Prologue เรื่องของหนูน้อยหมวกแดงกับเจ้าชายอสูร
Prologue
เรื่องของหนูน้อยหมวกแดงกับเจ้าชายอสูร
เธอเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่เพิ่งลืมตาดูโลก โลกที่ว่านี้คือโลกกว้างที่เธอไม่เคยก้าวออกมาเลยสักครั้ง เพราะสิ่งเดียวที่กักขังเธอไว้คือกรงทองที่พ่อแม่สร้างขึ้นมา
เธอเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ หากร่วงหล่นลงพื้นก็จะแตกร้าวไม่เหลือชิ้นดี ทว่าเพราะความอยากรู้อยากเห็น เพราะความไม่รู้ ทำให้เธอพาตัวเองออกมาผจญภัยในโลกกว้าง
และพบกับเขา...
สัมผัสร้อนที่เกิดจากการครอบงำขอบผู้ชายคนหนึ่งเปิดโลกทัศน์ที่เกินจินตนาการ
เธอกำลังจะเดินไปหาอะไรกินด้วยความหิวจนไส้กิ่ว แต่ไม่คิดว่ากำลังถูกใครบางคนฉุดเข้ามุมตึกแล้วปล้นจูบเธอไปโดยไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวพยายามผลักเขาออก ทว่าแรงของชายคนนี้มากเกินไปจนเหมือนเธอกำลังผลักหิน ฮู้ดสีแดงร่วงหล่นจนเผยให้เห็นใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตา เส้นผมสีแดงพลิ้วสไวตามแรงลมราวกับเปลวเพลิงกำลังเริงระบำ
เธอถูกมือของชายคนนั้นรัดเอวเล็กแน่น ร่างกายแนบติดระหว่างกันจนไร้ช่องว่าง ลมหายใจของชายคนนี้คล้ายกับกลิ่นไม้หอมบนยอดเขา พรั่งพรูเข้ามาในโพรงปากเธอราวกับเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ร่างกายสาวร้อนรุ่ม เมื่อเรียวลิ้นร้อนพัวพันเข้ามาในโพรงปาก สติของเธอก็แทบจะหายไป
จูบเร่าร้อนดำเนินต่อไปเนิ่นนาน กระทั่งเธอเริ่มเจ็บริมฝีปากเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกกัด
เขาถอนริมฝีปากออก เธอคิดว่าเขาจะตั้งสติได้และปล่อยเธอไป ความพยายามต่อต้านจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง หากแต่เธอกลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ราวกับตัวเองกำลังเป็นใบ้ หญิงสาวตัวแข็งด้วยความตกใจ พยายามเปล่งเสียงออกมา ทันใดนั้นกลีบปากนุ่มของชายคนนี้ก็ประทับลงมาที่คอสวย พร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
เลือดในกายเริ่มเดือดระอุ ขาเริ่มอ่อนแรงจนต้องอิงพักกับตัวเขา รู้สึกราวกับว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไปแทบจะทันทีที่เขากัดลงมา
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรไปกว่าสัมพันธ์ทางกาย ทว่าคนที่เพิ่งถูกคุกคามตอนนี้กลับเหมือนหุ่นกระบอกที่ไร้ชีวิต ราวกับรอให้เขาเมตตาแล้วปล่อยเธอไป
สติของเธอเริ่มเลือนราง หญิงสาวคิดถึงหน้าพ่อแม่ คิดถึงสิ่งที่ท่านทั้งสองเคยเตือนเคยห้ามปรามตัวเองไว้ รู้สึกผิดที่เธอดื้อดึงจนตอนนี้เหมือนกับวิ่งหนีออกจากบ้านมาเพื่อพบกับ...ความตาย
ตัวของเธอเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ หูแว่วเสียงสบถทุ้มต่ำ
“บ้าฉิบ ลืมตัวจนได้”
เสียงผู้ชายไพเราะเหมือนเสียงจากสวรรค์ แต่ความเย็นชาในน้ำเสียงทำให้เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ทันใดนั้นร่างเธอก็คล้ายกับถูกฉุดกระชาก รู้ตัวอีกทีก็ถูกกดลงกับเตียงนุ่ม
กลิ่นหอมบนเตียงคล้ายกับกลิ่นลมหายใจเขา เธอสูดดมอย่างมึนเมา ราวกับพยายามสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เวลาเดียวกันเธอก็เริ่ม...ร้อน
อยากถอดเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มซึ่งผละออกจากร่างโปร่งบางของหญิงสาวแทบบ้าเมื่อเธอเริ่มถอดเสื้อผ้าด้วยตัวเอง
“เธอหยุดมือ”
แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ยิน “ร้อน” ปากเล็กพึมพำไม่ได้ศัพท์
เสื้อยืดลายการ์ตูนถูกถอดออกจนเผยให้เห็นชั้นในสีชมพูตัวจิ๋ว คอเรียวระหงมีรอยแดงที่เกิดจากการฝังริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ฤทธิ์ยาที่อยู่ในกระแสเลือดเริ่มจู่โจมร่างกายจนควบคุมไม่อยู่
ดวงตาเรียวรีราวกับมีเปลวเพลิงไหวระริกอยู่ภายในมองร่างขาวโพลนเบื้องหน้า เขาพยายามหลับตาลงเพื่อข่มกลั้นความต้องการที่เกิดจากการวางยาของใครบางคน
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลในตอนนี้ เพราะกลิ่นหอมที่เกิดจากร่างกายร้อนของหญิงสาวราวกับดอกไม้ที่กำลังหลอกล่อหมู่แมลง
“เธอ...”
เขาสูดลมหายใจ โน้มตัวกดฝ่ามือเล็กที่เริ่มลูบคลำตัวเธอเองราวกับต้องการปลดปล่อยความร้อนที่ปะทุขึ้น เวลาเดียวกันนั้นเนินอกซ้ายที่โผล่พ้นบราเซียร์ก็ปรากฏรูปแบบของดอกไม้ขึ้นราวกับเป็นรอยสัก
ดอกโบตั๋น
หัวใจเขากระตุกอย่างช่วยไม่ได้ โมโหตัวเองที่ก่อนหน้านี้พลั้งเผลอจนเปลี่ยนเธอโดยไม่รู้ตัว
มีคนไม่มากในโลกนี้ที่เคยเห็นรอยสักนี้ มีคนไม่มากในโลกนี้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้และถ้าหากมันเกิดขึ้น ก็ราวกับเธอกลายเป็นดอกไม้ที่รอให้คนมาเชยชม
ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม นึกโมโหตัวการที่คิดวางยาปลุกเซ็กส์เขา กลิ่นหอมที่เกิดจากตัวเธอเปรียบเสมือนยากระตุ้นชั้นดี ร่างกายเริ่มควบคุมไม่ได้
หากไม่ได้ปลดปล่อยในวันนี้...เขากลัวว่าจะกลายเป็นปีศาจร้ายไปจริงๆ
“ขอโทษนะ แต่ต้องใช้มือเธอแล้วล่ะ”
เขาไม่กล้าทำลายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ แต่ก็ไม่ใช่คนดีถึงขั้นไม่ทำอะไรเลย
ในคืนนั้นหญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าน้องนางทั้งสิบของเธอกำลังช่วยเหลือใครคนหนึ่งจากฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เธอคิดว่าเสียไปแล้ว
มันไม่ใช่แบบนั้น...
ยกเว้นรอยแดงที่เกิดทั่วตัว...เขาไม่ได้ปล้นเธอจริงๆ