“หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ ค่ะ “
“ชื่อคน หรือชื่ออะไร...มันถึงยาวขนาดนั้น..”
เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง..แต่หญิงสาวไม่ต้องหันไปมอง..ก็รู้ว่ามันคือเสียงของอดีตนักเรียนรุ่นพี่ของเธออย่างแน่นอน
“ หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ “
“ ชื่อคน หรือชื่ออะไร ?..มันจะยาวขนาดนั้น..”
ชายหนุ่มแสดงใบหน้าฉงน ในขณะขณะดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายใส..ขณะที่กล่าวลอยขึ้นมา เมื่อได้รับรู้ถึงชื่อของหญิงสาวที่เขาต้องการทราบ
“ ชื่ออะไรก็ช่าง แต่อีน้องคนที่ว่าแกปากหมา..นะคนนี้เลย.ไอ้ปฏิภาณ..”
เพื่อนใหม่ไม่ถึงวัน ที่..ชะตากรรมได้นำพาให้เด็กหนุ่มได้มาร่วมเรียนในชั้นมัธยมปี่ที่หกห้องของโรงเรียนสหศึกษา พูดถึงเด็กสาวที่เขาถามถึง ก่อนยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าเด็กสาวสวย .ผมยาว..ผิวขาว แก้มป่อง ตาบ๋องแบ๋ว แนวยี่ยวน ขึ้นมา
กริ๊ง.........................................
เสียงอ๊อดดังกังวานเสียงยาว เป็นสัญญาณ บอกการสิ้นสุดการเรียนการสอนของวันนี้ มันทำให้พื้นที่ของระเบียงตึกเรียน ของแต่ละตึก.และ แต่ละอาคาร แต่ละภาควิชา ที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนสหศึกษาได้บรรจุเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนที่พากันนั่งเรียนอยู่ในทุกทีทุกระดับชั้น ที่ตอนนี้ต่างพากันวิ่งกรูออกมาจากห้องเมื่อถูกอาจารย์ปลดปล่อยออกจากห้องเรียน เหมือนเช่นผึ้งแตกออกมาจากรัง
โรงเรียนสหศึกษาแบ่งนักเรียนออกเป็นพวกที่มาจากบ้านเช้าเย็นกลับ และ อีกพวกคือพวกที่พักที่หอพักโรงเรียน ก็พากันแยกเดินไปยังหอพักทางด้านหลังของโรงเรียนอย่างชัดเจน
และเนติ..อ้น..และนุ่น..ก็คือพวกที่พักที่หอโรงเรียน ก็พากันหอบหนังสือเรียนเหมือนคนอื่นๆที่พักหอของโรงเรียน ที่ต่างพากันเร่งเดินมุงหน้ากลับไปยังหอพักที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน เช่นกิจวัตรที่ได้ปฏิบัติเหมือนทุกๆวัน พร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายกลุ่ม
“เอ้ย..รุ่นพี่กีต้าร์เบส..กับพี่มาม่า.นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างสระ ว่ะ..”
นุ่นกล่าวขึ้น..ขณะที่เนติกานต์หันหน้าไปยิ้มให้อ้น ก่อนกล่าวเสียงทะเล้น
“ รุ่นพี่ กีต้าร์เบส มารอแก .ไอ้อ้น..”
“ อย่าพูดมาก คู่ปรับแกก็อยู่..ที่นั้นด้วย..นังเนติ...”
สิ้นเสียงนุ่น หญิงเนติกานต์รีบหันหน้ามองไปบริเวณนั้นอีกครั้ง.ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะจ้องผู้ที่ทำให้เธอต้องเกิดความแค้น อย่างแสนสาหัสตอนพักเที่ยง. มันจึงทำให้หน้าตาของเด็กสาวบึ้งตึงลงในเสี้ยววินาที่
“เนติ..อย่าเสียเรื่องนะพี่เขาหล่อ...นะ เนตินะ “
“หล่อก็ช่าง..ยัยนุ่น..หล่อแต่นิสัยไม่ได้มาตรฐาน ม.อ.ก. “
หญิงเนติกานต์เดินไปดึงแขนเสื้อนักเรียนขึ้นเหมือนนักเลงโต..และ นั้นมันได้บ่งบอกว่าเธอเอาจริงแน่ ..ถ้าใครมาตอแยกับเธอในครั้งนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่วาย..เมื่อมีเสียงดังขึ้น..ขณะที่กลุ่มของหญิงเนติกานต์และเพื่อนเดินผ่านกลุ่มรุ่นพี่ที่พวกเธอเพิ่งกล่าวถึง
“เอาระวัง..ระวัง.... ซ้าย..ขวา..:ซ้าย...ๆ.....ๆ….”
เสียงเด็กหนุ่มชั้นมัธยมการศึกษาปีที่หก ..ที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ ร้องตะโกนออกมาเหมือนสั่งอะไรสักอย่าง ขึ้นมาพร้อมๆกัน.. .ที่ใครได้ยินก็รู้ว่ามันเป็นการให้จังหวะ แบบการฝึกเดินสวนสนามของทหาร..อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ซ้าย....ขวา.....ซ้าย.ๆ ๆ ๆ.”
เสียงเหมือนการฝึกซ้อมเดิน ของทหารดังขึ้นตลอดเวลาในขณะที่เด็กสาวทั้งสามกำลังเดินผ่าน..และสิ่งนั้นทำให้สมาธิในการเดินของเด็กสาวทั้งสามคนเริ่มมีปัญหา..เพราะการก้าวเท้าไม่ลงตามจังหวะที่มีการร้องให้จังหวะ...มันจึงทำให้เด็กสาวทั้งสามคน ต่างขยับเดินเป็นกระตุกกระตัก.โดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นมา.
”ซ้าย..ขวา..ซ้าย..ๆ....ๆ .”
“สลับเท้า..ให้เข้าจังหวะ หน่อยน้องๆ...ครับ.เอาใหม่ เอ้า ซ้าย ขวา..ซ้าย..ๆๆ...”
สิ้นเสียงเตือนนั้น..นุ่นและอ้นหยุดมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินตบเท้าให้ลงตามจังหวะที่เด็กหนุ่มทั้งสามนับจังหวะให้ ในขณะที่เนติกานต์ไม่คิดจะยินยอมที่จะทำตาม ในการเปลี่ยนเท้าตามคำสั่งที่ให้จังหวะ..มันจึงเกิดอาการวางเท้าขัดกับเพื่อนทั้งสองคน ที่พากันตบเท้าขึ้นลงพร้อมกับจังหวะที่กลุ่มเด็กหนุ่มนับให้อย่างพร้อมเพียง..แบบว่าพูดซ้ายก็ลงเท้าซ้าย เมื่อพูดว่าคำว่าขวาก็ลงขาขวานั่นเอง
”ซ้าย...ขวา..ซ้ายๆๆๆ..”
จะแต่มีเพียงหญิงเนติกานต์ ที่ไม่ยอมเดินก้าวเท้าตามเพื่อนทั้งสองของเธอ..เธอจึงก้าวเดินชนิดขัดไป..ขัดมา ดูแล้วเกิดภาพน่าขบขัน จากทุกๆสายตาของเพื่อนนักเรียนที่กำลังเดินกลับหอโรงเรียนในบริเวณนั้น จนทุกคนออกอาการขำการเดินของหญิงเนติกานต์ ก่อนจะมีเสียงปฎิภาณร้องสั่งแทรกขึ้นมา.
”หนูๆคนซ้ายสุดที่ชื่อเนติกานต์นะเปลี่ยนเท้าให้เข้าจังหวะ..หน่อยสิครับ”
เสียงคุ้นหูนั้น...มันได้สร้างความเขินอาย..ที่บวกเพิ่มเข้ากับความโมโหทำให้หญิงเนติกานต์ต้องการจะพยายามเอาชนะให้ได้ ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น
”เอาอีกแล้วเสียงอีตาพี่คนนี้อีกแล้ว ”
ความโมโห และ ความต้องการชนะ เธอจึงพยายามเดินไม่ให้ลงจังหวะนับเสียเลย..มันก็ยิ่งมองดูเธอเป็นตัวตลกมากขึ้นเท่านั้น เพราะ..ทั้งนุ่นและอ้นในขณะนี้ได้เดินตบเท้าตามเสียงคำสั่งนั้น แถมยังออกเสียงนับตามไปด้วยทั้งสองคน
” ค่ะพี่...ซ้าย...ขวา..ซ้าย.ๆๆๆ.”ล
” เปลี่ยนเท้าหน่อยครับหนูเนติกานต์..ฮ่าๆๆ”
เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่ว จากนักเรียนที่เดินอยู่บริเวณนั้น..ในขณะที่เนติกานต์เดินขัดเพื่อนไปมา ก่อนที่เด็กสาวจะเขิน จนสุดจะทน เธอจึงหยุดเดิน เพราะ ไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้วนั่นเอง
” ซ้าย..ขวา..ซ้าย...ๆ....ๆ”
ภาพนุ่นกับอ้น เดินตบเท้าพร้อมปากนับจังหวะตามเด็กหนุ่มทั้งสาม.โดยไม่รอเพื่อนที่หยุดเดินอีกคนแต่อย่างใด มันจึงทำให้พวกเธอตบเท้าเดินห่างหญิงเนติกานต์ ที่ตอนนี้ขาตายยืนร่างแข็ง แต่อารมณ์เต็มไปด้วยความโกธรจัด .ในขณะที่เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆที่เดินผ่าน เด็กสาวไป ต่างก็พากันหัวเราะเยาะเธอเป็นที่สนุกสนาน
“ พี่ค่ะ..สนุกมากนะค่ะ ”
คำกล่าวนุ่มนวลหลังจากที่ หญิงเนติกานต์ตัดสินใจเดินเข้าไปหากลุ่มหนุ่มรุ่นพี่ ที่ทำให้เธอต้องอับอาย
บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มต้นหูกวางต้นใหญ่
“ สนุกอะไรกันน้องสาว..สนุกจริงต้องมีเสียงกรีด..ด้วยสิจ๊ะ ”
หนึ่งในสามหนุ่มน้อยตอบ
“ ได้ค่ะเดียวหนูจัดให้...”
ไม่ทันที่เด็กหนุ่มทั้งสามจะตั้งตัว เด็กสาวก็จัดให้พวกเขาตามที่เธอพูดด้วยการหยิบเอาก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาจากพื้น ก่อนขว้างไปยังรังมดแดงบนต้นหูกวางที่เธอหมายตาไว้ จนทำให้รังมดเจ้ากรรมแตกกระจาย ส่งผลทำให้มดแดงหลายร้อยตัวตกลงมากลางวงเด็กหนุ่มทั้งสามที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างล่างทันที่
“ กรี๊ดดดดด “
มาม่าหนึ่งในสามหนุ่มร้องกรี๊ด ขณะส่วนที่เป็นรังตกลงใส่หัวเขาแบบเต็มๆ..ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่แพ้กัน เมื่อเหล่าฝูงมดที่แตกกระจายจากรัง ได้ตกลงมาบน หัว และ บนตัวพวกเขานับเป็นสิบๆตัว ก่อนทั้งสามจะพากันวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นไปแบบไม่คิดชีวิต
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ”
เสียงเหล่านักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ ในบริเวณนั่นมาแต่ต้น ต่างพากันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งยิ่งกว่าตอนที่หญิงเนติกานต์ถูกแกล้งเมื่อครู่เสียอีก...
“ ที่เอ็งข้าไม่ว่า..ที่ข้าเอ็งอย่าโว้ย ”
ผู้ปารังมดแดงกล่าวเสียงดัง ฟังชัด ก่อนที่จะรวบรวมพลังทั้งหมดวิ่งกลับไปยังหอพักตามเพื่อนรักทั้งสองคนของเธอไป..
...............................................
หอพักที่สร้างเป็นตึกสูงสามชั้นขนาดใหญ่ ได้ถูกสร้างไว้บริเวณด้านหลังของโรงเรียนสหศึกษาจำนวนสองหลัง โดยตึกทั้งสองถูกแบ่งออกเป็นหอพักชายและหญิงอย่างละหลัง โดยอาคารทั้งสอง จะมีก็เพียง รั้วคอนกรีตเท่านั้นที่สร้างไว้กั้นระหว่างสองตึก
บนชั้นสามห้องสามทับเจ็ด.หญิงเนติกานต์ทุบหลังนุ่นขณะที่เธอและอ้นก้าวผ่านประตูเข้าไป ก่อนที่อ้นจะรีบวิ่งหนีก่อนที่จะโดนทุบอีกคน แต่ผู้ประสงค์ร้ายไม่ยอมง่ายๆ เธอจึงวิ่งไล่เพื่อนรักทั้งสองที่วิ่งหลบหนีไปมาจนรอบห้อง.โดยผู้ถูกไล่ล่าต่างพากันทำหน้าตาทะเล้น ล้อเลียนเด็กสาวผู้ประสงค์ร้ายอยู่ตลอดเวลา.....
” พี่เขา..สนุกๆขำๆ ..นะเนติ..ฮ่า..ๆ”
” อ้น..ฉันไม่เคยขายหน้าขนาดนี้...ฉันไม่...ยอม...
อ้นพยายามพูดขณะนุ่นนั่งลงเพราะเหนื่อย จากการวิ่งหนีการวิ่งไล่ล่าภายในห้องเล็กก่อนที่เด็กสาวจะแทบตกเก้าอี้ เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
”อะไรกันเด็กพวกนี้เสียงดัง...จัง ”
…ในขณะนั้นประตูถูกผลักให้อ้าออก พร้อมมีร่างหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพักของสามสาว
”พี่ก้อยขา..ช่วยด้วยหมาบ้าไล่กัด...”
นุ่น และ อ้นฟ้องผู้มาถึงเสียงดัง ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้คุมหอหญิง. พร้อมกับแย่งกันชี้มือไปยังร่างของเพื่อนสาวอีกคนภายในห้อง ..ที่มีใบหน้าบึงตึง...
” มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะหนูเนติ”
”เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ..พี่ก้อย...............
นุ่นและอ้น แย่งกันอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดวันนี้ ระหว่างเนติกานต์กับเด็กหนุ่มรุ่นพี่ผู้มาใหม่ ให้พี่ก้อยของพวกเธอฟัง โดยในขณะที่ทั้งคู่พากันเล่า ก็เล่าไป หัวเราะไป ในขณะผู้ถูกกล่าวถึงทำได้เพียง ยืนชี้หน้าเนื่องจากไม่สามารถทำอะไรได้...เพราะเกรงใจผู้คุมหอพักที่เธอรักและนับถือ
” อ๋อ...ยังงี้นี่เอง.เออและเมื่อกี้ พวกเจ้ามาม่า กีต้าร์ และเด็กหนุ่มที่มาใหม่ ไปขอยาทาเพราะถูกมดทั้งรังกัด ก็ฝีมือแกสินะเนติ ”
“ก็ใครบอกมาทำเนติก่อนล่ะค่ะ..พี่ก้อย
“พี่ว่าแล้ว..เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับหญิงเนติเออแล้วเด็กมาใหม่ตัวแสบอีกคน.นั้น.ชื่ออะไรนะ.อ้อรอเดียวนะ ”.
ผู้มีหน้าที่ควบคุมหอพักกล่าวเมื่อรับรู้เรื่องราวต่างๆ เธอจึงหยิบเอาเอกสารบางอย่างออกมาจากแฟ้มที่เธอถือมาด้วย ก่อนที่จะดึงเอาเอกสารชุดหนึ่งออกมาอ่าน ก่อนจะอธิบายถึงเนื้อหาของมัน
“ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ .ที่ชื่อ คอปเรชั่น...และที่เขาได้มาเรียนที่นี้ในเทอญสุดท้ายของปีการศึกษานี้ ..ก็เพราะเขาจะต้องไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศในเทอญหน้า แม่เขาจึงส่งให้มาเรียนรอ..เพื่อเขาจะได้เรียนรู้..การอยู่โรงเรียนประจำ เพราะเขาต้องฝึกอยู่หอพักคนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย .ก่อนที่จะถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศคนเดียว. เออเดียวนะ..นี่ไง..โอ้โห้...ผลการเรียนเขาอยู่ในขั้นดีมากๆเลย เออๆ..นี่ไง..ชื่อของเขา..ชื่อๆ..เขาชื่อ ”
“ นาย ปฏิภาณ ศรัณรัช “
**......... ปัจจุบัน......**.
“อ้าวมาแล้วหรือลูก..เอาล่ะนะหนู..ลูกชายฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอร่วมกับฉันอีกคน เอาลูกคุยกับน้องก่อน แม่ขอไปเอางานที่โต๊ะแป็บ...
“ผมปฏิภาณ ศรัณรัช ครับ“
หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ เงยหน้าขึ้น ก่อนตากลมโตจะจ้องสบเข้ากับแววตายี่ยวนที่เธอคุ้นเคย.หลังจากบุรุษหนุ่มได้กล่าวแนะนำในสิ่งที่เธอรู้จักมานาน
สายตายี่ยวนของชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาคู่ใส ที่ไม่คิดจะหลบแม้เพียงนิดอยู่นาน จนกะทั่งหญิงสูงวัยได้เดินไปถึงโต๊ะทำงานอีกตัวในห้อง ทำให้ผู้สัมภาษณ์คนใหม่เริ่มกล่าว
“ครับก่อนอื่นผมขอแจ้งว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ เราจะไม่มีเส้น.ไม่มีสายใดๆทั้งสิ้น..ดังนั้นกรุณาอย่าอ้างว่ารู้จักคนในที่นี้ หรือ..ว่าคนในบริษัทแห่งนี้เพื่อหวังว่าจะได้คะแนนเพิ่ม.ในการพิจารณาโดยเด็ดขาด..!”
คำแจ้งถึงกติกา คือคำแรกที่หลุดออกจากชายหนุ่มผู้มีหน้าที่สอบสัมภาษณ์ ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่า การที่เธอจะทักทายรุ่นพี่ตัวแสบของเธอในวันนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว .แต่เธอก็มีคำถาม.
“ถ้ากลัวว่าดิฉันมีเส้นใหญ่เช่นนั้น ก็ขอให้..ดิฉันถอนตัว..ได้นะค่ะ.. ”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพเมื่อได้รับฟังประสงค์จากคำกล่าวท้า. ในขณะที่ฝังตรงข้ามกลับมองเห็นเป็นการยิ้มยั่ว ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะกล่าวเสียงตรงข้ามกับคำว่าสุภาพ..
“ไม่มีทาง?คุณไม่ถอนตัว..แน่นอน…แล้วผมจะไปขอทำไหม?”
“ใช่สิค่ะ..คุณชายผู้สูงเลิศ...ที่รู้ทุกๆเรื่อง..คิดถูกแล้วค่ะ .ดิฉันไม่ถอนตัว.เพราะคงไม่มีใครจะมาช่วยใช้เส้นใช้สายช่วยดิฉันได้...หรือว่าคุณจะช่วย?? ”
ดวงตาผู้ให้สัมภาษณ์หรี่เล็กลงจ้องเขม็ง เมื่อกล่าวจบประโยค เนื่องจากดวงตาของบุรุษเบื้องหน้าจ้องมาก่อน ทำให้คู่สัมภาษณ์เหลือเพียงตาที่จ้องกันเขม็ง..แบบไม่มีใครยอมใคร..
“ฎิภาณ..คำถามนี้ลูกจะใช้สัมภาษณ์หนูคนนี้ตามนี้ เลยหรอ..ลูก”
มีสถานการณ์ใหม่...เมื่อมีเสียงถามมาจากอีกโต๊ะ ก่อนคำถามจะถูกตอบกลับแบบไม่ลังเล
“ครับ แม่..”
และ..จากคำถามของผู้เป็นแม่. ทำให้ผู้กำลังรับการสัมภาษณ์ต้องสงสัยถึงคำถามที่จะใช้ถามเธอ?ว่า..มันคือคำถามแบบไหน?..กันแน่..
ในขณะที่คิด ดวงตาดุของหญิงสาวก็ไม่ยินยอมที่จะหลบหลีกให้สายตาหนุ่มรุ่นพี่..ที่เธอมีเรื่องมากมาย ที่อยากรู้ในสิ่งที่เขาทำในอดีต..ว่ามันคืออะไรกันแน่?..จนเธอแทบจะทนกับความอยากรู้นั้นไม่ได้...ในขณะนี้..
หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ จ้องสบตา .นายปฏิภาณ ศรัณรัช อยู่นาน.. จนพนักงานสาวผู้มีหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์ที่อยู่ในห้องอีกคน.อดที่จะชำเลื่องดูทั้งคู่ด้วยใบหน้าฉงนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะการสัมภาษณ์หญิงสาวหลายคนก่อนหน้านี้ ก็ไม่เห็นเป็นเช่นครั้งนี้...จนกระทั้งผู้เป็นประธานสัมภาษณ์ .กลับมานั่งที่เดิม..พร้อมยิงคำถามใหม่...
“ลองเล่าประวัติย่อๆของหนูมาหน่อยซิ..จ๊ะ.."
“ ค่ะ..คุณพ่อดิฉันเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ.ส่วน.คุณแม่เป็นข้าราชการของกรมการปกครองที่ต่างจังหวัดค่ะ ปัจจุบันนี้ดิฉันได้เข้ามาพักอาศัยอยู่กับญาติที่กรุงเทพ. ดิฉันจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และในปัจจุบันยังทำงานอยู่กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง.ในตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่าย.ค่ะ”
มารดาของ ปฎิภาณถาม หญิงเนติกานต์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ. มันจึงเป็นคำตอบแบบชัดถ่อยชัดคำ.และครบถ้วนทุกเนื้อหาที่ถูกถาม
“ทำไหมจึงมาสอบสัมภาษณ์ในวันนี้จ๊ะหนู“
“ดิฉันมีคุณสมบัติเพียงพอในตำแหน่งงานนี้ และรู้ว่าดิฉันสามารถทำงานทุมเทจนคุ้มกับ...เงินเดือนหนึ่งล้านบาท..และ ดิฉันอยากได้เงินเดือนนั้น เพราะมัน.คงเปลี่ยนชีวิต.ดิฉันไปตลอดชาตินี้”
“ตลอดชาติเลยรึ...ตรงมากๆ...และตอบไม่เหมือนใครเลยนะ..หนูนี่”
หญิงสูงวัยยิ้มในคำตอบของหญิงสาว.. ก่อนจะเปิดดูเอกสารที่แนบมาพร้อมใบสมัคร...ที่มันได้ผ่านการตรวจสอบถึงคุณสมบัติต่างๆของผู้ให้สัมภาษณ์มาแล้ว จนเธอได้ผ่านเข้ามาเป็นหนึ่งในสี่สิบห้าคนจากการคัดเลือกของผู้สมัครนับพันคน.
และจากผลสรุปที่มีผู้ตรวจสอบก่อนหน้านั้น ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ตรงคำว่า “ ดี”และ “ดีมาก”บนเอกสารประวัติของหญิงสาว หลายหัวข้อ จึงทำให้เธอได้ผ่านเข้ามาถึงการสอบสัมภาษณ์ในครั้งนี้นั่นเอง
และ..เมื่อหญิงสูงวัย อ่านและพิจารณาดูแล้วเธอจึงหันไปมองลูกชายคนเดียวของเธอ.ในขณะที่มือข้างถนัดจดปลายปากกาไปบนเอกสาร..ตรงช่องที่เขียนไว้ว่า “ พอใช้ ” ...แต่ลูกชายเธอกับส่ายหัวไปมา.. ผู้เป็นแม่จึงเลือนมาที่ช่องคำว่า “ดี ” ลูกชายเธอก็ส่ายหัวอีกครั้ง..และนั้นมันคงเหลือแต่คำว่า “ ดีมาก”เธอจึงเลื่อนมือไปยังตำแหน่งดังกล่าว.
ครั้งนี้ลูกชายเธอยิ้ม..แต่ ผู้เป็นมารดากับเป็นผู้ส่ายหัว...ก่อนที่จะขีดไปในช่องที่เขียนไว้ว่า “ดีมาก”ในหัวหัวข้อบุคลิกภาพ...ก่อนจะลงนามกำกับ
“เอาล่ะนะ..ลูกชายฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอต่อนะเรื่องคุณสมบัติที่เราต้องการ”
ประธานสัมภาษณ์พูดจบ..ก็ลุกเดินไปนั่งโต๊ะทำงานตัวเดิมของเธออีกครั้ง.. ก่อนที่จะเปิดดูเอกสารที่เธอยังต้องสะสาง..โดย.ปล่อยให้ลูกชายสัมภาษณ์หญิงสาวต่อ
และครั้งนี้ชายหนุ่มไม่รอช้า....
“เอาล่ะ...คุณเนติกานต์คุณว่าคุณสวยแบบไหน”
หญิงเนติกานต์ พิณินัณษ์ หันหน้าไปสบตา นายปฏิภาณ ศรัณรัช อีกครั้ง เมื่อรับทราบคำถาม จนผู้มีหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อทั้งคู่กลับมาอยู่ท่าเก่า .
“ตอนเรียนอุดมศึกษา..มีคนมาติดพัน และ..ชอบพอดิฉันหลายคน และ สมัยเรียนปริญญาตรีก็มีไม่น้อยกว่าเก่า จนดิฉันได้ทำงาน ก็มีถึงขั้นจะมาสูขอ....”
หญิงสาวหยุดนิดหนึ่ง..ขณะ สายตาชายหนุ่มที่ใช้มองจ้องไปที่เธอหรี่ลง เหมือนอยากจะทราบคำตอบต่อไปของหญิงสาวยิ่ง..ล
“เอ่อ...แฟนเยอะจริงๆนะครับ คุณคนสวย..”
เมื่อหญิงสาวหยุดพูดไว้นิดหนึ่ง ชายหนุ่มจึงพูดแทรกเหมือน.ว่า.อารมณ์ของเขาเริ่มเข้าสู่ทางด้านลบ..
“แต่..นั้นคือรูปกายภายนอกที่พออธิบายได้.แต่ ความสวยของผู้หญิงจริงๆนั้นคือการบ้านการเรือน ที่โบราณท่านว่า..เรือนสาม น้ำสี่.ที่ดิฉันก็มีอยู่อย่างไทยแท้.ตามที่แม่พร่ำสอน และดิฉันได้รับมาอย่างเต็มเปี่ยม”
“เรือนสาม..น้ำสี่”
“ค่ะ..ถ้าอยากทราบว่าคืออะไร....ก็กะว่าจะชวนคุณปฎิภาณ..ไปเที่ยวที่บ้านดิฉันสักวัน..จะได้รู้ว่าเรือนสามน้ำสี่มันเป็นอย่างไร..ถ้าดิฉันได้งานนี้
“ติดสินบน?”
“แค่พาไปเที่ยวบ้าน..มันมีค่าอะไร..หรือค่ะ”
ผมดำยาวสลวย..หน้าขาว..แก้มป่องตาบ่องแบ้ว ออกแนวยี่ยวน.กลับมาอยู่บนใบหน้าแสนสวยที่มากไปด้วยเสน่ห์ ..ในสายตาของชายหนุ่มอีกครั้ง..
และ ในสิ่งที่หญิงสาวตอบคำสัมภาษณ์..แบบท้าทาย ทำให้ชายหนุ่มยิ้ม..อารมณ์เริ่มเป็นบวกอีกครั้ง
“เอาล่ะ..ลองเล่าเรื่องชายผู้ที่จะไปสู่ขอ..ที่เล่าถึงซิ..”
“ดิฉันได้ ปฎิเสธไปค่ะ..เพราะดิฉันไม่ได้รักเขา..แต่ถ้าอีกคนที่เคยเรียนที่เดียวกัน และเป็นนักเรียนรุ่นพี่ของดิฉันมาสูขอ..ดิฉันคงตกลง..ค่ะ.....”
“เขาคือ..”
ชายหนุ่มถามสั้นแต่ต่อเนื่องเมื่อหญิงสาวหยุดพูดในทันที่โดยหวังในคำตอบที่เขาอยากฟัง?
“เรื่องส่วนตัวมั่งค่ะ..แต่..ดิฉันบอกได้แค่ว่ารุ่นพี่..ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยค่ะ”
ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย? มันไม่ใช่ตอนมัธยมอย่างที่ชายหนุ่มอยากฟัง อารมณ์เขาขุ่นมัวอีกครั้ง
“หญิงเนติกานต์คุณเรียนโง่ไหม? และน้ำหนักคุณจะเกินหกสิบกิโลไหม? เมื่ออายุเกินสามสิบปีหรือเปล่า “
มาอีกแล้วคำถามบ้าๆ..เหมือนกับทุกๆคนที่ออกจากห้องนี้ไปพูดกัน..หญิงสาวทำได้เพียงคิดเคืองก่อนตอบ
“ขณะดิฉันเรียน มีบางวิชาที่ไม่เข้าใจที่ครูสอน แต่ดิฉัน..เป็นคนชอบอ่านตำราและศึกษาเอง..จึงทำให้ไม่ค่อยสนใจอาจารย์สอนในห้องเท่าไร..เพราะ ส่วนมากจะอ่านวิชาเรียนล่วงหน้าเสมอ.ดิฉันจึงถูกลงโทษบ่อยๆตอนเรียน แต่การที่คุณมาช่วยฉันติว..วิชาบ่อยๆ.นั้น?”
ก่อนที่จะพูดต่อเนื่อง หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นบังที่ปาก และ นั้นเป็นสัญญาลักษณ์บอกว่า..อย่าพูด?คนอื่นจะรู้?เพราะตอนนี้.พนักงานสาวได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของหญิงเนติกานต์แบบงงๆ
“เออ.งั้นถ้าอยากรู้.ว่าการเรียนดิฉันเป็นอย่างไรก็ขอความกรุณาดูทรานสคริปของดิฉันก็ได้ค่ะ.และ นี่ค่ะอีกเรื่องที่ถาม.เรื่องน้ำหนักตัว.”
หญิงสาวหยิบรูปเธอถ่ายคู่กับแม่แบบเต็มตัว ขนาดสองคูณสามนิ้วออกจากกระเป๋าใส่เงิน..ยื่นให้ชายหนุ่ม
“ดูนางให้ดูแม่..แม่ดิฉันอายุตอนถ่ายรูป ก็ประมาณสี่สิบเก้าปี..น้ำหนักท่านตอนนั้นห้าสิบสองกิโลกรัมและมันไม่เคยเกินไปกว่านี้อีกเลย และถ้าดิฉันอายุเท่าท่าน ดิฉันก็คงเป็นเหมือนดังเช่นท่าน..
ชายหนุ่มรับภาพถ่ายมาถือแล้วมองดูอยู่นาน ก่อนเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อ
“กรุณาขอรูปภาพดิฉันคืนด้วยค่ะ “
“ผมจะเก็บไว้ตรวจ..สอบ”
“ว่า...”
“ว่าใช่คุณแม่..คุณจริงไหมในรูป..”
“นั้นแม่..ดิฉันจริงๆ
“ถ้างั้น..คุณต้องพาผมไปพบท่านเพื่อ เป็นการพิสูพจ์ "
“ไม่ ได้"
“ต้องได้ “
“ไม่ “
“คุณต้องพาผมไป ..เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์
“ไม่ “
“ผมมีสิทธิ์..”
“ไม่
ก่อนทั้งคู่จะต่อล้อต่อเถียงกันต่อ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงกลั่นหัวเราะจากผู้ทำหน้าที่บันทึกบทสัมภาษณ์ ที่ไม่สามารถจะกลั่นหัวเราะเอาไว้ได้อีกต่อไป มันจึงทำให้พนักงานสาวพยายามใช้มือปิดปากขณะหัวเราะออกมา..แต่มันก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาอยู่ดี..
และสิ่งนั้นเองที่ทำให้ทั้งคู่หยุดโต้เถียงกัน...จนทุกอย่างกลับมาหยุดนิ่งอีกครั้ง....ก่อนผู้สัมภาษณ์จะทำลายความเงียบ.
“เอาล่ะ “
เสียงทุ้มกล่าว ใน ขณะหญิงนัยน์ตาคมเข้ม...รอฟัง
“คุณเนติกานต์ข้อนี้สำคัญ …”
เมื่อผู้ถามบอกว่าสำคัญ ..ผู้รอสัมภาษณ์จึงตั้งใจฟัง
“คุณคิดว่าจะเลิกรักกับคนที่คุณหลงรักเขาอยู่ทุกวันนี้ได้หรือเปล่า...และพร้อมจะเลิกกับเขาแล้วไปแต่งงานกับคนอื่น..ได้หรือไม่ ”
คำถามสำคัญนะ..ข้อนี้ คำถามนี้มันสำคัญกับการทำงาน ตรงไหนเนี่ย ? มันก็คือคำถามที่บ้าๆบอๆที่ทุกๆคนที่มาสัมภาษณ์เจอ .. จนออกไปบ่นกันนั้นแหละน้า ..
หญิงเนติกานต์คิดสรุปแล้วว่าจะตอบแบบใช้อารมณ์ในการตอบ..เพราะคำถามที่ผ่านมา..เธอคิดว่ามันคือคำถามยี่ยวน ของ...หนุ่มรุ่นพี่ของเธอ..ที่พยายามแกล้งเธออีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี.
แต่ขณะนั้น..กลับมีเสียงกล่าวขึ้น ก่อนที่หญิงสาวจะหลงประเด็นไปตอบคำถามด้วยอารมณ์โกธร...
“ตอบดีๆ นะจ๊ะหนูคำถามนี้สำคัญมาก..นะ....”
ประธานการสัมภาษณ์นั่นเองที่พูดขึ้น ในขณะที่เธอพาร่างสง่างาม เดินกลับมานั่งลงต่อหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ในขณะที่ชายผู้มีหน้าที่สัมภาษณ์ร่วมอีกคน.. ทำริมฝีปากเม้ม ขณะที่เพ่งดวงตาที่ลุกวาวมายังหญิงสาวก่อนที่จะผงกศีรษะลงเล็กน้อย..เหมือนจะบอกเธอว่า..ให้ตอบดีๆ นะ...
“เออ...ดิฉัน...เออ..”
คิดไม่ทัน แถมไม่คิดว่าคำถามนี้จะเป็นคำถามที่สำคัญจริงๆ มันจึงทำให้ความลังเลเกิดขึ้น...พร้อมสร้างความสับสน จนมันได้ก่อเกิดความไม่มั่นใจในคำตอบขึ้นมา...จน ส่งผลทำให้หญิงสาวตัดสินใจตอบไปตามความเป็นจริง ที่ออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ..
“ค่ะที่ผ่านมาดิฉันเคยหลงรักอยู่คนหนึ่ง..แต่ก็นานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน. ที่มันเป็นความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของดิฉัน และ ถ้าดิฉันพบคนใหม่ที่ดิฉันรักเขา ดิฉันก็พร้อมจะแต่งงานกับเขา..ถ้าเขาคนนั้นรักดิฉันจริง..”
“งั้น ตอบมาตามความจริงนะ..ว่าตอนเรียนที่ไหน ?”
ชายหนุ่มรีบยิงคำถามต่อเนื่องทันที่ ก่อนที่นัยน์ตาคมเข้มของหญิงสาวจะหันไปมองใบหน้าผู้ถาม พร้อมเปิดปากตอบช้าๆ..แบบฝืนความรู้สึกในคำตอบ
“..ตอน...เรียนมัธยม..ค่ะ “
หญิงสาวจบคำตอบ ก่อนกัดริมฝีปากบาง เพราะมันเป็นคำตอบที่คิดว่า มันควรจะเป็นความลับในห้วงลึกในหัวใจ และมันควรจะเก็บเป็นความลับสุดยอดภายในใจน้อยๆของเธอ...แต่..ในวันนี้ มันกลับต้องมาเปิดเผยต่อหน้าคนที่เธอยอมรับว่า..เธอยังหลงรักเขา..ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม....
“ประเด็นนี้พอ..หรือยัง...ลูก “
“ยังครับ..ผมขอถามอีกหน่อย..”
ชายหนุ่มกล่าวกับมารดาขณะยังยิ้มค้างจากคำตอบของหญิงสาวเมื่อครู่ .ก่อนที่คำถามอีกข้อจะถูกถามออกมา...
“เนติกานต์ คุณเคยโดนหอมแก้ม..และ.เคยถูกจูบแล้วหรือยัง?”
.........................................................
**...เป็นนิยายสลับอดีตกับปัจจุบัน ช
นะครับอย่าพึง งงนะ และ.นี่ก็อยากให้รี๊ด.อ่านแนวใหม่ของนิยายไทยและแนวนี้มัน
จะช่วยให้ความสุขกับผู้อ่านได้ อย่างคิดไม่ถึงเลยล่ะครับ...ไรท์รับประกัน...**
สน...กระซิบแผ่ว..