“งั้นมานั่งตรงนี้มา” งงหนักกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อพี่จุนใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าตักตัวเองเบาๆ
“ทำไมอ่ะ” ฉันยังยืนอยู่ที่เดิม มีเรื่องให้ฉงนใจเต็มไปหมด พี่จุนชอบทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว เพราะแบบนี้ไงฉันถึงยังสลัดความกลัวออกไปไม่ได้ มันยังเกาะกุมอยู่ในความรู้สึกของฉัน “ตัวเล็ก อ๊ะ!”
ฉันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าประโยคที่แสนกระท่อนกระแท่นนั่นก็จางหายไปเมื่อท่อนแขนแข็งแรงและเต็มไปด้วยรอยสักเถื่อนๆ รั้งฉันเข้าไปใกล้อย่างถือวิสาสะ!
ไม่เพียงเท่านั้นนะ พี่จุนยังบังคับให้ฉันนั่งแหมะบนตักหนาๆ ของเขาเป็นการสำทับอีกด้วย!
“น้ำหนักเท่าไหร่ ทำไมเบา” พี่จุนถามอยู่ใกล้ๆ จนฉันที่พยายามจะดิ้นเกิดตัวแข็งทื่อโดยอัตโนมัติ คือว่าฉันนั่งอยู่บนตักพี่จุนไง แต่ทีนี้... ตอนที่พี่จุนพูด ลมหายใจร้อนๆ มันเป่าระใบหูด้วย ทั้งจั๊กจี้และรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูกเลย
เขากำลังแกล้งตัวเล็กแหละ
“พี่จุนปล่อยตัวเล็กนะ งือ อึดอัดอ่ะ” ฉันพยายามต่อต้านเขาอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่กล้าดิ้นมากเลยทำได้แค่ใช้โทนเสียงแผ่วๆ เจือออดอ้อนบอกเขา
ตั้งแต่เกิดมา ฉันเคยนั่งตักแม่คนเดียวเองนะ
เพิ่งเป็นพี่ชายฉันได้แค่วันเดียว ทำไมเกเรแบบนี้ล่ะ!
[บทบรรยาย: จุน]
ยัยเด็กนี่นุ่มนิ่มไปทั้งตัวเลย อยากกอดแรงกว่านี้อีกสักหน่อย แต่กลัวกระดูกจะหักเปราะคามือ
ตัวเบาอย่างกับปุยนุ่น เท้าก็ไม่ถึงพื้น ทำไมกะทัดรัดไปทั้งตัวเลยวะ
นี่แม่ฝากน้องให้ผมดูแล หรือฝากเนื้อไว้กับเสือกันแน่ เฮอะ
“อยากได้เบอร์พี่ไม่ใช่เหรอ” ผมถามขณะมองเสี้ยวหน้าของตัวเล็ก ยัยนั่นทำหน้างอง้ำ แก้มพองอย่างกับซาลาเปา
“ถ้าพี่จุนไม่อยากให้ ตัวเล็กไม่เอาก็ได้” ยัยนั่นไม่ยอมสบตาผม เอาแต่ก้มหน้ามองตักตัวเอง
แน่นอน... ผมรู้ว่ายัยนั่นจงใจหลบตา เนื้อตัวที่ยังคงสั่นเทิ้มเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนบนตักยังหวาดกลัวกัน อย่างที่แม่บอกไว้จริงๆ นั่นแหละว่าไอ้รอยสักและหน้านิ่งๆ ของผมมันดูไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับเด็กคนนี้
เอาจริงๆ ไหม ผมถามแม่มาแล้วและรู้ว่าตัวเล็กเพิ่งขึ้นมหา’ลัยได้ไม่นานมานี้เอง แต่น้องเขาเข้าเรียนก่อนอายุหนึ่งปี เพราะงั้นในบรรดารุ่นเดียวกันยัยนี่เด็กสุด
แต่ก็นั่นไง เพราะยัยนี่ตัวกะจิ๊ดเดียว นิสัยก็ง้องแง้ง หน้าตาบ๊องแบ๊วราวกับตุ๊กตา แถมยังตัดผมสั้นอีก ถึงคิดว่ายัยนี่อาจจะอยู่ประถมหรือมอ.ต้น
เอาเถอะ ยังไงตัวเล็กก็ถือว่าเด็กกว่าผมอยู่ดี
จะว่าไป ตัวเล็กน่าจะหาข้ออ้างหรือเหตุผลอะไรสักอย่างอธิบายคุณป้าที่หายไปในคืนนั้นเเล้วล่ะมั้ง คืนที่ยัยนั่นถูกจับยัดกล่อง สวมเเค่ชุดแมวน้อยบางๆ ไงจำได้ไหม...
ตอนนี้ผมให้ลูกน้องสืบหาคนทำอยู่ น่าจะได้ตัวไอ้เวรนั่นเร็วๆ นี้
“พี่ให้อยู่แล้ว” ผมดึงโทรศัพท์มือถือจากยัยนั่นมา ตั้งท่าจะกดเบอร์ตัวเองลงไปด้วยความเอ็นดู แต่ไม่รู้ดิ เพราะตัวเล็กยังก้มหน้าก้มตา ขยุ้มมือกับชายกระโปรงไม่เลิกสักที ผมจึงชะงักไว้และกระซิบเบาๆ ข้างหู “หันหน้ามาทางนี้เร็ว”
“ไม่เอา” ตัวเล็กส่ายหน้าไปมา
“งั้นพี่ไม่คืนโทรศัพท์นะ” ผมต่อรองอย่างไม่คิดมาก และหน้าก็คงยังราบเรียบเหมือนเดิมล่ะมั้ง
“อย่าแกล้งตัวเล็ก...” พร้อมๆ กับน้ำเสียงผะแผ่วและอ้อนวอนแบบเด็กๆ ยัยนั่นก็ค่อยๆ หันกลับมาทั้งที่สีหน้ายังบึ้งตึง เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามือข้างหนึ่งของตัวเล็กกำลังขยุ้มชายเสื้อของผม ท่าทางแบบนี้ทำเอาลมหายใจขาดห้วงไปหมดอย่างไม่น่าให้อภัย “ตะ ตัวเล็กสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี...”
ดวงตากลมโตกำลังวาวระริกคล้ายกับลูกสุนัขขออาหาร
มองกันขนาดนี้ ฆ่ากันให้ตายยังง่ายซะกว่า...
“โอเค พี่ไม่แกล้งแล้ว” ผมถอนหายใจอย่างพ่ายแพ้ ยอมกดเบอร์และส่งคืนเจ้าของ
เชื่อไหม ทันทีที่ตัวเล็กได้รับสมบัติของตัวเองกลับคืน เจ้าตัวก็วิ่งจู๊ดจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังสักนิด
กระทั่งร่างเล็กลับสายตาเเละตรงนี้กลับมาเงียบสงัด ผมก็ยกมือขึ้นเสยผมแบบลวกๆ เพราะต้องการขับไล่ความร้อนผ่าวที่มากระจุกบริเวณแก้มตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
โคตรจะไม่ปลอดภัยเลย
ตอนแรกก็กะจะแกล้งๆ หยอกๆ เพราะรู้สึกมันเขี้ยว แต่ยัยนั่นมีแรงดึงดูดน่าประหลาดใจ แววตานั่นก็เหมือนกัน ทุกครั้งที่ผมเผลอจดจ้อง... เหมือนโดนสาปให้กลายเป็น ‘ทาส’ ยัยนั่นยังไงยังงั้น
เอาแล้วไงไอ้จุน!
[จบบทบรรยาย: จุน]
หลายวันผ่านไป
“ขอบคุณค่า”
ฉันยกมือไหว้พี่จุนอย่างสวยงามเมื่อรถคันหรูของเขาเคลื่อนตัวมาจอดหน้ารั้วมหา’ลัยในเวลาอันรวดเร็วเเละไร้อันตราย เเต่ว่านะ ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ ร่างกายพลันแข็งทื่อเพราะถูกสายตาของคนมากมายเพ่งมาตรงนี้อย่างให้ความสนใจ...
“ตัวเล็ก ลืมของ” เสียงทุ้มกังวานเรียกให้ฉันหันขวับกลับไป พอดีกับที่ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ฉันจึงแหงนหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง
เเละดูเหมือนว่าพอพี่จุนปรากฏตัว การตกเป็นเป้าสายตาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปด้วย
“สงสัยตัวเล็กรีบเกินไปหน่อย แฮๆ” ฉันเกาหัวสองสามทีเมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือในมือหนา เมื่อกี้ตอนนั่งคงจะทำหล่นโดยไม่รู้ตัวและฉันก็คงไม่ทันได้สังเกต
“คราวหลังก็ระวังด้วย” ฉันรับมันมาแล้วส่งยิ้มเจื่อน แต่ว่า... “มองอะไรกัน” ในครั้งที่พี่จุนเลื่อนสายตาไปทางอื่น เขาก็เห็นว่ามีคนกำลังมองมาที่เราเป็นจำนวนมาก เขาขมวดคิ้วและพึมพำคล้ายว่าหงุดหงิดที่ตกเป็นเป้าสายตา
เอาดีๆ นะที่มองๆ มาน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้นเลย
แหงล่ะ! ขับรถหรูขนาดนี้คนก็ต้องชอบ ต้องมองเป็นธรรมดา
“คนหล่อก็งี้แหละพี่ สาวๆ มองเต็มเลย” ฉันแซวแล้วยิ้มกริ่ม
แต่เเล้วก็ต้องชะงักเมื่อพี่จุนเคลื่อนสายตากลับมาอย่างทันควัน มันฉายความคุกรุ่นเพียงเล็กน้อยจนฉันต้องกลืนน้ำลายลงคอ ทว่าไม่นานเขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้เเละกระซิบบางอย่างข้างหู
บางอย่างซึ่งมีเพียงฉันเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“เหรอ... ใครได้เป็นพี่เป็นแฟนก็โคตรโชคดีด้วยนะ” ทำไมเสียงต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ด้วยเล่า
“คิๆ ตัวเล็กจะรอดูแฟนพี่จุนค่ะ ต้องสวยด้วยแน่ๆ เลย” ฉันฉีกยิ้ม เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เขาผละตัวออกไปและใช้กำปั้นเขกเบาๆ กลางหน้าผาก แม้จะไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็เจ็บเอาเรื่องอยู่ “ตัวเล็กเจ็บนะ!” ฉันทำหน้าบึ้งพลางยกมือลูบหน้าผากป้อยๆ
อ่า ทำไมถึงเห็นความหงุดหงิดเล็กๆ น้อยจากแววตาของเขากันนะ
“รีบไปเรียนไป”
“ค่า...” ฉันพยักหน้ารับ อยากถามว่าเขาหงุดหงิดอะไร แต่ก็ทำได้แค่ยกมือไหว้อีกครั้งเพราะอยากขอบคุณที่อุตส่าห์ตื่นมาส่งแต่เช้า ก่อนจะวิ่งเข้าไปข้างในพยายามไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
แล้วเมื่อครู่นี้น่ะ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย