“คุณหัวเราะฉันเหรอคะ?”
“อ๋อ เปล่าครับ” ภูดิศ รีบปฏิเสธทันที
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณเอียดคอยรับส่งคงจะแย่แน่ ๆ เลย” หวันยิหวานั้นไม่ค่อยถนัดขับรถในเมืองไทยก่อนจะมาที่ไร่เธอเองก็หลงทางไปกับ GPS เกือบครึ่งวัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พ่อเลี้ยงภูสั่งผมไว้”
“ถ้าวันนี้คุณว่าง เข้าไปดูงานที่ไร่กับผมมั้ยครับ?”
“ก็ได้ค่ะ จะได้รู้งานไปด้วยเลย แต่ว่าพ่อเลี้ยงจะให้ฉันทำบัญชีที่ไร่นะคะ”
“พ่อเลี้ยงบอกผมว่า ให้พาคุณไปดูงานที่ไร่ก่อนและค่อยพาไปที่แผนกบัญชีครับ” ความคิดในผุดขึ้นมาในสมองทันทีว่าต้องแกล้งให้หนัก
“ก็ได้ค่ะ” หล่อนหลงกลภูดิศแล้ว
ภูดิศมองตามร่างระหงในชุดกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตท่าทางทะมัดทะแมง เขามองเธอและแอบยิ้มบาง ๆ ภูดิศพาเธอสำรวจไปหลายที่ในไร่จนเวลาผ่านไปนานเกือบชั่วโมง
“คุณ!..ฉันว่าสำรวจต่อวันพรุ่งนี้ดีมั้ยคะ” หน้าเธอดูซีด ๆ เหมือนจะเป็นลม
“แค่นี้คุณก็เหนื่อยแล้วเหรอครับ?”
“ก็อากาศมันร้อนนี่คะ”
“โทษทีครับ คุณคงยังไม่ชินกับอากาศร้อนเมืองไทย”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นภูดิศก็พาหวันยิหวาไปรู้จักกับคนงานในไร่อีกโดยไม่ฟังสิ่งที่เธอร้องขอเพราะว่าชายหนุ่มจงใจแกล้งเธอนั่นเอง อากาศที่ร้อนอบอ้าว แดดเปรี้ยง! ยังดีทีเธอใส่ชุดกางยืนส์ขายาวเสื้อแขนยาวมา ‘จะให้เป็นลมแดดตายก่อนเหรอไง!’
หวันยิหวาก้าวเท้าตามภูดิศไม่ทัน เธอหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน
“เดี๋ยวคุณไปแผนกบัญชีกับผมตอนนี้เลยก็ได้ครับ” ชายหนุ่มรีบหญิงสาวเพราะดูท่าทางคงจะไม่ไหวจริง ๆ หน้าหล่อนซีดมาก
“คุณยิหวา!!!!.” ยังไม่ทันขาดคำชายหนุ่มก็ต้องรีบพุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอเอาไว้ดีว่าเขาอยู่ใกล้เธอพอดี หวันยิหวาเป็นลมไปกะทันหัน
“ผมว่าพ่อเลี้ยงพาคุณยิหวากลับไปที่พักก่อนนะครับ” นายเอียดที่เห็นเหตุการณ์รีบมาบอกเจ้านายทันที
“ได้ เดี๋ยวฉันจะอุ้มคุณยิหวาไปที่รถ แกไปขับรถให้ฉันที”
เอียด รีบวิ่งขึ้นไปขับรถให้เจ้านายโดยมีภูดิศอุ้มร่างหวันยิหวาตามเขาไปติด ๆ พ่อเลี้ยงภูให้เอียดขับพามาที่ เรือนลีลาวดี เอียดงง ไม่กล้าถาม
“แกจะไปไหนก็ไป จำไว้นะ ถ้าคุณยิหวาถามอะไรเกี่ยวกับพ่อเลี้ยงแกต้องไม่รู้อย่างเดียว และฉันก็เป็นแค่หัวหน้าคนงาน จำได้มั้ย?”
“จำได้ครับพ่อเลี้ยง”
“เดี๋ยวแกไปตามป้าชื่นมาที่นี่ด่วนเลย”
“ได้ครับ ๆ” เอียดรับคำเจ้านาย จากนั้นเมื่อป้าชื่นมาก็ได้เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าที่รัดเกินไปของเธอออก ตอนนี้หญิงสาวนอนอยู่ในชุดที่สบาย ๆ เธอใส่ผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้าที่ภูดิศขอยืมกับป้าชื่นมาให้เธอใส่
หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตา เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้า
“ว้าย...!” หวันยิหวาอุทานเสียงดังเมื่อเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้าและชนเข้ากับคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามา ดีว่าเขาช่วยประคองเธอ
เอาไว้ได้ แต่ผ้าถุงที่เธอใส่ดันหลุดไปถึงข้อเท้าเพราะเธอไม่เคยใส่ผ้าถุงมาก่อน
ภูดิศตะลึงความขาวอวบที่โดดเด่นอยู่ตรงหน้าเพียงแค่เสี้ยววินาที เธอรีบดึงผ้าถุงที่เธอดึงขึ้นมาปิดทันที แววตาอาฆาตและจ้องจะเอาเรื่องชายหนุ่มเขาจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระและก้าวถอยห่างออกมา เธอก็ก้าวเท้าของเธอตามหมายจะเอาเรื่องเขาแต่ดันไปเหยียบกับชายผ้าถุง จากนั้นเธอจึงเซมาหาร่างแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้า เขารีบอ้าแขนแกร่งรับตัวเธอเอาไว้ และก็โอบรัดเธอต่อจากนั้นอีก
“นี่คุณ!!!!!..อิตาบ้า!!” หวันยี่หวาพยายามจะดิ้นให้ตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้โรคจิต!!”
“ผมโรคจิตตรงไหนไม่ทราบ?”
“ก็คุณเปลี่ยนชุดฉันแล้วก็ยังมาลวนลามฉันอีก”
“ก็คุณจะล้มผมเลยรับตัวคุณเอาไว้ ขอโทษสักคำก็ไม่มี”
“คุณกล้าดียังไง มาทำแบบนี้?” เธอรีบผูกผ้าถุงไว้ที่เอวอย่างแน่น แววตาหล่อนจ้องมาที่หน้าเขาแบบไม่กะพริบตา
“ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปแท้ ๆ” ภูดิศพึมพำ
“คุณพาฉันมาที่นี่ คุณต้องการอะไรกันแน่?”
“มากกว่านี้ผมก็ทำได้” ชายหนุ่มยืนประจันหน้ากับเธอเมื่อหญิงสาว ถอยหล่นไปติดผนังห้อง เขาตามไปติด ๆ จนแนบชิดเธฮ
“คอยดูถ้าพ่อเลี้ยงกลับมาฉันจะฟ้องพ่อเลี้ยงแน่”
“ก็เอาสิ!!” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้ ‘อีตาบ้าโรคจิต! คนอะไรรังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิง’
เรือนใหญ่ไม้ซุง สองชั้นอีกหลังหนึ่งที่เธอพักอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่หลังที่เขาพาเธอมาพักในคืนแรก ที่นี่มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเธอคงจะสู้เขาไม่ได้ จึงค่อย ๆ ผ่อนอารมณ์ลงมา
“ไม่มีอะไรแล้วคุณออกไปได้ล่ะ”
“พอผมช่วยคุณเสร็จ คุณก็มาไล่ผมเนี่ยนะ”
“ฉันจะพักผ่อน ขอร้องล่ะ”
ภูดิศขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอแล้ว เพราะตอนนี้เขาเริ่มหมดสนุก จึงยอมเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่ชายหนุ่มออกห้องไปแล้วหญิงสาวรีบไปล็อกประตูทันที หวันยิหวาโทรไปฟ้องดวงใจเรื่องที่เธอถูกภูดิศลวนลาม
“เดี๋ยวแม่จะจัดการให้” พอวางสายจากหวันยิหวา ดวงใจก็โทรไปหาเอียดทันที เธอต่อว่าเขาอย่างรุนแรง โดยอ้างว่าจะไล่เขาออก นายเอียดอ้างว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ เขายอมรับสารภาพเพราะดวงใจขู่จะไล่เขาออก นายเอียดบอกกับดวงใจว่าพ่อเลี้ยงภูดิศพาหวันยิหวาไปเรือนลีลาวดี เธอจึงต่อสายไปที่ภูดิศ
“สวัสดีครับน้าดวงใจ มีอะไรถึงโทรมาหาผมได้ครับ”
“ภูน่าจะรู้ตัวดีนะ.. ว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้”
“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยครับ”
“ทำไมเธอต้องโกหกยิหวาด้วยว่าเป็นนายเอียด”
“ผมไม่ได้โกหกครับ ลูกสาวน้าเขาคิดไปเอง”
หลังจากที่ภูดิศวางสายจากดวงใจแล้ว ชายหนุ่มก็ตรงมาเคาะห้องหญิงสาว หวันยิหวาไม่ยอมเปิดประตู ภูดิศจึงไปเอากุญแจมาไขเปิดเพราะเรือนลีลาวดีเขามีกุญแจทุกห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาได้ หวันยิหวาตกใจมาก ภูดิศรีบต่อว่าเธอทันที
“เรื่องแค่นี้ก็ต้องไปฟ้องแม่เธอด้วยเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ฟ้องแค่แม่ ถ้าฉันมีเบอร์พ่อเลี้ยงก็จะฟ้องพ่อเลี้ยงอีกคน” ชายหนุ่มตรงหน้า หัวเราะขึ้นมาอย่างสะใจ
“ถ้าเธออยากฟ้องนัก ฉันจะทำให้เธอพูดไม่ได้”
สองมือใหญ่ประกบใบหน้าหญิงสาวให้แหงนขึ้นรับริมฝีปากที่ฉกลงมาอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาแรกของหวันยิหวาคือดิ้นรนต่อสู้ ส่งเสียงแต่ว่าเสียงเธออยู่แค่ในลําคอ ตอนนี้มีริมฝีปากหนาประกบอยู่ สองมือร่วมใจกันทุบตีหัวไหล่หนาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เพียงอึดใจเดียวก็ถูกคนที่ตัวใหญ่และมีพละกําลังมากกว่า รวบจับทั้งสองมือไปกดตรึงไว้กับลำตัว คนที่ตัวเล็กกว่าและแรงกายน้อยกว่าแทบทรุด
‘ทําไมเขาทําแบบนี้’ นั่นคือคําถามที่ดังก้องอยู่ในหัว แต่สิ่งที่ร่างกายเธอกําลังรับรู้แทนคําตอบก็คือไอร้อนผ่าวที่มีจุดกําเนิดตรงริมฝีปาก ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วกาย ไม่กี่อึดใจจากนั้นศีรษะจรดปลายเท้าก็สะท้านเยือกจากกระแสไฟไม่ทราบจํานวน มันกําลังแล่นพล่านจากแรงเสียดสีกายต่อกาย ร่างใหญ่ขยับแนบเข้ามาบดเบียดร่างระหงเข้ากับผนังห้อง โดยที่ใบหน้าของทั้งสองไม่ได้เว้นว่างห่างกันแม้เสี้ยววินาที ริมฝีปากที่ถูกครอบครองมานานเกินหนึ่งนาทีเพิ่งหยุดสั่นระริก ความร้อนจากการบดขยี้แทบทําให้ผิวปากบวมเจ่อ เสียงครางประท้วงเงียบไป เหลือเพียงแรงหอบหายใจและการเผยอริมฝีปากขึ้นรับอากาศ แต่สิ่งที่ได้รับกลับไปคือปลายลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้าหาอย่างชํานาญ ชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานละมุนที่ทําให้กายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดถึงกับสะท้าน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้จูบปากผู้หญิงแล้วรู้สึกดีแบบนี้ ความหอมหวานเกินคําบรรยาย กลิ่นกายผู้หญิงคนนี้เร้าอารมณ์เขาอย่างประหลาด และมันประหลาดสุดตรงที่เขานึกไม่ออกว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นไหนยี่ห้ออะไร ทั้งที่เขาค่อนข้างชํานาญเรื่องกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง หวันยิหวาอยากร้องไห้กับจูบแรกที่เสียไปให้ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ เป็นแค่หัวหน้าคนงานทำไมถึงได้กล้าเพียงนี้
“อื้อ!... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวตรงหน้าใช้แรงที่มีทั้งหมดดิ้นและผลักเขาออก
เผี้ยะ!!!! เสียงตบหน้าดังขึ้น
“คุณตบเลย ผมจะจูบคุณเป็นสองเท่า”
สาววัยยี่สิบสองอย่างเธอถึงแม้จะเคยมีแฟนมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยให้แฟนแตะเนื้อต้องตัวกันมากไปกว่าจับมือควงแขน แต่อีตาบ้านี่เป็น ใคร จู่ ๆ มาฉกชิ้นปลามันแถมยังล้วงลึกเข้าไปถึงไหนต่อไหน แล้วที่มันน่าเจ็บใจที่สุดก็คือทําไมเธอถึงไม่รู้สึกรังเกียจขยะแขยงริมฝีปากและปลายลิ้นของผู้ชายคนนี้เลย เพราะเขาเชี่ยวชาญการจูบใช่ไหม เขาจู่โจมว่องไวแต่กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนวูบวาบเกินห้ามใจใช่หรือเปล่า หรือเพราะเธอไม่เคยถูกจูบ จึงไม่รู้ว่าการจูบปากผู้ชายสักคนมันทําให้ผู้หญิงรู้สึกราวกับลอยได้ แบบนี้... แต่ทั้งหมดนี่ก็ไม่ควรเกิดขึ้น ยังไงซะเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า!
เขาดึงเธอมาจูบอีกครั้งอย่างเร่าร้อนกว่าเดิม
“อื้อ!!... ปล่อยฉันนะ!!!”
หล่อนฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มผ่อนแรง สองมือเธอผลักร่างหนาออกให้ห่างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะได้ใช้มือว่างทั้งสองลูบไล้เรือนร่างเธออีกครั้ง เพราะนั่นจะยิ่งทําให้สติของเธอเตลิดไปไกล สัญชาตญาณหญิงบอกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปสําหรับการอยู่ใกล้ ยิ่งถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวยิ่งน่ากลัว เขาเหมือนไฟฉะนั้นเธอต้องไม่ใช่น้ำมัน... คนถูกผลักกระเด็นถอยไปเพียงช่วงเอื้อมมือ แต่ภูดิศไม่คิดจะแตะต้องผู้หญิงคนนี้ซ้ำสองให้ร่างกายเขาสูญเสียการควบคุมอีก ขืนกลับไปจูบเธออีกครั้งเขาต้องจับเธอเปลื้องผ้าตรงนี้แน่ ๆ พอหญิงสาวเอื้อมมือมาจะตบ เขาก็จับข้อมือเธอไว้ได้ทัน เพราะถ้าให้เธอตบ เขาต้องรักษาสัญญานั้นอย่างแน่นอน เขายังอยากเก็บเธอไว้ให้ทรมานช้า ๆ คิดได้ดังนั้น เขาเดินออกห้องไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด