ฐิตตาในวัยสิบสี่ปีมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่พอควร เพราะบิดาของเธอไม่ไปรับกลับจากหอแบบที่เคยทำ อีกทั้งพอถึงบ้านก็เรียกให้มาทำความรู้จักกับคนพวกนี้ในทันที
ดีที่รู้มาจากพี่นวลว่าสองคนนี้เป็นใคร
ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอคนนี้คงเป็นคนลูก ที่ซึ่งบิดาให้การอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่
ส่วนอีกคนเป็นหญิงวัยไม่น่าห่างจากบิดาของเธอเกินห้าปี
“นี่อัมพร” บิดาแนะนำหญิงคนนั้นจบเอื้อมมือโอบไหล่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ติดกับท่าน แนะนำต่อด้วยสีหน้าปลื้มอกปลื้มใจนักหนา
“ส่วนนี่ภวินท์ ลูกศิษย์คนเก่งของพ่อเอง”
เธอได้รับการแนะนำจากบิดาแบบนั้นในวันนั้น
ภวินท์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แววตาคู่คมเข้มจ้องเธอราวกับมองเด็กอมมือ ฐิตตาได้แต่นิ่งไม่ตอบรับว่าอะไร แต่ภายในใจเดือดดาลราวกับน้ำร้อนจัดที่ต้มทิ้งเอาไว้บนเตาไฟระอุ
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับนักศึกษาแพทย์ภวินท์ จากนั้นเป็นต้นมาเธอไม่ได้พบเจอเขาอีก มีก็แต่นางอัมพรที่คอยรับใช้บิดาของเธอจากนั้น ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นคุณหัวหน้าแม่บ้านในเวลาต่อมา
ฐิตตาต้องกลับไปที่โรงเรียนและอยู่ประจำที่หอพักจวบจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย หากเป็นช่วงปิดเทอมเธอจะไปอยู่ที่บ้านของคุณตาโชติ ญาติผู้ใหญ่ที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอ แทนที่จะกลับบ้านมาพบหน้าบิดา
เธอไม่ไปเรียนติวอย่างที่บิดาต้องการ ไม่สอบเข้าในคณะที่บิดาบอกให้ไป ฐิตตาต่อต้านทุกอย่างที่บิดาสั่งเมื่อรับรู้เพิ่มเติมว่านอกเหนือจากดื่มหนักแล้ว ท่านยังมีข่าวซุบซิบในวงสังคมเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เธอไม่ได้รังเกียจหากท่านจะเป็นแบบนั้น แต่เธอไม่พอใจที่บิดาเห็นสองแม่ลูกนั่นดีกว่าเธอ ให้ความสำคัญคนอื่นมากกว่าเธอ
ฐิตตาเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะที่ตนเองสนใจจนจบ ก็ถูกบิดาพาตัวกลับมาที่บ้านราวกับนักโทษคุมขัง ท่านบอกให้เธอเข้าไปในห้องที่ตอนนั้นมีเพียงท่าน คุณอาทนายสุนัย เจ้าหน้าที่ของเขต เธอและนายแพทย์ภวินท์เท่านั้น
พร้อมยื่นคำขาดให้เธอจดทะเบียนสมรสกับนายแพทย์ภวินท์
“คุณพ่อทำบ้าอะไรคะเนี่ย”
จำได้ว่าตอนนั้นเธอไม่ยินยอม และไม่ได้คำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้นจากบิดา นายแพทย์ชวัลก็ไม่คิดจะปริปากบอกอะไรกับเธอ ทำแต่เพียงสั่ง
“เซ็นชื่อลงไปถิง”
“ไม่!”
“อย่างนั้นพ่อจะโอนบ้านหลังนี้ให้หมอวิน”
“คุณพ่อทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ นี่เป็นบ้านของคุณแม่ คุณพ่อมีแต่ตัว เงินที่เอาไปลงทุนในโรงพยาบาลนั่นก็ของคุณแม่” ฐิตตาเถียงเสียงสั่น มองบิดานิ่งอยู่นาน ก่อนผุดรอยยิ้มยียวนใส่ท่าน “คิดจะจับถิงแต่งงานบังหน้าให้หรือยังไงคะ คนอื่นเขาจะได้ไม่ดูถูกคุณพ่อใช่ไหมเรื่องรักร่วมเพศกับเด็กของคุณพ่อนั่นน่ะ อยากแต่งนักคุณพ่อก็แต่งเอาเองสิ คุณพ่อหลงผู้ชายจนหน้ามืดตามัวไปแล้ว...”
เธอยังบริภาษท่านไม่จบดี ก็ถูกท่านตวัดมือตบลงบนซีกแก้มจนเสียววาบและชายิบไปหมด แก้มนวลใสปรากฏรอยนิ้วขึ้นในตอนนั้นเอง ดวงตาของหญิงสาววาวฉ่ำด้วยน้ำตาก่อนจะหยดแหมะลงมาไม่ขาดสาย คุณพ่อไม่เคยตบตีเธอมาก่อน เรียกว่านี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็คงได้ละมัง
นายแพทย์ชวัลมองเธอด้วยสายตาจริงจัง แล้วสั่งคำเดิม
“เซ็นชื่อลงไป พ่อไม่ได้ขู่เรานะ แต่พ่อจะทำจริงๆ เลือกเอาเองว่าจะให้พ่อโอนบ้านเป็นชื่อของหมอวินไหม”
ฐิตตามองท่านอย่างโกรธเคือง สุดท้ายก็เห็นบิดาจับปากกายัดใส่ในมือของตนเอง เธอนิ่งมองท่านอยู่อย่างนั้นอีกครู่แล้วตวัดเขียนชื่อลงไปในทะเบียนสมรส ค่อยผละจาก
คุณพ่อซื้อรถ ซื้อข้าวของมากมายให้นายคนนั้น แล้วยังจะยกบ้านนี้ให้อีก
นางอัมพรถูกเลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าแม่บ้าน
ให้ท้ายกันแบบนี้สิ สองแม่ลูกนั่นถึงได้มีท่าทีหยิ่งผยองใส่เธอ
ฐิตตาคิดอย่างแค้นใจ แล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวจะออกไปข้างนอก แต่ก็ไปไหนไม่ได้ ประตูถูกใส่กุญแจเอาไว้ที่หน้าห้อง บิดาขังเธอเอาไว้ที่ในนั้นทั้งวัน
รุ่งขึ้นเธอถูกจับเข้าพิธีสมรสที่จัดขึ้นเงียบๆ
สายวันนั้นหลังเสร็จพิธีเธอเปลี่ยนชุดแล้วขับรถออกจากบ้านไปเลย แล้วไม่กลับเข้ามาอีก ทั้งยังปิดโทรศัพท์หนีด้วย จงใจไม่ให้ใครติดต่อเธอได้นั่นแหละ
จากที่คิดว่าเป็นการแต่งงานแบบเงียบๆ จากนั้นอีกไม่กี่วัน เพื่อนก็เอาบทสัมภาษณ์ของนายแพทย์ภวินท์มาให้เธอดู เขาบอกกับสื่อสั้นๆ ว่าแต่งงานแล้วกับบุตรีของนายแพทย์ชวัล และไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่าไปกว่านั้น
นี่เขาจะป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ทำไม
เธอหรือสู้อุตส่าห์เงียบปากเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้แม้แต่คนเดียว
“จริงหรือถิง นี่แกแต่งงานแล้วจริงหรือ”
เพื่อนคนที่หอบเอาข่าวมาให้ดูถามเสียงสูง ท่าทีของอีกฝ่ายตื่นเต้นเสียจนน่ารำคาญ ฐิตตาทำตัวให้เป็นข่าวทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องฉาวโฉ่ ฐิตตาแต่งตัวเปรี้ยวเฉี่ยวเข็ดฟันออกไปปาร์ตี้ทุกคืน ควงผู้ชายที่ส่วนใหญ่ก็เพื่อนในกลุ่มนั่นเองที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนสาวของเธอทั้งนั้น กอดบ้าง จูบบ้าง อวดสื่อ ฐิตตาไม่แคร์ใคร เธอคิดตื้นๆ ว่าหากนายแพทย์ภวินท์เห็นว่าเธอเหลวแหลก รังแต่จะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาคงจะรีบประเคนใบหย่าให้เธอเป็นแน่
แต่แล้วก็เงียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากเขา ซ้ำร้ายอีกสองเดือนถัดมา เธอก็รู้ข่าวการเสียชีวิตของบิดาบนสื่อออนไลน์พร้อมทุกคน ว่าท่านพลัดตกจากดาดฟ้าของโรงพยาบาล และข่าวก็ถูกใครบางคนบิดเบือนปกปิดความจริงเอาไว้ นานวันเข้าไม่มีคนขุดคุ้ยรวมถึงอำนาจเงินก็สามารถทำให้ข่าวนั่นเงียบหายไปตามกาลเวลาได้ในที่สุด
เสียงก้าวย่างหนักๆ ฟังดูมั่นคงแฝงดุดันเล็กน้อยดังก้องกังวานไปทั่วทั้งชั้นนั้นบนตึกสูงระฟ้ากลางมหานคร นายแพทย์ภวินท์เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า และต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ฝ่าจราจรแน่นขนัดเพื่อมาให้เห็นกับตาตัวเองว่าภรรยาตีทะเบียนมาที่ปาร์ตี้ปัญญาอ่อนนั่นจริงๆ ทั้งที่เธอเพิ่งดิสชาร์จไปเมื่อตอนบ่าย ด้วยอาการเป็นลมหมดสติทำอย่างไรก็ไม่ฟื้น จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
ขนาดนี้แล้วยังไม่เจียมตัวอีก
คุณหมอหนุ่มได้แต่โมโหในความสิ้นคิดของเจ้าหล่อน
ร่างงดงามดูยั่วยวนในเดรสดำสั้นเสมอหู กำลังสาวเสาโครเมี่ยมเคลือบเงาในงานอยู่ เจ้าหล่อนทั้งรูดทั้งเต้น ขนาดว่ามองไกลๆ แบบนี้ยังเห็นว่าคงเมามากเป็นแน่ ยิ่งก่อตะกอนขุ่นข้นในใจของหมอหนุ่มผู้เป็นสามียิ่งนัก
เขาเดินเข้าไปจนถึงเธอ คว้าข้อมือขาวเล็กนั่นแล้วดึงเพียงหน่อยเดียวให้เจ้าหล่อนรู้ตัว ก่อนจ้องด้วยสายตาเย็นเฉียบ เค้นเสียงสั่ง
“ลงมาเดี๋ยวนี้ฐิตตา”
เธอหรี่ตาลงมองเมื่อได้ยินว่ามีคนเรียก แล้วบีบเสียงหัวเราะใส่ ออกแรงที่แทบไม่มีสะบัดมือผู้เป็นสามีเต็มกำลัง
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ ‘เด็กของพ่อ’ นี่เอง”
‘เด็กของพ่อ’ บดกรามเล็กน้อยกดความรู้สึกไม่พอใจที่พลุ่งพล่านขึ้นในเสี้ยววินาทีให้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว
มีเพียงเขาและเธอที่รู้ความหมายของมันว่าคืออะไร
นายแพทย์หนุ่มไม่ได้หลุดกิริยาโมโหอย่างที่ฐิตตาพยายามยั่ว เขาควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แล้วกดเสียงต่ำบอกกลับมาอีกครั้ง
“ลงมา!”
“เอาสิทธิ์อะไรมาสั่งคะ”
เจ้าหล่อนไม่สะบัดมือออก มองยั่ว ก่อนถามยียวน แจงเป็นข้อๆ
“สิทธิ์ของหมอประจำตัวฐิตตา”
“สิทธิ์ของสามีฐิตตา”
“หรือว่าสิทธิ์ของเด็กในสังกัดของพ่อฐิตตา”
นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกลหมดสิ้นความอดทนในวินาทีนั้นเอง เจ้าหล่อนเพิ่งดิสชาร์จจากอาการหมดสติและยังตรวจหาสาเหตุไม่พบ พอตกดึกก็โผล่มาที่นี่เลย
มันน่านัก!
บีบข้อมือเล็กๆ ของฐิตตาแล้วออกแรงดึงทีเดียว หล่อนก็หลุดออกจากโพลแท่งนั้นลงมาปะทะกับหน้าอกของเขา
เพื่อนชายหญิงของฐิตตาในปาร์ตี้แห่งนั้นมองมาที่ทั้งคู่กันเกือบหมดทั้งงาน เมื่อเห็นว่านั่นน่าจะเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในค่ำคืนนี้ บางคนผิวปากแซว บางคนจะเข้ามาช่วยฐิตตา แต่พอเห็นนายแพทย์ภวินท์มองกราดมายังตน จึงจำเป็นต้องถอยหลังออกไป เรื่องสามีภรรยาใครอยากเข้าไปยุ่มย่ามกันเล่า
แม้จะมีข่าวลือออกมาอย่างหนาหูก็ตามว่าสองคนนี้เขาแต่งกันแต่ในนาม แต่นี่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว อาจไม่ใช่แค่ในนามแล้วก็เป็นได้
นายแพทย์หนุ่มตวัดร่างภรรยาขึ้นพาดบนบ่าแล้วพาออกจากงานเลี้ยงไปในทันที สภาพแบบนี้เขาไม่เอากลับไปบ้านให้คนของเธอที่รออยู่เห็นแล้วอาจพากันช็อกจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกันอีกหรอก เปลืองเตียงคนไข้!
ตรงเข้าลิฟต์ มุ่งสู่ชั้นบนสุดที่เป็นห้องพักส่วนตัวของเขาน่าจะดีกว่า ภวินท์ตั้งใจทิ้งหล่อนไว้ในนั้นจนกว่าจะสร่างเมาแล้วค่อยปล่อยให้หาทางกลับบ้านเองในสภาพที่ดีกว่านี้
ฐิตตาออกแรงดิ้นเต็มแรง พร้อมตวาดถาม
“จะพาฉันไปไหน ฉันยังไม่กลับ”
“หยุดเถอะฐิตตา”
“ถ้าไม่หยุดจะทำไม จะปล้ำใช่ไหม”
“ปล้ำคุณอย่างนั้นหรือ ผมจะทำไปทำไม ผู้หญิงสกปรกๆ แบบนี้อบฆ่าเชื้อก็ไม่มีทางสะอาดขึ้นมาหรอก เรื่องอะไรจะเอาตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วย”
“ฮึ จะดีกว่ากันแค่ไหนเชียว กับเด็กบาร์อย่างคุณน่ะ”
“ปากดีจริงนะเรา”
หมอหนุ่มเค้นเสียงใส่ เขาพาหล่อนมาจนถึงห้องแล้วเปิดประตูโยนเธอลงไปที่พื้นอย่างไม่แยแส หันหลังจะออกจากห้องไป ไม่อยากตอแยเจ้าหล่อนอีก แต่อีกฝ่ายก็ร้ายกาจไม่หยุดหย่อน หญิงสาวเข้ามาทึ้งเสื้อของเขาจากทางด้านหลัง หมอหนุ่มหลบทัน อีกฝ่ายเลยคว้าได้แต่อากาศ แล้วล้มร่วงลงพื้นในวินาทีต่อมา
ฐิตตาร้องเสียงหลงทันที “โอ๊ย”
เขามองเธอด้วยสายตาแบบเดียวกับคำพูด “สมควรเจ็บ”
“เราเพศเดียวกัน ไม่ควรรังแกกันแบบนี้เลยนะหมอวิน”
เจ้าหล่อนยังคงยวนไม่เลิกรา และสีหน้าแววตาแบบนี้นี่เองที่สามารถจุดโทสะให้นายแพทย์ผู้เคร่งขรึมหลุดมาดได้ทุกคราวไป พอตั้งสติได้ ถึงได้ตอกหล่อนกลับ
“อย่ามาพูดยั่วผมเลย ด่าผมให้ตายผมก็ไม่ปล้ำคุณหรอก”
“ใครอยากให้คนอย่างคุณปล้ำ”
ฐิตตาเถียงอะไรเขาไม่ได้อีกก็ยื่นมือ บอกเสียงอ่อนลง อีกมือคลำข้อเท้าของตนเองไปมาเบาๆ
“ช่วยหน่อย”
หมอหนุ่มมองกิริยาแฝงไปด้วยอันตรายนั้นแล้วก็ว่า
“ลุกขึ้นมาเอง”
“เนี่ย เจ็บข้อเท้า”
ภวินท์มองไปยังข้อเท้าเล็กๆ ที่ขาวจัดของหล่อนก็จำใจย่อตัวลงไปดู เมื่อครู่อาจเป็นได้ที่เธอล้มผิดท่า เมื่ออยู่ในระยะมือเอื้อมถึง คนฤทธิ์มากก็พ่นพิษด้วยการทึ้งเสื้อเชิ้ตลงหาตัว ก่อนจะยื่นอีกมือคว้าจะขยุ้มผมของเขา
หล่อนอยากกระชากผมดำสละสลวยของเขาให้หลุดออกจากหนังหัวให้หมดไปเลย ค่าที่กล้ามาปากดีกับตนเอง แต่แล้วชายหนุ่มก็หลบหลีกได้อีกครั้ง พร้อมกระชากแขนเธอให้ถลาราวกับนกปีกหักไปยังอีกทาง
“ฤทธิ์เยอะนะฐิตตา”
ชายหญิงคู่นั้น อีกคนสู้อีกคนหลบหลีกกันไปมาอยู่ชั่วขณะ ฐิตตาก็คว่ำเขาลงจนได้ จังหวะที่ภวินท์ไม่ทันได้ตั้งตัว ปากของเธอทาบลงบนปากของเขาจนเห็นว่าสีลิปสติกเปรอะก็ชะงัก
ฐิตตามองปากของเขาแล้วขำพรืดออกมา ก่อนว่า
“นึกแล้วเชียวว่าลิปสติกเฉดนี้มันต้องเข้ากับคุณหมอภวินท์”
ภวินท์มองใบหน้าน่ารักของภรรยาตาค้างไปชั่วครู่ เมื่อความใกล้ชิดระหว่างกันมีมากจนเกินไป และเขาพอเข้าใจความหมายของหล่อนดีว่าประโยคเมื่อครู่คงพยายามป่วนเขาไม่เลิกด้วยการกล่าวหาว่าเขาไม่แมน ไม่ใช่ผู้ชายแท้อะไรเทือกนั้น
แล้วก็ให้อารมณ์ไม่พอใจเดือดปุดขึ้นมาอีกระลอก เหตุใดเธอถึงอยากให้เขาเป็นเพศที่สามนัก และก่อนที่ฐิตตาจะทันได้ตั้งตัว เขาจับให้ร่างของเธอพลิกลงไปนอนยังเบื้องล่าง วางมือทั้งสองข้างลงข้างใบหน้า จ้องลึกเข้ามาในดวงตา กล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“อย่างนั้นแล้วลองดูสักครั้งไหมฐิตตา ว่ายังมีอะไรที่เข้ากับผมได้อีก นอกจากลิปสติกเฉดนั้นของคุณ”
ว่าจบ เขาตามลงทาบริมฝีปากบดจูบราวกับแกล้งจนฐิตตาไม่ทันได้ระวังแต่อย่างใด และพอได้ถึงเนื้อถึงตัวหัวใจก็สั่นระรัวต้องการสัมผัสกันและกันให้มากยิ่งขึ้น ร่างของนายแพทย์หนุ่มเบียดชิดแนบสนิทเข้าหาพร้อมทั้งกระตุ้นให้ฐิตตารู้สึกร้อนเร่าสลับหนาวเย็นยะเยือก ทั้งปลุกทั้งเร้าทั้งเรียกร้องและตอบสนองกัน จวบจนผ่านคืนนั้นด้วยความเป็นสามีภรรยาอย่างสมบูรณ์ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย
ฐิตตาลืมตาตื่นขึ้นในตอนใกล้เที่ยงวัน ข้างกายของเธอไม่มีร่างชายผู้ครองสถานะสามีอีกต่อไป เมื่อคืนเธอกับเขาเพิ่งได้เข้าหอกันเป็นครั้งแรก หลังพิธีการเล็กๆ และทะเบียนสมรสถูกลงนามไปได้ครึ่งเท่านั้น
เสียใจไหมกับเหตุการณ์เมื่อคืน
บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ที่รู้สึกคือโหวงในอกเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านอนอยู่คนเดียวบนเตียงกว้าง ตวัดผ้าห่มออกจากร่างนวลเนียนเปลือยเปล่า พบร่องรอยจากเหตุการณ์เมื่อคืนปรากฏหราอยู่บนเรือนกายของเธอ มองหาเครื่องป้องกันแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อยที่เขาไม่ได้ใช้มันกับเธอ ไหนว่าเธอสกปรกนักหนา
แล้วทำไม...
คำถามผุดขึ้นมาในใจของฐิตตา ก่อนที่ความรู้สึกวาบหวิวจะก่อตัวแผ่ซ่านให้ร้อนผ่าวไปทั่วทั้งช่องท้อง เม้มปากอย่างเจ็บใจสะบัดความคิดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้ง
เดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างคราบต่างๆ จนเรียบร้อย หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาข้อมูลครู่ใหญ่ ค่อยตรงไปที่ลานจอด กระชากรถหรูของตัวเอง ขับไปที่ร้านขายยา จัดแจงกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกเรียบร้อย ถึงกลับเข้าบ้านย่านกลางเมือง ที่ซึ่งไม่ไกลนักจากโรงแรมที่เธอใช้พำนักมาทั้งคืน