บทที่ 3 สัมภาษณ์

4400 คำ
“หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ ค่ะ “ “ชื่อคน หรือชื่ออะไร...มันถึงยาวขนาดนั้น..” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง..แต่หญิงสาวไม่ต้องหันไปมอง..ก็รู้ว่ามันคือเสียงของอดีตนักเรียนรุ่นพี่ของเธออย่างแน่นอน “ หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ “ “ ชื่อคน หรือชื่ออะไร ?..มันจะยาวขนาดนั้น..” ชายหนุ่มแสดงใบหน้าฉงน ในขณะขณะดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายใส..ขณะที่กล่าวลอยขึ้นมา เมื่อได้รับรู้ถึงชื่อของหญิงสาวที่เขาต้องการทราบ “ ชื่ออะไรก็ช่าง แต่อีน้องคนที่ว่าแกปากหมา..นะคนนี้เลย.ไอ้ปฏิภาณ..” เพื่อนใหม่ไม่ถึงวัน ที่..ชะตากรรมได้นำพาให้เด็กหนุ่มได้มาร่วมเรียนในชั้นมัธยมปี่ที่หกห้องของโรงเรียนสหศึกษา พูดถึงเด็กสาวที่เขาถามถึง ก่อนยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าเด็กสาวสวย .ผมยาว..ผิวขาว แก้มป่อง ตาบ๋องแบ๋ว แนวยี่ยวน ขึ้นมา กริ๊ง......................................... เสียงอ๊อดดังกังวานเสียงยาว เป็นสัญญาณ บอกการสิ้นสุดการเรียนการสอนของวันนี้ มันทำให้พื้นที่ของระเบียงตึกเรียน ของแต่ละตึก.และ แต่ละอาคาร แต่ละภาควิชา ที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนสหศึกษาได้บรรจุเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนที่พากันนั่งเรียนอยู่ในทุกทีทุกระดับชั้น ที่ตอนนี้ต่างพากันวิ่งกรูออกมาจากห้องเมื่อถูกอาจารย์ปลดปล่อยออกจากห้องเรียน เหมือนเช่นผึ้งแตกออกมาจากรัง โรงเรียนสหศึกษาแบ่งนักเรียนออกเป็นพวกที่มาจากบ้านเช้าเย็นกลับ และ อีกพวกคือพวกที่พักที่หอพักโรงเรียน ก็พากันแยกเดินไปยังหอพักทางด้านหลังของโรงเรียนอย่างชัดเจน และเนติ..อ้น..และนุ่น..ก็คือพวกที่พักที่หอโรงเรียน ก็พากันหอบหนังสือเรียนเหมือนคนอื่นๆที่พักหอของโรงเรียน ที่ต่างพากันเร่งเดินมุงหน้ากลับไปยังหอพักที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน เช่นกิจวัตรที่ได้ปฏิบัติเหมือนทุกๆวัน พร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายกลุ่ม “เอ้ย..รุ่นพี่กีต้าร์เบส..กับพี่มาม่า.นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างสระ ว่ะ..” นุ่นกล่าวขึ้น..ขณะที่เนติกานต์หันหน้าไปยิ้มให้อ้น ก่อนกล่าวเสียงทะเล้น “ รุ่นพี่ กีต้าร์เบส มารอแก .ไอ้อ้น..” “ อย่าพูดมาก คู่ปรับแกก็อยู่..ที่นั้นด้วย..นังเนติ...” สิ้นเสียงนุ่น หญิงเนติกานต์รีบหันหน้ามองไปบริเวณนั้นอีกครั้ง.ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะจ้องผู้ที่ทำให้เธอต้องเกิดความแค้น อย่างแสนสาหัสตอนพักเที่ยง. มันจึงทำให้หน้าตาของเด็กสาวบึ้งตึงลงในเสี้ยววินาที่ “เนติ..อย่าเสียเรื่องนะพี่เขาหล่อ...นะ เนตินะ “ “หล่อก็ช่าง..ยัยนุ่น..หล่อแต่นิสัยไม่ได้มาตรฐาน ม.อ.ก. “ หญิงเนติกานต์เดินไปดึงแขนเสื้อนักเรียนขึ้นเหมือนนักเลงโต..และ นั้นมันได้บ่งบอกว่าเธอเอาจริงแน่ ..ถ้าใครมาตอแยกับเธอในครั้งนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่วาย..เมื่อมีเสียงดังขึ้น..ขณะที่กลุ่มของหญิงเนติกานต์และเพื่อนเดินผ่านกลุ่มรุ่นพี่ที่พวกเธอเพิ่งกล่าวถึง “เอาระวัง..ระวัง.... ซ้าย..ขวา..:ซ้าย...ๆ.....ๆ….” เสียงเด็กหนุ่มชั้นมัธยมการศึกษาปีที่หก ..ที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ ร้องตะโกนออกมาเหมือนสั่งอะไรสักอย่าง ขึ้นมาพร้อมๆกัน.. .ที่ใครได้ยินก็รู้ว่ามันเป็นการให้จังหวะ แบบการฝึกเดินสวนสนามของทหาร..อย่างไม่มีผิดเพี้ยน “ซ้าย....ขวา.....ซ้าย.ๆ ๆ ๆ.” เสียงเหมือนการฝึกซ้อมเดิน ของทหารดังขึ้นตลอดเวลาในขณะที่เด็กสาวทั้งสามกำลังเดินผ่าน..และสิ่งนั้นทำให้สมาธิในการเดินของเด็กสาวทั้งสามคนเริ่มมีปัญหา..เพราะการก้าวเท้าไม่ลงตามจังหวะที่มีการร้องให้จังหวะ...มันจึงทำให้เด็กสาวทั้งสามคน ต่างขยับเดินเป็นกระตุกกระตัก.โดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นมา. ”ซ้าย..ขวา..ซ้าย..ๆ....ๆ .” “สลับเท้า..ให้เข้าจังหวะ หน่อยน้องๆ...ครับ.เอาใหม่ เอ้า ซ้าย ขวา..ซ้าย..ๆๆ...” สิ้นเสียงเตือนนั้น..นุ่นและอ้นหยุดมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินตบเท้าให้ลงตามจังหวะที่เด็กหนุ่มทั้งสามนับจังหวะให้ ในขณะที่เนติกานต์ไม่คิดจะยินยอมที่จะทำตาม ในการเปลี่ยนเท้าตามคำสั่งที่ให้จังหวะ..มันจึงเกิดอาการวางเท้าขัดกับเพื่อนทั้งสองคน ที่พากันตบเท้าขึ้นลงพร้อมกับจังหวะที่กลุ่มเด็กหนุ่มนับให้อย่างพร้อมเพียง..แบบว่าพูดซ้ายก็ลงเท้าซ้าย เมื่อพูดว่าคำว่าขวาก็ลงขาขวานั่นเอง ”ซ้าย...ขวา..ซ้ายๆๆๆ..” จะแต่มีเพียงหญิงเนติกานต์ ที่ไม่ยอมเดินก้าวเท้าตามเพื่อนทั้งสองของเธอ..เธอจึงก้าวเดินชนิดขัดไป..ขัดมา ดูแล้วเกิดภาพน่าขบขัน จากทุกๆสายตาของเพื่อนนักเรียนที่กำลังเดินกลับหอโรงเรียนในบริเวณนั้น จนทุกคนออกอาการขำการเดินของหญิงเนติกานต์ ก่อนจะมีเสียงปฎิภาณร้องสั่งแทรกขึ้นมา. ”หนูๆคนซ้ายสุดที่ชื่อเนติกานต์นะเปลี่ยนเท้าให้เข้าจังหวะ..หน่อยสิครับ” เสียงคุ้นหูนั้น...มันได้สร้างความเขินอาย..ที่บวกเพิ่มเข้ากับความโมโหทำให้หญิงเนติกานต์ต้องการจะพยายามเอาชนะให้ได้ ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น ”เอาอีกแล้วเสียงอีตาพี่คนนี้อีกแล้ว ” ความโมโห และ ความต้องการชนะ เธอจึงพยายามเดินไม่ให้ลงจังหวะนับเสียเลย..มันก็ยิ่งมองดูเธอเป็นตัวตลกมากขึ้นเท่านั้น เพราะ..ทั้งนุ่นและอ้นในขณะนี้ได้เดินตบเท้าตามเสียงคำสั่งนั้น แถมยังออกเสียงนับตามไปด้วยทั้งสองคน ” ค่ะพี่...ซ้าย...ขวา..ซ้าย.ๆๆๆ.”ล ” เปลี่ยนเท้าหน่อยครับหนูเนติกานต์..ฮ่าๆๆ” เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่ว จากนักเรียนที่เดินอยู่บริเวณนั้น..ในขณะที่เนติกานต์เดินขัดเพื่อนไปมา ก่อนที่เด็กสาวจะเขิน จนสุดจะทน เธอจึงหยุดเดิน เพราะ ไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้วนั่นเอง ” ซ้าย..ขวา..ซ้าย...ๆ....ๆ” ภาพนุ่นกับอ้น เดินตบเท้าพร้อมปากนับจังหวะตามเด็กหนุ่มทั้งสาม.โดยไม่รอเพื่อนที่หยุดเดินอีกคนแต่อย่างใด มันจึงทำให้พวกเธอตบเท้าเดินห่างหญิงเนติกานต์ ที่ตอนนี้ขาตายยืนร่างแข็ง แต่อารมณ์เต็มไปด้วยความโกธรจัด .ในขณะที่เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆที่เดินผ่าน เด็กสาวไป ต่างก็พากันหัวเราะเยาะเธอเป็นที่สนุกสนาน “ พี่ค่ะ..สนุกมากนะค่ะ ” คำกล่าวนุ่มนวลหลังจากที่ หญิงเนติกานต์ตัดสินใจเดินเข้าไปหากลุ่มหนุ่มรุ่นพี่ ที่ทำให้เธอต้องอับอาย บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มต้นหูกวางต้นใหญ่ “ สนุกอะไรกันน้องสาว..สนุกจริงต้องมีเสียงกรีด..ด้วยสิจ๊ะ ” หนึ่งในสามหนุ่มน้อยตอบ “ ได้ค่ะเดียวหนูจัดให้...” ไม่ทันที่เด็กหนุ่มทั้งสามจะตั้งตัว เด็กสาวก็จัดให้พวกเขาตามที่เธอพูดด้วยการหยิบเอาก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาจากพื้น ก่อนขว้างไปยังรังมดแดงบนต้นหูกวางที่เธอหมายตาไว้ จนทำให้รังมดเจ้ากรรมแตกกระจาย ส่งผลทำให้มดแดงหลายร้อยตัวตกลงมากลางวงเด็กหนุ่มทั้งสามที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างล่างทันที่ “ กรี๊ดดดดด “ มาม่าหนึ่งในสามหนุ่มร้องกรี๊ด ขณะส่วนที่เป็นรังตกลงใส่หัวเขาแบบเต็มๆ..ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่แพ้กัน เมื่อเหล่าฝูงมดที่แตกกระจายจากรัง ได้ตกลงมาบน หัว และ บนตัวพวกเขานับเป็นสิบๆตัว ก่อนทั้งสามจะพากันวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นไปแบบไม่คิดชีวิต “ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ” เสียงเหล่านักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ ในบริเวณนั่นมาแต่ต้น ต่างพากันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งยิ่งกว่าตอนที่หญิงเนติกานต์ถูกแกล้งเมื่อครู่เสียอีก... “ ที่เอ็งข้าไม่ว่า..ที่ข้าเอ็งอย่าโว้ย ” ผู้ปารังมดแดงกล่าวเสียงดัง ฟังชัด ก่อนที่จะรวบรวมพลังทั้งหมดวิ่งกลับไปยังหอพักตามเพื่อนรักทั้งสองคนของเธอไป.. ............................................... หอพักที่สร้างเป็นตึกสูงสามชั้นขนาดใหญ่ ได้ถูกสร้างไว้บริเวณด้านหลังของโรงเรียนสหศึกษาจำนวนสองหลัง โดยตึกทั้งสองถูกแบ่งออกเป็นหอพักชายและหญิงอย่างละหลัง โดยอาคารทั้งสอง จะมีก็เพียง รั้วคอนกรีตเท่านั้นที่สร้างไว้กั้นระหว่างสองตึก บนชั้นสามห้องสามทับเจ็ด.หญิงเนติกานต์ทุบหลังนุ่นขณะที่เธอและอ้นก้าวผ่านประตูเข้าไป ก่อนที่อ้นจะรีบวิ่งหนีก่อนที่จะโดนทุบอีกคน แต่ผู้ประสงค์ร้ายไม่ยอมง่ายๆ เธอจึงวิ่งไล่เพื่อนรักทั้งสองที่วิ่งหลบหนีไปมาจนรอบห้อง.โดยผู้ถูกไล่ล่าต่างพากันทำหน้าตาทะเล้น ล้อเลียนเด็กสาวผู้ประสงค์ร้ายอยู่ตลอดเวลา..... ” พี่เขา..สนุกๆขำๆ ..นะเนติ..ฮ่า..ๆ” ” อ้น..ฉันไม่เคยขายหน้าขนาดนี้...ฉันไม่...ยอม... อ้นพยายามพูดขณะนุ่นนั่งลงเพราะเหนื่อย จากการวิ่งหนีการวิ่งไล่ล่าภายในห้องเล็กก่อนที่เด็กสาวจะแทบตกเก้าอี้ เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ”อะไรกันเด็กพวกนี้เสียงดัง...จัง ” …ในขณะนั้นประตูถูกผลักให้อ้าออก พร้อมมีร่างหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพักของสามสาว ”พี่ก้อยขา..ช่วยด้วยหมาบ้าไล่กัด...” นุ่น และ อ้นฟ้องผู้มาถึงเสียงดัง ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้คุมหอหญิง. พร้อมกับแย่งกันชี้มือไปยังร่างของเพื่อนสาวอีกคนภายในห้อง ..ที่มีใบหน้าบึงตึง... ” มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะหนูเนติ” ”เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ..พี่ก้อย............... นุ่นและอ้น แย่งกันอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดวันนี้ ระหว่างเนติกานต์กับเด็กหนุ่มรุ่นพี่ผู้มาใหม่ ให้พี่ก้อยของพวกเธอฟัง โดยในขณะที่ทั้งคู่พากันเล่า ก็เล่าไป หัวเราะไป ในขณะผู้ถูกกล่าวถึงทำได้เพียง ยืนชี้หน้าเนื่องจากไม่สามารถทำอะไรได้...เพราะเกรงใจผู้คุมหอพักที่เธอรักและนับถือ ” อ๋อ...ยังงี้นี่เอง.เออและเมื่อกี้ พวกเจ้ามาม่า กีต้าร์ และเด็กหนุ่มที่มาใหม่ ไปขอยาทาเพราะถูกมดทั้งรังกัด ก็ฝีมือแกสินะเนติ ” “ก็ใครบอกมาทำเนติก่อนล่ะค่ะ..พี่ก้อย “พี่ว่าแล้ว..เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับหญิงเนติเออแล้วเด็กมาใหม่ตัวแสบอีกคน.นั้น.ชื่ออะไรนะ.อ้อรอเดียวนะ ”. ผู้มีหน้าที่ควบคุมหอพักกล่าวเมื่อรับรู้เรื่องราวต่างๆ เธอจึงหยิบเอาเอกสารบางอย่างออกมาจากแฟ้มที่เธอถือมาด้วย ก่อนที่จะดึงเอาเอกสารชุดหนึ่งออกมาอ่าน ก่อนจะอธิบายถึงเนื้อหาของมัน “ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ .ที่ชื่อ คอปเรชั่น...และที่เขาได้มาเรียนที่นี้ในเทอญสุดท้ายของปีการศึกษานี้ ..ก็เพราะเขาจะต้องไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศในเทอญหน้า แม่เขาจึงส่งให้มาเรียนรอ..เพื่อเขาจะได้เรียนรู้..การอยู่โรงเรียนประจำ เพราะเขาต้องฝึกอยู่หอพักคนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย .ก่อนที่จะถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศคนเดียว. เออเดียวนะ..นี่ไง..โอ้โห้...ผลการเรียนเขาอยู่ในขั้นดีมากๆเลย เออๆ..นี่ไง..ชื่อของเขา..ชื่อๆ..เขาชื่อ ” “ นาย ปฏิภาณ ศรัณรัช “ **......... ปัจจุบัน......**. “อ้าวมาแล้วหรือลูก..เอาล่ะนะหนู..ลูกชายฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอร่วมกับฉันอีกคน เอาลูกคุยกับน้องก่อน แม่ขอไปเอางานที่โต๊ะแป็บ... “ผมปฏิภาณ ศรัณรัช ครับ“ หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ เงยหน้าขึ้น ก่อนตากลมโตจะจ้องสบเข้ากับแววตายี่ยวนที่เธอคุ้นเคย.หลังจากบุรุษหนุ่มได้กล่าวแนะนำในสิ่งที่เธอรู้จักมานาน สายตายี่ยวนของชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาคู่ใส ที่ไม่คิดจะหลบแม้เพียงนิดอยู่นาน จนกะทั่งหญิงสูงวัยได้เดินไปถึงโต๊ะทำงานอีกตัวในห้อง ทำให้ผู้สัมภาษณ์คนใหม่เริ่มกล่าว “ครับก่อนอื่นผมขอแจ้งว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ เราจะไม่มีเส้น.ไม่มีสายใดๆทั้งสิ้น..ดังนั้นกรุณาอย่าอ้างว่ารู้จักคนในที่นี้ หรือ..ว่าคนในบริษัทแห่งนี้เพื่อหวังว่าจะได้คะแนนเพิ่ม.ในการพิจารณาโดยเด็ดขาด..!” คำแจ้งถึงกติกา คือคำแรกที่หลุดออกจากชายหนุ่มผู้มีหน้าที่สอบสัมภาษณ์ ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่า การที่เธอจะทักทายรุ่นพี่ตัวแสบของเธอในวันนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว .แต่เธอก็มีคำถาม. “ถ้ากลัวว่าดิฉันมีเส้นใหญ่เช่นนั้น ก็ขอให้..ดิฉันถอนตัว..ได้นะค่ะ.. ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพเมื่อได้รับฟังประสงค์จากคำกล่าวท้า. ในขณะที่ฝังตรงข้ามกลับมองเห็นเป็นการยิ้มยั่ว ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะกล่าวเสียงตรงข้ามกับคำว่าสุภาพ.. “ไม่มีทาง?คุณไม่ถอนตัว..แน่นอน…แล้วผมจะไปขอทำไหม?” “ใช่สิค่ะ..คุณชายผู้สูงเลิศ...ที่รู้ทุกๆเรื่อง..คิดถูกแล้วค่ะ .ดิฉันไม่ถอนตัว.เพราะคงไม่มีใครจะมาช่วยใช้เส้นใช้สายช่วยดิฉันได้...หรือว่าคุณจะช่วย?? ” ดวงตาผู้ให้สัมภาษณ์หรี่เล็กลงจ้องเขม็ง เมื่อกล่าวจบประโยค เนื่องจากดวงตาของบุรุษเบื้องหน้าจ้องมาก่อน ทำให้คู่สัมภาษณ์เหลือเพียงตาที่จ้องกันเขม็ง..แบบไม่มีใครยอมใคร.. “ฎิภาณ..คำถามนี้ลูกจะใช้สัมภาษณ์หนูคนนี้ตามนี้ เลยหรอ..ลูก” มีสถานการณ์ใหม่...เมื่อมีเสียงถามมาจากอีกโต๊ะ ก่อนคำถามจะถูกตอบกลับแบบไม่ลังเล “ครับ แม่..” และ..จากคำถามของผู้เป็นแม่. ทำให้ผู้กำลังรับการสัมภาษณ์ต้องสงสัยถึงคำถามที่จะใช้ถามเธอ?ว่า..มันคือคำถามแบบไหน?..กันแน่.. ในขณะที่คิด ดวงตาดุของหญิงสาวก็ไม่ยินยอมที่จะหลบหลีกให้สายตาหนุ่มรุ่นพี่..ที่เธอมีเรื่องมากมาย ที่อยากรู้ในสิ่งที่เขาทำในอดีต..ว่ามันคืออะไรกันแน่?..จนเธอแทบจะทนกับความอยากรู้นั้นไม่ได้...ในขณะนี้.. หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ จ้องสบตา .นายปฏิภาณ ศรัณรัช อยู่นาน.. จนพนักงานสาวผู้มีหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์ที่อยู่ในห้องอีกคน.อดที่จะชำเลื่องดูทั้งคู่ด้วยใบหน้าฉงนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะการสัมภาษณ์หญิงสาวหลายคนก่อนหน้านี้ ก็ไม่เห็นเป็นเช่นครั้งนี้...จนกระทั้งผู้เป็นประธานสัมภาษณ์ .กลับมานั่งที่เดิม..พร้อมยิงคำถามใหม่... “ลองเล่าประวัติย่อๆของหนูมาหน่อยซิ..จ๊ะ.." “ ค่ะ..คุณพ่อดิฉันเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ.ส่วน.คุณแม่เป็นข้าราชการของกรมการปกครองที่ต่างจังหวัดค่ะ ปัจจุบันนี้ดิฉันได้เข้ามาพักอาศัยอยู่กับญาติที่กรุงเทพ. ดิฉันจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และในปัจจุบันยังทำงานอยู่กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง.ในตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่าย.ค่ะ” มารดาของ ปฎิภาณถาม หญิงเนติกานต์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ. มันจึงเป็นคำตอบแบบชัดถ่อยชัดคำ.และครบถ้วนทุกเนื้อหาที่ถูกถาม “ทำไหมจึงมาสอบสัมภาษณ์ในวันนี้จ๊ะหนู“ “ดิฉันมีคุณสมบัติเพียงพอในตำแหน่งงานนี้ และรู้ว่าดิฉันสามารถทำงานทุมเทจนคุ้มกับ...เงินเดือนหนึ่งล้านบาท..และ ดิฉันอยากได้เงินเดือนนั้น เพราะมัน.คงเปลี่ยนชีวิต.ดิฉันไปตลอดชาตินี้” “ตลอดชาติเลยรึ...ตรงมากๆ...และตอบไม่เหมือนใครเลยนะ..หนูนี่” หญิงสูงวัยยิ้มในคำตอบของหญิงสาว.. ก่อนจะเปิดดูเอกสารที่แนบมาพร้อมใบสมัคร...ที่มันได้ผ่านการตรวจสอบถึงคุณสมบัติต่างๆของผู้ให้สัมภาษณ์มาแล้ว จนเธอได้ผ่านเข้ามาเป็นหนึ่งในสี่สิบห้าคนจากการคัดเลือกของผู้สมัครนับพันคน. และจากผลสรุปที่มีผู้ตรวจสอบก่อนหน้านั้น ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ตรงคำว่า “ ดี”และ “ดีมาก”บนเอกสารประวัติของหญิงสาว หลายหัวข้อ จึงทำให้เธอได้ผ่านเข้ามาถึงการสอบสัมภาษณ์ในครั้งนี้นั่นเอง และ..เมื่อหญิงสูงวัย อ่านและพิจารณาดูแล้วเธอจึงหันไปมองลูกชายคนเดียวของเธอ.ในขณะที่มือข้างถนัดจดปลายปากกาไปบนเอกสาร..ตรงช่องที่เขียนไว้ว่า “ พอใช้ ” ...แต่ลูกชายเธอกับส่ายหัวไปมา.. ผู้เป็นแม่จึงเลือนมาที่ช่องคำว่า “ดี ” ลูกชายเธอก็ส่ายหัวอีกครั้ง..และนั้นมันคงเหลือแต่คำว่า “ ดีมาก”เธอจึงเลื่อนมือไปยังตำแหน่งดังกล่าว. ครั้งนี้ลูกชายเธอยิ้ม..แต่ ผู้เป็นมารดากับเป็นผู้ส่ายหัว...ก่อนที่จะขีดไปในช่องที่เขียนไว้ว่า “ดีมาก”ในหัวหัวข้อบุคลิกภาพ...ก่อนจะลงนามกำกับ “เอาล่ะนะ..ลูกชายฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอต่อนะเรื่องคุณสมบัติที่เราต้องการ” ประธานสัมภาษณ์พูดจบ..ก็ลุกเดินไปนั่งโต๊ะทำงานตัวเดิมของเธออีกครั้ง.. ก่อนที่จะเปิดดูเอกสารที่เธอยังต้องสะสาง..โดย.ปล่อยให้ลูกชายสัมภาษณ์หญิงสาวต่อ และครั้งนี้ชายหนุ่มไม่รอช้า.... “เอาล่ะ...คุณเนติกานต์คุณว่าคุณสวยแบบไหน” หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ หันหน้าไปสบตา นายปฏิภาณ ศรัณรัช อีกครั้ง เมื่อรับทราบคำถาม จนผู้มีหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อทั้งคู่กลับมาอยู่ท่าเก่า . “ตอนเรียนอุดมศึกษา..มีคนมาติดพัน และ..ชอบพอดิฉันหลายคน และ สมัยเรียนปริญญาตรีก็มีไม่น้อยกว่าเก่า จนดิฉันได้ทำงาน ก็มีถึงขั้นจะมาสูขอ....” หญิงสาวหยุดนิดหนึ่ง..ขณะ สายตาชายหนุ่มที่ใช้มองจ้องไปที่เธอหรี่ลง เหมือนอยากจะทราบคำตอบต่อไปของหญิงสาวยิ่ง..ล “เอ่อ...แฟนเยอะจริงๆนะครับ คุณคนสวย..” เมื่อหญิงสาวหยุดพูดไว้นิดหนึ่ง ชายหนุ่มจึงพูดแทรกเหมือน.ว่า.อารมณ์ของเขาเริ่มเข้าสู่ทางด้านลบ.. “แต่..นั้นคือรูปกายภายนอกที่พออธิบายได้.แต่ ความสวยของผู้หญิงจริงๆนั้นคือการบ้านการเรือน ที่โบราณท่านว่า..เรือนสาม น้ำสี่.ที่ดิฉันก็มีอยู่อย่างไทยแท้.ตามที่แม่พร่ำสอน และดิฉันได้รับมาอย่างเต็มเปี่ยม” “เรือนสาม..น้ำสี่” “ค่ะ..ถ้าอยากทราบว่าคืออะไร....ก็กะว่าจะชวนคุณปฎิภาณ..ไปเที่ยวที่บ้านดิฉันสักวัน..จะได้รู้ว่าเรือนสามน้ำสี่มันเป็นอย่างไร..ถ้าดิฉันได้งานนี้ “ติดสินบน?” “แค่พาไปเที่ยวบ้าน..มันมีค่าอะไร..หรือค่ะ” ผมดำยาวสลวย..หน้าขาว..แก้มป่องตาบ่องแบ้ว ออกแนวยี่ยวน.กลับมาอยู่บนใบหน้าแสนสวยที่มากไปด้วยเสน่ห์ ..ในสายตาของชายหนุ่มอีกครั้ง.. และ ในสิ่งที่หญิงสาวตอบคำสัมภาษณ์..แบบท้าทาย ทำให้ชายหนุ่มยิ้ม..อารมณ์เริ่มเป็นบวกอีกครั้ง “เอาล่ะ..ลองเล่าเรื่องชายผู้ที่จะไปสู่ขอ..ที่เล่าถึงซิ..” “ดิฉันได้ ปฎิเสธไปค่ะ..เพราะดิฉันไม่ได้รักเขา..แต่ถ้าอีกคนที่เคยเรียนที่เดียวกัน และเป็นนักเรียนรุ่นพี่ของดิฉันมาสูขอ..ดิฉันคงตกลง..ค่ะ.....” “เขาคือ..” ชายหนุ่มถามสั้นแต่ต่อเนื่องเมื่อหญิงสาวหยุดพูดในทันที่โดยหวังในคำตอบที่เขาอยากฟัง? “เรื่องส่วนตัวมั่งค่ะ..แต่..ดิฉันบอกได้แค่ว่ารุ่นพี่..ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยค่ะ” ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย? มันไม่ใช่ตอนมัธยมอย่างที่ชายหนุ่มอยากฟัง อารมณ์เขาขุ่นมัวอีกครั้ง “หญิงเนติกานต์คุณเรียนโง่ไหม? และน้ำหนักคุณจะเกินหกสิบกิโลไหม? เมื่ออายุเกินสามสิบปีหรือเปล่า “ มาอีกแล้วคำถามบ้าๆ..เหมือนกับทุกๆคนที่ออกจากห้องนี้ไปพูดกัน..หญิงสาวทำได้เพียงคิดเคืองก่อนตอบ “ขณะดิฉันเรียน มีบางวิชาที่ไม่เข้าใจที่ครูสอน แต่ดิฉัน..เป็นคนชอบอ่านตำราและศึกษาเอง..จึงทำให้ไม่ค่อยสนใจอาจารย์สอนในห้องเท่าไร..เพราะ ส่วนมากจะอ่านวิชาเรียนล่วงหน้าเสมอ.ดิฉันจึงถูกลงโทษบ่อยๆตอนเรียน แต่การที่คุณมาช่วยฉันติว..วิชาบ่อยๆ.นั้น?” ก่อนที่จะพูดต่อเนื่อง หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นบังที่ปาก และ นั้นเป็นสัญญาลักษณ์บอกว่า..อย่าพูด?คนอื่นจะรู้?เพราะตอนนี้.พนักงานสาวได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของหญิงเนติกานต์แบบงงๆ “เออ.งั้นถ้าอยากรู้.ว่าการเรียนดิฉันเป็นอย่างไรก็ขอความกรุณาดูทรานสคริปของดิฉันก็ได้ค่ะ.และ นี่ค่ะอีกเรื่องที่ถาม.เรื่องน้ำหนักตัว.” หญิงสาวหยิบรูปเธอถ่ายคู่กับแม่แบบเต็มตัว ขนาดสองคูณสามนิ้วออกจากกระเป๋าใส่เงิน..ยื่นให้ชายหนุ่ม “ดูนางให้ดูแม่..แม่ดิฉันอายุตอนถ่ายรูป ก็ประมาณสี่สิบเก้าปี..น้ำหนักท่านตอนนั้นห้าสิบสองกิโลกรัมและมันไม่เคยเกินไปกว่านี้อีกเลย และถ้าดิฉันอายุเท่าท่าน ดิฉันก็คงเป็นเหมือนดังเช่นท่าน.. ชายหนุ่มรับภาพถ่ายมาถือแล้วมองดูอยู่นาน ก่อนเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อ “กรุณาขอรูปภาพดิฉันคืนด้วยค่ะ “ “ผมจะเก็บไว้ตรวจ..สอบ” “ว่า...” “ว่าใช่คุณแม่..คุณจริงไหมในรูป..” “นั้นแม่..ดิฉันจริงๆ “ถ้างั้น..คุณต้องพาผมไปพบท่านเพื่อ เป็นการพิสูพจ์ " “ไม่ ได้" “ต้องได้ “ “ไม่ “ “คุณต้องพาผมไป ..เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์ “ไม่ “ “ผมมีสิทธิ์..” “ไม่ ก่อนทั้งคู่จะต่อล้อต่อเถียงกันต่อ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงกลั่นหัวเราะจากผู้ทำหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์ ที่ไม่สามารถจะกลั่นหัวเราะเอาไว้ได้อีกต่อไป มันจึงทำให้พนักงานสาวพยายามใช้มือปิดปากขณะหัวเราะออกมา..แต่มันก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาอยู่ดี.. และสิ่งนั้นเองที่ทำให้ทั้งคู่หยุดโต้เถียงกัน...จนทุกอย่างกลับมาหยุดนิ่งอีกครั้ง....ก่อนผู้สัมภาษณ์จะทำลายความเงียบ. “เอาล่ะ “ เสียงทุ้มกล่าว ใน ขณะหญิงนัยน์ตาคมเข้ม...รอฟัง “คุณเนติกานต์ข้อนี้สำคัญ …” เมื่อผู้ถามบอกว่าสำคัญ ..ผู้รอสัมภาษณ์จึงตั้งใจฟัง “คุณคิดว่าจะเลิกรักกับคนที่คุณหลงรักเขาอยู่ทุกวันนี้ได้หรือเปล่า...และพร้อมจะเลิกกับเขาแล้วไปแต่งงานกับคนอื่น..ได้หรือไม่ ” คำถามสำคัญนะ..ข้อนี้ คำถามนี้มันสำคัญกับการทำงาน ตรงไหนเนี่ย ? มันก็คือคำถามที่บ้าๆบอๆที่ทุกๆคนที่มาสัมภาษณ์เจอ .. จนออกไปบ่นกันนั้นแหละน้า .. หญิงเนติกานต์คิดสรุปแล้วว่าจะตอบแบบใช้อารมณ์ในการตอบ..เพราะคำถามที่ผ่านมา..เธอคิดว่ามันคือคำถามยี่ยวน ของ...หนุ่มรุ่นพี่ของเธอ..ที่พยายามแกล้งเธออีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี. แต่ขณะนั้น..กลับมีเสียงกล่าวขึ้น ก่อนที่หญิงสาวจะหลงประเด็นไปตอบคำถามด้วยอารมณ์โกธร... “ตอบดีๆ นะจ๊ะหนูคำถามนี้สำคัญมาก..นะ....” ประธานการสัมภาษณ์นั่นเองที่พูดขึ้น ในขณะที่เธอพาร่างสง่างาม เดินกลับมานั่งลงต่อหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ในขณะที่ชายผู้มีหน้าที่สัมภาษณ์ร่วมอีกคน.. ทำริมฝีปากเม้ม ขณะที่เพ่งดวงตาที่ลุกวาวมายังหญิงสาวก่อนที่จะผงกศีรษะลงเล็กน้อย..เหมือนจะบอกเธอว่า..ให้ตอบดีๆ นะ... “เออ...ดิฉัน...เออ..” คิดไม่ทัน แถมไม่คิดว่าคำถามนี้จะเป็นคำถามที่สำคัญจริงๆ มันจึงทำให้ความลังเลเกิดขึ้น...พร้อมสร้างความสับสน จนมันได้ก่อเกิดความไม่มั่นใจในคำตอบขึ้นมา...จน ส่งผลทำให้หญิงสาวตัดสินใจตอบไปตามความเป็นจริง ที่ออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ.. “ค่ะที่ผ่านมาดิฉันเคยหลงรักอยู่คนหนึ่ง..แต่ก็นานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน. ที่มันเป็นความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของดิฉัน และ ถ้าดิฉันพบคนใหม่ที่ดิฉันรักเขา ดิฉันก็พร้อมจะแต่งงานกับเขา..ถ้าเขาคนนั้นรักดิฉันจริง..” “งั้น ตอบมาตามความจริงนะ..ว่าตอนเรียนที่ไหน ?” ชายหนุ่มรีบยิงคำถามต่อเนื่องทันที่ ก่อนที่นัยน์ตาคมเข้มของหญิงสาวจะหันไปมองใบหน้าผู้ถาม พร้อมเปิดปากตอบช้าๆ..แบบฝืนความรู้สึกในคำตอบ “..ตอน...เรียนมัธยม..ค่ะ “ หญิงสาวจบคำตอบ ก่อนกัดริมฝีปากบาง เพราะมันเป็นคำตอบที่คิดว่า มันควรจะเป็นความลับในห้วงลึกในหัวใจ และมันควรจะเก็บเป็นความลับสุดยอดภายในใจน้อยๆของเธอ...แต่..ในวันนี้ มันกลับต้องมาเปิดเผยต่อหน้าคนที่เธอยอมรับว่า..เธอยังหลงรักเขา..ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม.... “ประเด็นนี้พอ..หรือยัง...ลูก “ “ยังครับ..ผมขอถามอีกหน่อย..” ชายหนุ่มกล่าวกับมารดาขณะยังยิ้มค้างจากคำตอบของหญิงสาวเมื่อครู่ .ก่อนที่คำถามอีกข้อจะถูกถามออกมา... “เนติกานต์ คุณเคยโดนหอมแก้ม..และ.เคยถูกจูบแล้วหรือยัง?” ......................................................... **...เป็นนิยายสลับอดีตกับปัจจุบัน ช นะครับอย่าพึง งงนะ และ.นี่ก็อยากให้รี๊ด.อ่านแนวใหม่ของนิยายไทยและแนวนี้มัน จะช่วยให้ความสุขกับผู้อ่านได้ อย่างคิดไม่ถึงเลยล่ะครับ...ไรท์รับประกัน...** สน...กระซิบแผ่ว..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม