ตอนที่1
พริมโรส หญิงสาววัย26ปีหญิงสาวชาวไทยแท้ เธอเป็นเหมือนดั่งเทพธิดาที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า เธอมีใบหน้าที่อ่อนหวาน นิสัยที่อ่อนโยน ร่างกายที่สมส่วนผู้ชายหลายคนต่างหมายปองในตัวของเธอ แต่ใครจะรู้เล่าว่าชีวิตของเธอนั้นกว่าจะผ่านมาถึงทุกวันนี้กลับมีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา พริมโรสในวัย10ขวบเธอต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อที่เป็นเสาร์หลักของครอบครัวด้วยโรคร้ายแรง เธอมีเพียงแม่คนเดียวที่คอยเลี้ยงดูเธอมา แม่ของเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวเพียงลำพัง กัดฟันสู้ทนกลางวันทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่โรงแรม พอตกกลางคืนก็มานั่งทำขนมไทยเพื่อที่จะเอาไปขายให้กับเพื่อนร่วมงาน จนในที่สุดแม่ของเธอก็กัดฟันสู้จนสามารถส่งเธอเรียนจบ ม.6 เธอรู้ว่าแม่ของเธอเหนื่อยที่ต้องทำงานส่งเสียเลี้ยงดูเธอเพียงคนเดียว เธอจึงพยายามตั้งใจเรียนไม่เกเร บางครั้งกลางดึกเธอก็ตื่นขึ้นมาช่วยแม่ของเธอทำขนม พอเข้ามหาลัยเธอก็ช่วยแม่ของเธอทำงานหาเงิน บางครั้งก็เอาขนมที่แม่ทำมาขายให้กับเพื่อน ๆ ในคณะ แต่รู้ไหม ชีวิตของเธอกลับพลิกผันตอนที่เธอจะต้องเรียนตอน ปี2 เมื่อแม่ของเธอนั้นได้พบรักกับเศรษฐีที่มาทำธุรกิจที่เมืองไทยและใช้โรงแรมที่แม่ของเธอทำงานอยู่เป็นที่พัก เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เธออยู่ม.5 แม่ของเธอไม่กล้าที่จะบอก กลัวว่าเธอจะเสียใจและรับไม่ได้ แต่มันกลับไม่ใช่ เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ ท่านคงอยากมีใครมาเป็นคู่ชีวิตคู่คิดกับท่านในยามที่ท่านแก่
"แม่ขอบใจพริมโรสมากนะที่หนูเข้าใจแม่"นี่คือคำพูดของผู้เป็นแม่ในวันที่ท่านพาผู้ชายคนนั้นเข้ามาพบเธอ คุณลุงเศรษฐีใจดีคนนั้นได้ขอให้แม่ย้ายตามไปอยู่ที่บ้านของเขา พริมโรสที่เข้าใจดีทุกอย่างเลยเลือกที่จะบอกให้แม่ทำตามที่ท่านต้องการส่วนเธอสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอเพียงให้เธอได้อยู่ใกล้ผู้เป็นแม่ก็พอ
เธอกับแม่ได้ย้ายตามคนรักของท่านมาปักหลักอยู่ที่เมืองนอก ประเทศสหรัฐอเมริกา ก้าวแรกที่เธอย่างกายเข้ามาในบ้านหลังใหญ่มีผู้คนมากมายต่างต้อนรับเธอเป็นอย่างดี แต่มีอยู่คนนึงที่กลับไม่ชอบขี้หน้าเธอและแม่ของเธอ นั่นก็คือลูกชายของภรรยาคนเก่าของคุณลุงเศรษฐี ที่เกลียดแม่ของเธอและเธอเข้ากระดูกดำ
"พ่อผมไม่ยอมให้นังนี่กับลูกของมันอยู่ที่บ้านของเราเด็ดขาด"
"ถ้าแกไม่ยอมแกก็ไสหัวของแกออกไปจากบ้านของฉันซะ"แค่เข้ามาวันแรกสองพ่อลูกก็ถกเถียงกันจนบ้านหลังใหญ่ลุกเป็นไฟ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่เธอกับแม่รู้ว่าคุณลุงมีลูกชายที่ไม่ค่อยจะลองรอยกันตั้งแต่ที่ภรรยาคนเก่าของท่านเสีย
"ไม่ผมไม่ไป อย่าคิดว่าพ่อจะเอาใครมาแทนที่แม่ได้ไม่มีวัน"
"ส่วนพวกเธอก็อย่าหวังว่าจะอยู่ที่นี่กันอย่างมีความสุข"ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดก่อนที่จะเดินหัวเสียออกไป
"คุณอย่าไปคิดมาเลยนะ มันไม่มีอะไรหรอก"
"ให้ฉันกับลูกไปอยู่ที่บ้านพักคนใช้ก็ได้นะคะ ฉันกับลูกอยู่ได้"ทั้งสองแม่ลูกรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้ครอบครัวต้องทะเลาะกัน
"ที่รักคุณเป็นคนรักของผม คุณต้องอยู่กับผมสิ ไม่เอาอย่าคิดมากเราไปดูห้องของเรากันดีกว่า ส่วนห้องของหนูพริมโรสลุงให้คนจัดห้องไว้ให้แล้วนะ"
"หนูขอไปอยู่ห้องพักคนใช้ได้ไหมคะคุณลุง บอกตรง ๆ เลยนะคะหนูอยากพักในห้องคนใช้สบายใจมากว่าอยู่ห้องที่คุณลงจัดให้"เธอรู้สึกเกรงใจและอีกอย่างเธอไม่อยากจะมีปัญหากับผู้ชายคนนั้น เลี่ยงได้ก็เลือกที่จะเลี่ยง
"ถ้าหนูต้องการแบบนั้นก็แล้วแต่หนู แต่ถ้าหากวันไหนหูเปลี่ยนใจก็บอกลุงได้นะ"
"ค่ะ"
ตั้งแต่ที่เธอกับแม่ก้าวเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ ชีวิตก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ทันตา เธอได้เรียนในมหาลัยชื่อดังใช้เงินที่ตัวเองเก็บมาตั้งแต่ม.ปลายใช้เป็นการศึกษาบางครั้งก็มีแม่ช่วยเรื่องเงินกับเธอบ้าง จนเธอเรียนจบด้วยเกียรติยศเป็นที่ภูมิใจของแม่และลุงเศรษฐี ต่างจากลูกชายของท่านที่วัน ๆ ไม่ไปเรียนเอาแต่เที่ยวเตร่ กลางคืนก็ออกไปเที่ยวกับบรรดาเพื่อน ๆ กลับมาในตอนรุ่งเช้าสภาพเมาหัวราน้ำ ชีวิตของเธอกำลังดำเนินไปได้สวยจนในที่สุดก็มีเหตุระทึกให้ชีวิตของเธอเป็นเหตุให้ต้องดิ่งลงเหวอีกครั้ง เมื่อแม่ของเธอและคุณลุงเศรษฐีใจดีคนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตตายคาที่ทั้งคู่
เพี้ยะ
หลังจากรู้ข่าวลูกชายของลุงเศรษฐีก็คิดว่าเธอกับแม่คือตัวซวยที่ทำให้พ่อของเขานั้นต้องตายเลยบุกมาทำร้ายเธอถึงที่บ้าน
"นี่มันอะไรกันคะ"ใบหน้าที่โดนฝ่ามือหนาฟาดถึงกับแดงเป็นรอยนิ้วมืออย่างทันควัน
"มึงกับแม่ของมึงมันตัวซวยทำให้พ่อของกูต้องตาย"นิคลูกชายของลุงเศรษฐีคนนั้นแทบจะเข้ามาบีบคอของเธอถ้าหากไม่ได้การ์ดของลุงเศรษฐีล็อกตัวเอาไว้
"คุณอย่ามาว่าแม่ของฉันแบบนี้นะ"ทั้งที่เธอเองก็ต้องสูญเสียแม่ที่เป็นที่พึ่งคนสุดท้ายไปเหมือนกันเธอเองนั้นก็เสียใจไม่ต่างอะไรไปจากเขา
"ทำไมกูจะว่าไม่ได้ห๊ะ ตั้งแต่ที่แม่มึงและมึงเข้ามาพ่อกูก็ไม่เคยเห็นว่ากูเป็นลูกท่านเลย แถมวันนี้แม่มึงยังเป็นคนทำให้พ่อกูต้องตายอีก พวกมึงมันเป็นตัวซวย ออกไป ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้"
"ฉันไปแน่ค่ะคุณไม่ต้องไล่ แต่ฉันอยากจะบอกอะไรคุณเอาไว้สักอย่างนะคะ เพื่อว่าคุณจะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง"พริมโรสปาดน้ำตาออกจากใบหน้า สิ่งที่เธอพึ่งจะได้รับรู้มาไม่นานนี้มันทำเอาเธอแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาเหมือนกัน
"พ่อของคุณท่านกำลังไม่สบายคุณรู้ตัวบ้างไหม"
"เธอเอาอะไรมาพูด"
"สิ่งที่มันเป็นความจริงทั้งหมดไง"
"คุณรู้ไหม ว่าพ่อของคุณท่านป่วยหนักเพราะท่านไม่ได้พักผ่อนเพราะทำงานอย่างหนักจนต้องล้มป่วย สิ่งที่ท่านเก็บเอาไว้ในใจมานานหลายปีโดยที่ท่านไม่กล้าบอกคุณ"
"ถ้าเธอแน่จริงเธอก็บอกฉันมาสิว่าพ่อฉันป่วยเป็นอะไร"
"ท่านป่วยเป็นมะเร็ง"
"ไม่จริง"
"จริง ท่านป่วยมาได้หลายปีแล้ว และที่ท่านไม่มีเวลาให้คุณ คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะท่านกำลังทำงานเพื่อที่จะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณไง โตไปคุณจะได้ไม่ลำบาก ส่วนเรื่องแม่ของฉัน มันคงเป็นความรักที่ท่านมีต่อแม่ ท่านจึงเลือกแม่ของฉันเพื่อที่จะให้มาดูแลท่านในบั้นปลายชีวิต คุณบอกว่าคูณสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุ18 แต่ฉันนี่สิพ่อต้องมาตายตั้งแต่อายุ10ขวบ คุณยังมีพ่อมีชีวิตที่ดี แต่ฉันกับแม่กลับต้องอยู่กันแค่เพียงสองคน แม่ต้องทำงานอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อที่จะส่งเสียฉันให้เรียนจบ แล้วดูตัวคุณสิมีเงินทองตั้งมากมายแต่กลับทำตัวเหลวไหลแบบนี้ คุณยังนึกถึงใบหน้าของพ่อคุณบ้างไหม"
"มะ..ไม่จริงเธอโกหก พ่อไม่ได้ป่วย"
"งั้นคุณมานี่กับฉัน"ในตอนนี้ร่างเพรียวบางกลับสามารถลากร่างที่มีขนาดใหญ่กว่าเธอให้เดินขึ้นบันไดได้อย่างง่ายดาย พริมโรสลากร่างของนิคเข้ามาในห้องทำงานของลุงเศรษฐีก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน เอกสารการรักษาตัวทั้งหมดถูกปาใส่หน้าของนิคก่อนที่มันจะหล่นกระจายสู่บนพื้น
"อ่านดูนะคะว่าเรื่องที่ฉันพูดมามันจริงหรือเปล่า ส่วนเรื่องที่คุณไล่ฉันให้ออกจากบ้านฉันไปแน่ค่ะคุณไม่ต้องห่วง แต่ฉันขออยู่ที่นี่อีกสามวันเพื่อที่จะจัดการเรื่องศพของแม่ฉัน และหลังจากนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง แม้แต่เงาของฉันคุณก็ไม่มีวันที่จะได้เห็นมัน"
พริมโรสใช้เวลาในการจัดการเรื่องศพของผู้เป็นแม่เพียงสองวันเท่านั้น ย่างสู่เข้าวันที่สามเธอเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของคนใช้ที่เธอใช้หลับนอน เสื้อผ้าและข้าวของที่เธอนำติดตัวมาจากเมืองไทยถูกจับเก็บใส่ในกระเป๋า ส่วนข้าวของที่คุณลุงเศรษฐีเมตตาซื้อให้เธอขอไม่เอากลับไปเพียงสักชิ้นเดียว
"นี่ค่ะคุณหนูเสื้อผ้าและของใช้ของคุณผู้หญิง"กระเป๋าเสื้อผ้าที่เป็นของใช้ของแม่ที่เอามาจากเมืองไทยมีแม่บ้านจัดเก็บเอาไว้ให้เรียบร้อย เธอบอกแม่บ้านคนสนิทของแม่ว่าให้เอาแต่เสื้อผ้าที่แม่เอามาจากเมืองไทยเท่านั้น นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจมองกระเป๋าใบนั้น มือที่สั่นเทากำลังจะเอื้อมไปหยิบมันแต่ก็มีมือของใครบางคนกระชากกระเป๋าใบนั้นไปเสียก่อน
"เอากระเป๋าของแม่ฉันคืนมา"พริมโรสมองหน้านิคที่กระชากเอากระเป๋าของแม่เธอไป
"ไม่ พี่ไม่ให้นี่เป็นกระเป๋าของแม่พี่"นิคเอากระเป๋าใบนั้นไปกอดเอาไว้ก่อนที่น้ำตาแห่งความเสียใจจะไหลออกมา
"ขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา"แววตาที่มีแต่ความรู้สึกผิด เสียใจอยู่ด้านในมันอดที่จะทำให้พริมโรสอดที่จะตื้นตันไม่ได้ แววตาของนิคตอนนี้เขาคงจะเสียใจสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาแล้วจริง ๆ ในเมื่อนิคสำนึกผิดทำไมมีหรือที่พริมโรสจะไม่ให้อภัย เรื่องทุกอย่างที่ผ่านเธอรู้ว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ต่อไปมันก็คงจะเป็นวันที่ดี
"ไม่เป็นอะไรค่ะ พี่ชาย"
คิดมาถึงตอนนี้มันก็อดที่จะทำให้พริมโรสยิ้มออกมาไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นิคกับพริมโรสก็ตกลงกันที่จะเป็นพี่น้อง นิคขอร้องไม่ให้พริมโรสกลับเมืองไทย ตอนแรกพริมโรสก็มีสีหน้าคิดหนักถ้าเธออยู่ที่นี่แล้วเธอจะทำงานอะไร ถ้ากลับเมืองไทยแล้วจะกลับไปอยู่กับใครเพราะเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนพ่อแม่ก็มาจากเธอไปหมด ตอนแรกนิคจะให้เธอเข้าไปช่วยบริหารงานที่บริษัทแต่ด้วยความชอบส่วนตัวเธอจึงขอนิคมาเปิดร้านดอกไม้ด้วยเงินเก็บที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง จนตอนนี้เธอสามารถเปิดร้านดอกไม้ที่ตัวเองชื่นชอบได้สำเร็จ
กริ๊ง
"ร้านพริมโรส ยินดีต้อนรับค่ะ"