วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันค่ะ พี่ตินเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนฉันรู้สึกแปลก ๆ กับร่างกายตัวเองนิดหน่อยเลยตั้งใจว่าจะไปหาหมอและให้มีอากับโมเดลดูร้านไปก่อน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฉันก็ตรงเข้าห้องตรวจทันที
“เป็นยังไงเหรอหลานรักถึงได้มาที่นี่น่ะ” อาหมอเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นฉัน เขาเป็นเพื่อนสนิทของป๊ากับพ่อค่ะ
“แปลก ๆ น่ะค่ะ หิวบ่อย เวียนหัวและบางครั้งหน้ามืดด้วย” ฉันบอกอาการของตัวเองที่เป็นมาสักระยะให้อาหมอฟัง
“มีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
“...” คำถามนี้ทำเอาฉันนั่งนิ่งไม่ไหวติง นี่ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ “สองเดือนที่แล้วค่ะ”
“งั้นตรวจปัสสาวะหน่อยดีกว่านะ บางทีอาจจะมีข่าวดีก็ได้” อาหมอว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะให้พยาบาลอธิบายขั้นตอนการจุ่มที่ตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เสียงหัวใจเต้นรัวมากค่ะ เมื่อขีดสีแดงค่อย ๆ แสดงขึ้นช้า ๆ ฉันท้อง ...
มันดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน ส่วนพี่ตินในเมื่อเขาทำเหมือนฉันหูหนวกตาบอด ฉันก็จะเป็นแบบนั้นไปจนกว่ามันจะไม่ไหวจริง ๆ ถามว่าทนไปเพื่ออะไรน่ะเหรอ เพราะฉันรักเขายังไงล่ะ ฉันมีความสุขที่ได้อยู่ข้างเขา ถึงแม้ว่าอีกข้างหนึ่งของเขาจะมีใครอีกคนก็ตาม ไม่ได้โง่นะคะแค่ใจมันยังรักอยู่เท่านั้นเอง
ฝากครรภ์เรียบร้อยระหว่างรอรับยาบำรุงสายตาฉันเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังเดินออกไป ฉันจะไม่สนใจเลยหากผู้ชายที่พยุงเธอคนนั้นไม่ใช่สามีของฉัน เร็วเท่าความคิดรีบตามออกไปทันที
ฉันตามอยู่ห่าง ๆ ไม่นานรถก็แล่นมาจอดบ้านหลังหนึ่ง ไม่ใหญ่เท่าไหร่เป็นบ้านชั้นเดียว มองเลยเข้าไปด้านในมีรถพี่ตินจอดอยู่ก่อน ส่วนคันที่เขากับเธอคนนั้นไปด้วยกันคงเป็นรถอีกคันที่พี่ตินซื้อให้นั่นแหละ
เมื่อเห็นพวกเขาหายเข้าไปในบ้านฉันตัดสินใจเดินตามเข้าไปเงียบ ๆ เพราะประตูบ้านมันไม่ได้ปิดไว้ เหมือนฟ้าผ่ากลางใจเลยค่ะ ทั้งที่รู้มาก่อนแล้วเตรียมใจมาก่อนแล้วแต่มันกลับรับไม่ได้สักอย่าง พี่ตินก้มจูบหน้าท้องนูนของเธออย่างอ่อนโยน ...
“มะ มนตร์” ทันทีที่เห็นฉันเขาก็ผละใบหน้าออกแล้วตรงมาหาฉันทันที ส่วนเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนน้องนักศึกษาลูกค้าฉันนั่นเอง ฉันจำได้
“คือพี่...”
(เพียะ!)
“สารเลว!!”
“...” เขาเงียบแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาที่รู้สึกผิด
“ทำแบบนี้ทำไมคะ หมดรักกันทำไมไม่บอก!! พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง” ฉันทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้ไม่อายใคร มันหมด ... หมดแล้วจริง ๆ รักมากเจ็บมากมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“พี่รักหนูคนเดียว ขอโทษ พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ” เขาพร่ำพรรณนาออกมามากมายแต่สมองของฉันมันไม่รับรู้เลยค่ะ
...: คุณตินเขารักพี่คนเดียวจริง ๆ นะคะ เคทขอโทษ เคทผิดเอง
“เงียบ!! เงียบทุกคนนั่นแหละ ฉันไม่อยากฟัง!!” ฉันตะโกนออกไปสุดเสียง ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า ที่ผ่านมาฉันหลอกตัวเองมาตลอดว่าสักวันหนึ่งมันจะดีขึ้น สักวันหนึ่งเขาจะคิดได้และกลับมารักฉันคนเดียวเหมือนอย่างเคยมันจะไม่เป็นแบบนี้อ**บกพร่องตรงไหนฉันจะรีบแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ถ้ามันจะดีมันก็คงดีไปตั้งนานแล้ว เขามีลูกด้วยกันหัวใจของพี่ตินตอนนี้มันไม่ใช่ของฉันคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“พี่ผิดพี่ยอมรับ แต่พี่รักหนูคนเดียวจริง ๆ นะ วันแรกเป็นยังไงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม” ประโยคมากมายที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากเขามันไม่เข้าหูฉันเลยสักนิด คำพูดกับการกระทำมันสวนทางกันไปหมดแล้วฉันจะเชื่ออะไรเขาได้อีก
“เลิกพูดคำนี้สักที ฮึก! รักเหรอคะ รักแบบไหนถึงได้เป็นแบบนี้ ฮือ... ครั้งนี้พี่ทำร้ายมนตร์มากเกินไปจริง ๆ"
“ไม่เลิกนะ เราอยู่กันสามคนไม่ได้เหรอพ่อกับแม่ท่านยังอยู่ร่วมกันได้เลย” คำพูดแย่ ๆ ที่เขาเอ่ยออกมาเหมือนมีมีดนับร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจฉันให้ตายลงอย่างทรมาน ไม่นึกมาก่อนเลยว่าประโยคนี้ ความคิดแบบนี้จะถูกเอ่ยออกมาจากคนที่บอกว่ารักฉัน
“ไม่! ฮึก...กรี๊ด...!!”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างมันก็ว่างเปล่าไปหมด แต่แปลกจังที่มันรู้สึกเจ็บปวด
“มนตร์ท้องเหรอทำไมไม่เห็นบอกพี่เลย” พี่ตินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมถึงไม่บอกพี่”
“...” ฉันไม่ได้ตอบอะไรและมองหน้าเขาด้วยแววตาไร้ความรู้สึก หยดน้ำตาที่เหือดแห้งกลับไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตกอีกครั้ง ยิ่งเห็นหน้าเขาเท่าไหร่ใจฉันยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้” ไม่ได้ตั้งใจหรือคิดว่าฉันจะไม่รู้กันแน่ ฉันยังคงร้องไห้เงียบ ๆ แล้วฟังในสิ่งที่พี่ตินกำลังพูดอยู่
“เคทเป็นนักศึกษาฝึกงานในบริษัท เราทำงานร่วมกันบ่อยครั้งแต่พี่ไม่เคยคิดอะไรจริง ๆ นะ แค่ชื่นชมในความเก่งของเธอเท่านั้นเอง”
“...”
“แต่วันหนึ่งมันก็เกินเลยต่อกัน พี่ไม่ได้ตั้งใจมันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง แค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวจริง ๆ หลังจากนั้นสามเดือนเขาบอกพี่ว่าท้องและพี่ก็มั่นใจว่าเด็กในท้องเป็นลูกของพี่ เพราะพี่เป็นคนแรกของเธอ” ยิ่งฟังฉันยิ่งรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ คนจะเอากันมันจะไม่ตั้งใจได้ยังไง
“ไปอยู่ด้วยกันเถอะ ไปรักกันให้พอหนูอยู่ได้”
“ไม่เลิกกันนะ พี่เลือกไม่ได้ มนตร์มีทุกอย่างแต่เคทไม่มีใคร พี่สงสารเขาเราอยู่กันสามคนไม่ได้เหรอ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเคทอีก ให้เขาอยู่ในที่ของตัวเอง ขอแค่ได้เลี้ยงดูส่งเสียเขากับลูกไม่ให้ลำบากได้ไหม?”
“ฮึก! อะ ออกไป...”
“มนตร์...”
“บอกให้ออกไปไง!!” คำร้องขอของเขามันทำร้ายฉันเกินไป
แกรก!
เป็นคาถาที่เปิดประตูเข้ามาและประเคนหมัดหนัก ๆ ใส่พี่ตินแทบจะทันที
(ผัวะ)
หมัดแล้วหมัดเล่าพี่ตินก็ไม่มีวี่แววที่จะโต้ตอบปล่อยให้คาถาทำอยู่ฝ่ายเดียวจนพ่อกับแม่ฉันเข้ามา
“คาถาหยุด!”
ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงสะอื้นของฉันเท่านั้นที่ดังอยู่ตอนนี้
“ฮึก! พ่อขา” ฉันโผเข้ากอดจนแน่น ความรู้สึกมากมายมันยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจเหลือเกิน
“กลับไปซะ แล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีก” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยก่อนจะปรายตามองพี่ตินอย่างเอาเรื่อง “ในตอนนั้นนายให้สัญญาว่ายังไง?”
"ผมขอโทษ"
“...” พ่อยังคงเงียบแล้วมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น
“ผมอยากแก้ตัว”
“แก้ตัวด้วยการอยู่กันสามคนผัวเมียเนี่ยเหรอ ความคิดควาย ๆ ของมึงมันมีแค่นี้หรือไง” คาถายังคงพ่นประโยคหยาบคายออกมาจนคนฟังถึงกับเงียบไป
“กลับไปได้แล้วอย่าให้พูดซ้ำ”
พ่อกับป๊าเป็นคนที่พูดจริงทำจริง ได้ยินอย่างนั้นพี่ตินจึงยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี แววตาของเขามันรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันไม่สามารถให้อภัยหรือทำตามความต้องการของเขาได้จริง ๆ มันควรเป็นสามคนพ่อแม่ลูกสิ ไม่ช่สามคนผัวเมีย