บทที่ 15 สาวน้อยซุนหลี

1689 คำ
ตั้งแต่วันที่เป็นของท่านแม่ทัพความรู้สึกหวาดกลัวของนางหายไปหลายส่วนแล้ว นางยังลืมตนร้องครางด้วยความเสียวซ่านในยามที่แท่งหยกของเขาแทงเข้ามาในรูรัก และการที่นางถึงจุดสุดยอดจนกระทั่งน้ำรักแตกออกมาก็ทำให้นางรู้สึกดีและชื่นชอบที่ได้ปรนนิบัติเขายิ่งนัก นางยอมรับว่าคิดถึงท่านแม่ทัพ อยากสัมผัสดุ้นใหญ่ยาวนั้นอีกสักครั้ง ทว่าท่านแม่ทัพกลับไม่ยอมเรียกนางเข้าไปรับใช้ เขายังคงปิดเรือนอยู่กับฮูหยินใหญ่กันเพียงลำพัง ซุนหลีไม่ได้ริษยา แต่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาของตนเอง นางคิดว่าตนเองคงไม่งดงามมากพอที่จะดึงดูดท่านแม่ทัพได้ นางทำให้ฮูหยินใหญ่ที่เตรียมตัวให้นางมาเนิ่นนานผิดหวังแล้ว เรื่องนี้จึงนับเป็นเรื่องใหญ่ของซุนหลี หากท่านแม่ทัพไม่แตะต้องนางอีก ซุนหลีก็คงไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ซุนหลีเดินเล่นในสวน เพราะนางอยู่ในฐานะสตรีอุ่นเตียงของท่านแม่ทัพแล้ว ซุนหลีจึงใช้ชีวิตอยู่ในจวนนี้ราวกับเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพอีกคนหนึ่งจริง ๆ เจียวหมัวมัวบอกให้นางอดทน แม่ทัพใหญ่เป็นเช่นนี้ ค่อนข้างเข้าถึงยาก ที่ผ่านมาแม้ฝ่าบาทจะมอบสตรีไห้มากมาย นางเหล่านั้นก็ต้องออกจากจวนโดยที่บางคนท่านแม่ทัพยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ การที่ท่านแม่ทัพไม่ขับไล่ซุนหลีในวันนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ซุนหลีเดินคิดอะไรในใจมาเรื่อย ๆ กระทั่งในที่สุดนางก็เดินมาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง ซุนหลีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงม้าร้องและเสียงตะโกนโหวกเหวกของบุรุษที่เลี้ยงม้าเป็นจำนวนมาก ที่แท้นางก็เดินมาจนถึงเรือนเลี้ยงม้าของจวนแม่ทัพใหญ่ บุรุษพวกนั้นปกติอยู่หลังจวนคอยเลี้ยงม้า มีหลายคนไม่เคยเห็นซุนหลี เมื่อมีสตรีรูปร่างอรชรใบหน้างามล่มเมืองเดินมาถึงที่นี่ พวกเขาก็อดจ้องมองไม่ได้ จากการแต่งตัวด้วยผ้าไหมงดงามของนาง ทั้งใบหน้าผิวพรรณนั้นขาวเนียนละเอียดแน่นอนว่าย่อมเป็นสตรีที่มีฐานะในจวนไม่ธรรมดา หรือจะเป็นซุนหลี สตรีอุ่นเตียงของท่านแม่ทัพ สายตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมเพราะความงามของนางและเต็มไปด้วยคำถาม แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมา ซุนหลีหมุนกายคิดเดินกลับ ทว่านางกลับชนกับคนผู้หนึ่งเข้า “อ้ะ” เขาจับร่างบางของนางเอาไว้ไม่ให้ล้ม นางเงยหน้ามองเขาก่อนจะเอ่ยว่า “พี่ชาย ขอบคุณท่าน” ซุนหลีคิดเดินเลี่ยงจากเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับจับลำแขนเล็กของนางเอาไว้แน่น นางแน่ใจว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขายังเสียมารยาทจับนางเอาไว้เช่นนี้ คนที่เดินตามหลังมาคือซุนโหว ดวงตาเขาไหวระริกเมื่อเห็นว่าเป็นนางในดวงใจ “ท่านพี่ พี่ชายท่านนี้ไม่ยอมปล่อยข้า ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” เขายกมุมปากแล้วปล่อยมือซุนหลีสะบัดมือของเขาออกราวกับเหล็กร้อน อย่าคิดว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นนั้นแล้วจะล่วงเกินสตรีใดก็ได้ นางวิ่งไปหลบอยู่ที่หลังพี่ชาย เมื่อเขาเดินตามนางมา ซุนหลีจับมือของซุนโหวแน่น ซุนโหวรู้สึกว่าผิวเนื้อบริเวณที่ถูกนางจับนั้นช่างอบอุ่นและอ่อนนุ่มยิ่งนัก ส่งผลให้หัวใจของเขาอ่อนยวบอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เขาตัดใจแล้ว แต่เมื่อพบนางอีกครั้งก็ยังทำไม่ได้ “เจ้ากลัวสิ่งใด คนผู้นั้นคือท่านแม่ทัพโจวซีฉือ” ซุนโหวบอกนางเบา ๆ ซุนหลีถึงกับอ้าปากค้าง “ปะ เป็นไปได้อย่างไร เขาหล่อเหลายิ่ง ท่านแม่ทัพมิใช่หนวดเครารกรุงรักหรอกหรือ” นางยังจำได้ ในยามที่ริมฝีปากของเขานาบลงมาบนผิวบอบบางของนาง หนวดยาวของเขายังเสียดสีร่างกายของนางจนเกิดรอยแดงและความรู้สึกเสียวซ่านอย่างประหลาด แล้วคนผู้นี้จะเป็นท่านแม่ทัพได้อย่างไร คนที่หนุ่มแน่นเพียงนี้ ใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลาสง่างาม แม้ว่าจะส่งประกายเยือกเย็นออกมาบ้าง ปากของเขาได้รูปสวย คิ้วรับกับจมูกโด่งอย่างพอเหมาะ หากเปรียบเทียบกับพี่ชายของนางแล้ว ก็พบว่าท่านแม่ทัพดูเคร่งขรึมจริงจังมากกว่าหลายส่วน โจวซีฉือเดินตรงมากระทั่งหยุดยืนตรงหน้าสองพี่น้อง เขาเห็นว่าซุนหลียังจับข้อมือของพี่ชายเอาไว้ และสายตาของซุนโหวก็ยังจับจ้องอยู่บนใบหน้างาม เหมือนแม่ทัพใหญ่จะเห็นสายตาของซุนโหวที่แอบหลบซ่อนเอาไว้ในยามที่มองน้องสาวของตนเอง และสายตาเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าน่าสนใจยิ่งนัก อาลัยอาวรณ์ รักใคร่ หลงใหลอย่างถึงที่สุด แม้จะเกิดขึ้นชั่วขณะ ที่คนที่เป็นเจ้าแห่งการสังเกตคนเช่นแม่ทัพใหญ่ก็ย่อมดูออก ซุนโหวไม่ได้คิดถึงศักดิ์ศรีของตนเองที่เคยเป็นถึงแม่ทัพน้อยผู้สูงส่งมาก่อนยินยอมทิ้งยศฐาไว้เบื้องหลังตกลงเป็นนายบำเรอของหลันหยา ที่ซุนโหวทำเช่นนี้ก็คงเพราะเขาเองก็คงพึงพอใจอย่างมาก ทว่ามิใช่ความรักอันลึกซึ้ง ผิดกับสายตาที่มองซุนหลีน้องสาวบุญธรรมของเขาอย่างชัดเจน เรื่องความรักในจวนแห่งนี้ ช่างน่าสนใจขึ้นมาแล้วจริง ๆ ด้านซุนหลีเมื่อได้ยินพี่ชายบุญธรรมของตนเองยืนกรานว่าคนผู้นี้คือแม่ทัพใหญ่โจวซีฉือก็ถึงกับแสดงอาการตกใจออกมา “ทะ ท่านแม่ทัพ ซุนหลีขออภัยเจ้าค่ะที่ดวงตาไร้แวว” แม่ทัพใหญ่ยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลงหลายส่วน “คนงามไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ช่างน่าเอ็นดูไปเสียหมด ข้าย่อมไม่ถือสา” “ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” นางยอบกายอย่างนอบน้อม และยามนี้ก็ไม่รู้ว่าตนเองสมควรยืนอยู่ตรงนี้หรือว่าไม่สมควรกันแน่ ดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพกับพี่ชายของนางมีเรื่องต้องสนทนากัน นางบีบมือพี่ชายของตนเองเอาไว้แน่นอย่างลืมตัว ซุนโหวมองมือขาวนุ่มนิ่มในมือแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพจะดูม้าอัคคีเพลิงของฮูหยินเช่นนั้นข้าจะนำทางท่านเองขอรับ” ซุนหลีย่อมรู้ว่าพี่ชายกำลังช่วยนางให้ปลีกตัวห่างออกไป นางคิดจะยืนส่งบุรุษร่างสูงทั้งสองคนโดยไม่พูดสิ่งใด ทว่าโจวซีฉือกลับเอ่ยว่า “ซุนหลี เจ้าอยากขี่อัคคีเพลิงหรือไม่” ซุนโหวรีบเอ่ยท้วง “หลีเอ๋อร์ขี่ม้าไม่เป็นขอรับ” ท่านแม่ทัพใหญ่ยิ้ม “ไม่เป็นไรข้าจะสอนนางเอง” เมื่อท่านแม่ทัพเอ่ยเช่นนี้ซุนหลีที่ไม่ชอบขี่ม้ามาก่อนในชีวิตจึงไม่สามารถปฏิเสธได้อีก “เจ้าค่ะ” นางเดินตามหลังบุรุษร่างสูงไปห่าง ๆ ซุนโหวเห็นท่าทางขลาด ๆ ของนางจึงกุมมือให้เดินเคียงข้างกัน ท่านแม่ทัพที่แต่เดิมอยู่ข้างกายซุนโหวบัดนี้กลับขยับมายืนข้างซุนหลีแล้วจับมือของนางเช่นกัน ซุนหลีตกใจยิ่ง ร่างเล็กของนางอยู่ตรงกลางบุรุษร่างสูงทั้งสองคน และพวกเขาต่างกุมมือของนางเอาไว้แนบแน่น ท่าทางอ่อนโยน มิได้ยื้อแย่ง แต่เดินไปด้วยกันอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ ซุนหลีก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ ชายที่รักที่นางใช้คำว่าพี่ชายบังหน้ากำลังเดินเคียงข้าง อีกทั้งสามีที่ไม่แน่ว่าเขาจะยอมรับนางหรือไม่คนนี้บัดนี้ก็ยังมาเดินเคียงข้างนางแล้วเช่นกัน คนทั้งสองลดฝีเท้าลงเพื่อให้นางเดินตามทัน แสงแดดทอประกายแสงอบอุ่นสาดไล้ไปบนใบหน้างามของนาง บุรุษทั้งสองชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของซุนหลีด้วยความรู้สึกชื่นชมหลงใหลและสายตาบังเอิญพบกัน โจวซีฉือใช้สายตาถามไถ่ และยังเอ่ยโดยไร้เสียงออกมา ซูนโหวเข้าใจความหมายที่เขาถามโดยทันที เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “สายตาของท่านแม่ทัพแหลมคม ทั้งยังมากประสบการณ์ซุนโหวย่อมไม่ปิดบังท่านแล้ว ข้ายอมรับว่า...ข้ารักนาง” โจวซีฉือหัวเราะเบา ๆ “เจ้าช่างซื่อตรงยิ่งนัก ข้าจึงได้ชอบเจ้าเพียงนี้ การพบกันของพวกเราเช่นนี้นับเป็นชะตาฟ้าลิขิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เช่นนั้นข้าก็จะยินยอมแบ่งปันให้เจ้า แต่มีข้อแม้ว่าซุนหลีต้องยินยอมด้วยเช่นกัน” ซุนหลีเงยหน้ามองท่านแม่ทัพดวงตากลมโตเบิกกว้าง นางสงสัยและหัวใจเต้นระรัวตั้งแต่ท่านพี่ของนางเอ่ยว่า ‘ข้ารักนาง’ เพราะวาจานี้ทำให้นางตกใจกระทั่งหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่กล้าที่จะเงยหน้าและพยายามดึงมือของตนเองออกจากมือของพี่ชาย ทว่าเขากลับไม่ยินยอมกุมมือของนางแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก นางกลัวว่าท่านแม่ทัพจะไม่พอใจและลงโทษซุนโหว แต่นางก็ไม่รู้ว่าพวกเขาแท้จริงแล้วกำลังคุยกันเรื่องอันใด ครานี้เมื่อแน่ใจว่าเป็นเรื่องของนางแน่แท้แล้ว ซุนหลีจึงไม่อาจปิดวาจาได้อีกต่อไป “ท่านแม่ทัพ ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านคุยเรื่องอันใดกับท่านแม่ทัพ” คนสองคนก้มใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่เรียกได้ว่า ต่างคนล้วนหลุดออกมาจากภาพวาดเทพเซียนลงแล้วมองใบหน้าของนางพร้อมกัน “คุยเรื่องของเจ้า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม