผมจะเชื่อว่าคุณไม่มีใคร แต่...ผมจะไม่มีวันเชื่อใจงูพิษอย่างคุณอีก และที่สำคัญมากกว่านั้นคือบทเรียนของความเจ็บปวดที่คุณจะได้รับเหมือน ๆ กับที่คุณทำกับผมเอาไว้”
“แค่นี้ฉันกเจ็บมากพอแล้วค่ะ”
“คุณไม่รู้จักเจ็บปวด!” แมทเทียสบริภาษ เสียงหนักของเขาทิ่มแทงลึกถึงใต้สำนึกของหญิงสาว “ถ้าคุณรู้จักมันก็จะไม่มีวันทำให้คนอื่นรู้สึกอย่างที่คุณรู้สึกหรอกลิลลี่ และคราวนี้ก็ถึงตาคุณที่จะได้รับรู้สิ่งที่คุณเคยทำกับคนอื่นเอาไว้ ความกดดัน การรอคอยและท้ายที่สุดคุณต้องพบกับความสูญเสีย”
“ไม่นะคะแมท...คุณจะทำอะไร?”
เธอตั้งคำถามเสียงเครืออย่างหวาดหวั่น แม้ไม่ได้เห็นใบหน้าคร้ามคมสีเข้มอาบด้วยความคับแค้นจนกรามถูกขบนูนเป็นสันแต่ลักษณ์นาราจับอารมณ์เดือดของเขาได้จากน้ำเสียงหน่วงหนักทุกครั้งที่พูดเรื่องลูก เสียงคำรามของเขาดังลึกในลำคอคล้ายหัวเราะเยาะและหยามหยัน
“การกลับไปกรีซครั้งนี้เรามีข้อตกลงระหว่างกัน เป็นข้อตกลงภายในครอบครัว ระหว่างผม คุณและลูกๆ ของผม”
“ข้อตกลง...”
“คุณมีเวลาอยู่ที่กรีซหนึ่งปี...แค่หนึ่งปี”
“แล้วคุณจะให้ฉันพาลูกกลับเมืองไทย ใช่ไหมคะ”
“แค่คุณ”
“แมท!...มะ...ไม่นะคะ!”
ลักษณ์นาราถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจและคราวนี้เธอพยายามขัดขืนแต่ยิ่งขยับตัวแมทเทียสก็ยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น อกกว้างแนบสนิทกับแผ่นหลังบอบบางที่เลือดเนื้อของหญิงสาวกระตุกเต้นรุนแรงจนเขารับรู้ได้หากนั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มพอใจอย่างที่สุด นัยน์ตาสีสนิมเหล็กเป็นประกายคมปลาบขณะรอยปากหยักหยัดยิ้ม
“คุณจะได้กลับบ้าน กลับไปอยู่กับครอบครัวของคุณโดยที่...ลูกจะยังอยู่กับผม พวกเขาจะอยู่กับผมจากนี้และตลอดไปโดยที่จะไม่มีผู้หญิงปลิ้นปล้อนหลอกลวงเห็นแก่เงินอย่างคุณเข้าไปวุ่นวายได้อีก”
“ไม่...ไม่!”
ลักษณ์นาราร่ำร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกบีบจนใกล้แหลกละลาย เธอรู้ว่าแมทเทียสจะทำอย่างที่เขาพูดซึ่งมันเป็นข้อเสนอที่ไม่ว่าแม่คนไหนก็ไม่มีวันรับได้
“แมท...อย่าทำกับฉันแบบนี้...ฮือ...”
“ผมจะให้คุณอยู่กับลูก แค่อยู่ด้วยกัน แค่มองพวกเขาห่าง ๆ คุณจะเห็นลูกในสายตา พูดคุยกับพวกเขาได้ แตะต้องหรือสัมผัสได้ แต่ไม่มีสิทธิ์กอดหรือแม้แต่จูบ!”
ลักษณ์นาราหัวใจไหวยวบ ร่างแน่งน้อยแทบทรุดลงกับพื้นหากไม่มีแขนแกร่งพยุงเธอไว้ในอ้อมกอดแข็งกระด้าง ความหนาวเหน็บเข้าเกาะกุมและแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของความรวดร้าว เธอจะอยู่ได้อย่างไร เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงเธอก็เหมือนคนที่มีลมหายใจหากปราศจากจิตวิญญาณ
“คุณจะกอดเด็ก ๆ ได้ในช่วงเวลานี้ บอกรักและจูบพวกเขา แต่เมื่อไหร่ที่คุณลงจากเครื่องบินส่วนตัวของผมและย่างเท้าลงบนแผ่นดินของผม คุณจะไม่มีสิทธิ์กอดทั้งปั๊บและปุนต์ได้อีกต่อไป และถ้าหากคุณคิดจะขัดขืนคำสั่งผมก็จะมีบทลงโทษจากเบาไปถึงหนัก”
เขาลดเสียงต่ำลงอีกขณะดึงมือเรียวบางของร่างเล็กที่หอบไห้ตัวโยนกับอกของเขาไว้ในมือหนาใหญ่ ร่างของเขาแนบสนิทอยู่เบื้องหลังร่างอรชร แมทเทียสแค่ไม่ต้องการเห็นน้ำตาของลักษณ์นารา ไม่ปรารถนามองเห็นความก่นเศร้าและปวดร้าวที่อาจะทำให้ความตั้งมั่นของเขาไขว้เขว เขาอยากทำอย่างที่ตั้งใจโดยปราศจากความสงสาร ทำให้เธอทรมานจากความต้องการเอาคืนที่กดเก็บมาเนิ่นนานเกือบห้าปี ชายหนุ่มจับปลายนิ้วเรียวราวลำเทียนของเธอไว้และประสานมือหนาของเขาเข้ากับมือของเธอ
“และนี่คือการลงโทษสถานเบา ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณขัดคำสั่ง เมื่อไหร่ที่ผมเห็นคุณกอดลูก คุณจะต้อง...เจ็บแบบนี้!”
“แมทเทียส!” ลักษณ์นารากลั้นเสียงไว้ไม่อยู่เมื่อเขากดนิ้วแกร่งที่ประสานเข้ากับทุกนิ้วของเธอจนได้ยินเสียงข้อนิ้วเรียวลั่นดังเปรี๊ยะ สำหรับชายหนุ่มมันเป็นการออกแรงแค่เพียงเล็กน้อยแต่ทำให้หญิงสาวเจ็บร้าวตั้งแต่ปลายนิ้วถึงต้นแขน เขาทั้งกดทั้งดันจนหญิงสาวคิดว่าข้อมือของเธอคงต้องหักแน่แล้ว
“หยุด! แมทเทียส...หยุด!...ฉันเจ็บ!”
หญิงสาวร้องลั่นและทำให้เขาหยุดการกระทำนั้นด้วยการคลายมือลง ลดแรงบีบคั้นจากมือหนาขณะลักษณ์นาราทอดถอนใจน้ำตาไหลพราก เธอร้องเสียงสั่นด้วยความหวั่นกลัว
“แมท...ปล่อยฉัน...ปล่อย”