4 - ความลับของแดง
“นั่นไม่ใช่เรานะ”
ผมไม่อยากเชื่อว่าคนที่ขโมยกระเป๋าคนอื่นแล้ววิ่งมาชนจะเป็นตัวผมเหมือนกันทุกประการ มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีฝาแฝด ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นตัวเองอีกคนนอกจากกระจกเท่านั้น ผมวิ่งไปอยากจับตัวตนอีกคนให้ได้ ตอนแมกซ์เห็นยังตกใจ แต่เขาไม่โวยวายหรือตัดสินผมพร่ำเพื่อ รีบตามผมไปจับมันอีกคน น่าเสียดายที่มันหนีไปได้
“เดี๋ยวก่อนแด ถ้านายจับมันทุกคนจะคิดว่าเป็นนาย”
“จริงด้วย”
คนที่ขโมยของก็คือตัวผมอีกคน ไม่ใช่ผมคนนี้ว่าแต่คนตรงหน้ามันเป็นใครถึงได้มาแฝงตัวปลอมเป็นผมอีกคน ผมไม่ได้แยกร่างตอนร้องเพลงสักหน่อยแล้วทำไมมันถึงมีตัวปลอมออกมาอีกคน ผมเดินเกาะหลังแมกซ์ไปด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ผมยอมรับว่านั่นไม่ใช่ตัวผมถึงมันจะเหมือนผมก็เถอะ
“ขอบคุณนะที่ช่วยเรา”
“ไม่เป็นไรหรอก เรารู้ว่านายกำลังจิตใจแย่ ให้เราเป็นที่พึ่งทางใจได้ไหม” ผมรู้สึกผูกพันกับคนแบบแดงมาก นอกจากผมแดงเหมือนชื่อ หน้าตาน่ารักไม่แพ้ผมเลย ผมอาจจะแบดบอยแต่ไม่ทำร้ายผู้ชายด้วยกันแบบเขา เขาน่ารักไม่น่าให้เรื่องร้าย ๆ โยนเข้ามาในชีวิตเลยด้วยซ้ำ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาเขาหลั่งออกมาเวลาเจ็บปวด
“ไม่ร้องนะงับ”
ผมเช็ดน้ำตาและปลอบโยนเขาเสมอ ผมว่าเขาต้องการกำลังใจ งั้นผมขออุดหนุนเขาดีกว่า ผมรู้มาพักหนึ่งแล้วว่าแดงขายน้ำเต้าหู้เปิดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งใกล้แถวบ้านผม มันบังเอิญมากเลย ผ่านทุกวันทำไมผมไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้าน ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะไปอุดหนุนทุกวัน
“ขอบคุณนะที่เข้าใจเรา”
ผมเริ่มร้องไห้เพราะความตื้นตันที่เขาแสดงความจริงใจให้ผม สงสัยผมต้องแถมน้ำเต้าหู้ให้เขาหลายถุงแล้วล่ะ ผมขอเป็นคนขายให้แมกซ์เองแล้วกัน ความใจดีของเขาทำให้ผมรู้สึกดีต่อใจ
“แปดถุง”
“เดี๋ยว นายจะเอาไปกินหรืออาบ” ผมว่าเหตุผลของเขาคือซื้อไปแจกเพื่อนหรือกินเองวันต่อไปก็ได้ แต่ปกติผมไม่เคยเจอใครซื้อโหดราวกับจะเอาไปอาบขนาดนี้ ต่อให้รายได้การขายจะเพิ่มแต่ความคุ้มค่าเกินราคามาก ผมนับและคิดราคาให้ น้ำเต้าหู้ชาเขียวสี่ถุง ถุงละสิบห้า หกสิบบาท และน้ำเต้าหู้ชาไทยอีกสอง ราคาเดียวกัน สามสิบบาท ส่วนใบเตยถูกหน่อย ถุงละสิบบาท สองถุงก็ยี่สิบบาท รวมหนึ่งร้อยสิบบาท
“หนึ่งพันสิบ...”
“ไอ้แดง มึงอย่ารีดไถเพื่อนสิ”
แม่ผมด่าชุดใหญ่เลยว่าผมเบลอแล้วคิดราคาผิดไปหมด ผมเป็นคนแยกร้อยกับพันไม่ออก ทั้งที่ความแตกต่างชัดมากแต่ทำไมผมแยกมันไม่ได้เลยล่ะ ผมตั้งสติแล้วทอนเงินให้แมกซ์ เขาแกล้งจับมือผมเป็นการลวนลาม ผมตกใจแต่ไม่สะบัดออก อาจจะเป็นความชอบของผมก็ได้
“งั้นไว้เจอกันนะ”
แมกซ์เดินออกไปจากร้านผม ผมกลับไปขายของต่อ แล้วในระหว่างผมคนน้ำเต้าหู้ในหม้อร้อน ๆ แม่ผมถามผมว่าผมชอบผู้ชายหรือเปล่าทำไมส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนผู้ชายมากันสองคนตามลำพัง จริตก็ดูเรียบร้อยมากกว่าดุดัน แม่ไม่ชอบคนเรียบร้อยจะให้ผมไปเป็นนักเลงหรือไง มันก็ไม่ใช่
“แม่ดูออกนะว่าแดงชอบผู้ชาย กับเพื่อนคนนั้นยังไง”
“เอ่อ... เพื่อนครับแม่”
ผมเขินจนเอานิ้วชี้ชนกันเพราะแม่เล่นถามผมแบบนี้จะให้ผมตอบอะไรล่ะ ผมเขินหนักมากจนทำอะไรไม่ถูก ขนาดคิดเงินยังรีดไถไปเป็นพันบาท ยังดีที่เขายังไม่ได้จ่ายให้ผม ผมเขินจนมือไม้สั่นสมาธิเตลิดไปหมด ผมยอมรับตัวเองได้หรือยังว่าผมชอบผู้ชาย เพราะผมสับสนตัวเองมากเลย
“แม่ไม่ได้ห้ามนะ แต่ห้ามไปกอดผู้ชายเป็นการรุกหนักนะ ผู้ชายกลัวแล้วไม่เข้าใกล้ก็ไม่เอานะ”
“ครับแม่...”
แม่ผมคิดยังไงว่าผมมีใจให้แมกซ์ทั้งที่ผมรู้จักกันตอนไปออดิชั่น ยังไม่ได้รู้จักมากกว่านั้นจนสนิทกัน บังเอิญเจอกันแต่จะว่าไปเขารู้สึกดีกับผมมากเลย ดูแลเอาใจใส่และไม่มองว่าเป็นศัตรู นี่มันเรียกว่าอะไร คนรู้จักหรือเจ้าความรักบันดาลเข้าหาผมแล้วกันแน่ ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย เอาเวลาคิดไปเองไปขายน้ำเต้าหู้ดีกว่า
“น้ำเต้าหู้น้องแดงไหมครับ อร่อยไม่แพ้ตัวผมนะ ศูนย์เก้าสอง...”
“เห้ย ๆ ไอ้ลูกคนนี้อย่าโฆษณาตัวเองให้มากกว่าของขายสิเห้ย”
อีกด้านหนึ่ง
“เชอร์รี่ เอาจริงเหรอ”
อีกด้านหนึ่งในเมืองหลวงใกล้สถานทีถ่ายทำรายการ VOCAL แสตมป์ผู้เป็นแฟนของเชอร์รี่อยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผมเห็นแฟนตัวเองนั่งหน้าบูดมาพักหนึ่ง นี่มันนอกเวลางานไม่ต้องจริงจังตอนนั่งกรรมการก็ได้ ถึงงานนี้จะใหญ่แต่ก็ไม่ได้รับงานเดียว พรุ่งนี้ผมกับเชอร์รี่ไปเป็นพิธีกรงานแต่งงานคุณสิมิลา วันต่อไปเป็นพิธีกรงานกาชาดและถ่ายรายการ นักร้องซ่อนโลงแก้ว ทุกอย่างงานเป็นเงิน และสุขภาพจิตก็ต้องพร้อมด้วย จะมาเสียก่อนวันงานไม่ได้
“ฉันอยากพูดตรง ๆ กับจอห์นว่าถ้ายังตัดสินแบบนี้ ฉันคงร่วมงานกับเขาไม่ได้”
“คุณจะตัดเพื่อนเลยเหรอ”
“คุณอย่ามองว่างานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกันนะ แค่แยกแยะแต่มันก็สามารถประสานกันได้ จอห์นคิดยังไงไปตัดสินแดงแบบนั้น น้องเดินออกไปไม่ทันได้รับเข้าทีมเลย” เชอร์รี่เองก็เหมือนปล่อยโอกาสหลุดลอยเพราะเด็กคนนั้นผ่านเข้ารอแต่ไม่รู้รายการกลั่นแกล้งอะไร ดับไฟใส่จนน้องหมดกำลังใจ ฉันแอบคิดว่าจอห์นไปบอกทีมงานให้เตรียมการแล้วทำแบบนั้นเพื่อกลั่นแกล้งต่อหน้าสาธารณะชน
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ ฉันขอไม่ร่วมงานอีกต่อไป”
“เดี๋ยวสิเชอร์รี่ แล้วปกติเวลาเขาจ้างงานพวกเรา เขาก็เห็นว่าเราสามคนเป็นเพื่อนกับจอห์นจะให้แยกงานได้ยังไง”
“ฉันจะคุยกับคนจ้างงานทุกที่เอง”
“แล้วจอห์นมีเหตุผลอะไร คุณกับผมไม่เคยรู้มาก่อน”
“งั้นคุณสืบให้ฉันได้ไหมล่ะ”
ผมต้องกลายเป็นนักสืบไปตอนไหน นอกจากทำงานออกงานผ่านหน้าจอไม่งานใหญ่งานเล็ก ยังต้องมารับบทเป็นนักสืบด้วยเหรอ สืบเพื่อนกันเองมันไม่ดูลุกล้ำมากไปหรือไง แต่ผมก็สงสัยเพราะจอห์นทำไมแสดงออกกับเด็กอย่างแดงขนาดนั้นด้วย หรือมีปมฝังใจอะไรกับเด็กคนนี้ ผมว่ามันดูไม่เป็นปกติ สงสัยต้องรับบทนักสืบเฉพาะกิจตอนนี้แล้ว
“เดี๋ยวทางรายการจะติดต่อไปหาน้องแดงเองแล้วกัน ฝากด้วยนะที่รัก น่ารักที่สุดเลย”
“ครับ ๆ”
ในคืนนั้น
แดงกำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้น ผมไม่รู้ว่าใครติดต่อมา ถ้าเป็นทางรายการผมไม่ได้บันทึกเบอร์ไว้ เห็นเบอร์หนึ่งโทรเข้ามา ผมรับสายก่อนถ้าพูดอะไรแปลก ๆ หรือเงียบจนไม่น่าไว้ใจ นั่นคือเบอร์มิจฉาชีพ ผมกดรับแล้วปลายสายพูดขึ้น ทำผมตกใจขนลุกเพราะนั่นคือเสียงของผม
“นี่นายอย่ามาเลียนแบบเรานะ”
“นายไม่เคยรู้ใช่ไหมว่าเราก็คือนาย เราสองคนเป็นฝาแฝดไง” ผมไม่รู้ว่าไอ้ผู้ชายตัวปลอมจากผมมันเป็นใครกันแน่ ถึงรู้เบอร์ผมแล้วโทรมากลั่นแกล้งกลางดึกมันไม่ตลกเลยล่ะเพราะว่าผมไม่เคยมีฝาแฝดมาก่อน และนี่ไม่ใช่ละครไทยหลังข่าวน้ำเน่าตามหาสมาชิกในครอบครัวที่พลัดพรากด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่ได้มีความคิดโง่ ๆ เหมือนบทละครสามสิบปีก่อนด้วย ผมเค้นให้มันยอมรับสักทีว่ามันเป็นใคร
“เราไม่เคยมีฝาแฝดหรือมีพี่น้องทั้งนั้น อย่ามาปลอมเป็นตัวเรานะ”
“ขอให้มึงตกรอบและโดนคนทั้งประเทศเกลียด...”
“อ๊ากก ไอ้โรคจิต”
ผมกลัวมากไม่รู้ว่ามันเป็นใครมาปลอมตัวเป็นผม มันทำเสียงและขโมยความคิดผมเหมือนมันเป็นตัวผมเอง นี่มันอะไรกัน ผมไม่เคยมีฝาแฝดสักหน่อยแล้วมันเป็นใคร นี่ไม่ใช่ร่างแยกตอนผมร้องเพลงและทำมันได้แค่ตอนแสดงเท่านั้น ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ ผมต้องสืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือแค่อุปโหลกขึ้นมา
“นายเป็นใครกันแน่ไอ้แดงตัวปลอม...”