EP 3 ลามก

1287 คำ
หญิงสาวถอนหายใจยาวเหยียดขณะขมวดผมเป็นมวยแล้วเสียบดินสอลงไปง่ายๆ ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งถูกสาดด้วยแสงแห่งอรุณรุ่งจากทางหน้าต่าง จนผิวขาวๆ ยิ่งนวลลออน่าสัมผัสโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าลืมตาเกิดมาบนโลกพร้อมรูปโฉมโนมพรรณชวนเหลียวมองขนาดไหน การแจ้งเตือนของโปรแกรมไลน์ทางคอมพิวเตอร์แสดงผลทันทีที่เธอคลิกออนไลน์ นัยน์ตากลมโตกวาดอ่านข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งทิ้งไว้จาก บ.ก. พี่ต้อง ว่าส่งปกนวนิยายเล่มใหม่มาให้ดู และบอกกำหนดวางแผง เสร็จสรรพ มือบางจึงหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมาจดบันทึก ก่อนชะงักนิดๆ เมื่อเห็นว่าวันนี้เป็นวันที่ 13 เมษายน วันครอบครัว... หวานใจไม่รู้หรอกว่า ‘ครอบครัว’ ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร เธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านโอบรัก ของแม่อ้อย และรับรู้เรื่องราวของแม่ผู้ให้กำเนิดเพียงแค่ว่าท่านมาคลอดและทิ้งเธอไว้ในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าแม่เป็นใคร มาจากไหน หวานใจจึงถูกแม่อ้อยรับไปอุปการะตั้งแต่ยังแบเบาะ เด็กๆ กลุ่มหนึ่งถูกรับไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมของครอบครัวที่ไม่สามารถมีบุตรได้และมีคุณสมบัติเหมาะสม กลุ่มหนึ่งไม่มีที่พึ่งใดนอกจากแม่อ้อย และอีกกลุ่มมีพ่อแม่อุปการะส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรี หวานใจเป็นกลุ่มหลัง เธอมี ‘พ่ออุปการะ’ ที่อยู่ต่างประเทศจึงไม่เคยได้พบกัน นอกจากคุยกันผ่านจดหมายที่ท่านฝากทนายนำมาส่งและรับจดหมายตอบของเธอเท่านั้น และระยะหลังๆ ก็เปลี่ยนมาคุยกันทางอีเมลแทน เสียงเตือนของโปรแกรมไลน์ ฉุดหญิงสาวออกจากภวังค์ ก่อนปลายนิ้วเรียวจะพิมพ์ข้อความตอบ บ.ก.พี่ต้องที่ไต่ถามเรื่องผลงานนวนิยายเรื่องใหม่และเดดไลน์การส่งงานครั้งต่อไป พี่ต้อง : ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปรดน้ำดำหัวม่ามี๊ก่อน อ้อ! สุขสันต์วันสงกรานต์จ้ะ ขอให้ร่ำรวยๆ ความคิดลื่นไหล ส่งนิยายเรื่องใหม่มาให้พี่ทันเดดไลน์นะคะคุณลูกขาาา บอกจบก็คงปิดโปรแกรมไลน์ไป เพราะไม่ได้เปิดอ่านข้อความที่หวานใจตอบกลับไปอีก นักเขียนสาวนั่งกอดเข่าอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดด้วยความรู้สึกเหงาลึกอย่างประหลาด พี่ต้องเป็นสาวประเภทสองวัยดึกที่ชอบเรียกบรรดานักเขียนรุ่นใหม่แบบเธอว่า ‘คุณลูก’ ซึ่งหวานใจชินแล้ว แต่พอมาเป็นวันนี้ ‘วันครอบครัว’ หญิงสาวก็อดคิดถึงแม่แท้ๆ ของตัวเองไม่ได้ ป่านนี้ท่านจะทำอะไร อยู่ที่ไหนหนอ... จะลืมไปหรือยังว่ามีเธอเป็น ‘ลูกสาว’ อยู่อีกทั้งคน ละอองน้ำจากแก้วกาแฟทรงสูงไหลหยดลงสู่ผ้ารองแก้วเป็นทาง ก่อนที่มือบางจะเอื้อมไปหยิบมาชิม และจัดการอาหารเช้ามื้อนั้นท่ามกลางความเงียบงัน ที่มีเพียงเสียงรถราจอแจและเสียงผู้คนเล่นน้ำสงกรานต์เฮฮาจากสี่แยกกลางเมืองด้านข้างคอนโดมิเนียมดังลอดเข้ามาแผ่วเบา เหมือนดั่งผู้คนนับล้านภายนอกห้องชุดเล็กๆ แห่งนั้น อยู่บนโลกคนละใบกันกับเธอ... อากาศยามบ่ายร้อนอบอ้าวสมกับเป็นช่วงเทศกาลแห่งการสาดน้ำ หวานใจลงมาจากคอนโดมิเนียมในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายลายดอกเล็กๆ สีชมพูผูกเอว กับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาสลักเสลาและรองเท้าแตะคู่ใจ ร่างระหงก้าวลงจากบันไดทางเข้าเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีขาวเลื่อนมาจอดรอตามนัด ก่อนเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างคุ้นเคย เงียบ... รถไม่แล่นออกไปทันทีเหมือนทุกครั้ง จนหญิงสาวต้องหันมองสารถีที่อาสาพาเธอไปรดน้ำดำหัวแม่อ้อยอย่างไม่เข้าใจ เธอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทขมวดมุ่น และนัยน์ตาคมกริบกำลังมองหน้าสลับกับขาขาวๆ ของเธอ “ลามก” เอ่ยบอกเสียงเรียบ สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ก่อนปกปิดเรียวขาด้วยกระเป๋าสะพายกันน้ำจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง “เฮ้ย เปล่า!” อัศนีจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกใส่ร้าย เขาน่ะหรือจะคิดลามกกับหวานใจ ฝันไปเหอะ! ชายหนุ่มรีบเข้าเกียร์เดินหน้าไปยังจุดกลับรถ เพื่อออกมาผจญกับปรากฏการณ์รถติดที่ติดหนักกว่าทุกวัน ทั้งที่รถราน้อยลง แต่ติดตรงบรรดารถเล่นน้ำตรงทางออกพอดี ปากก็บ่นงึมงำว่า ‘สั้นเกินไปนะ’ โดยไม่ทันสังเกตว่าหวานใจหันไปแอบอมยิ้มอีกทาง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าต่อให้คนทั้งโลกเป็นศัตรูกับเธอ อัศนีคือคนแรกๆ ที่จะก้าวมาอยู่ข้างเธอเสมอ ความที่เธอเก่งฉกาจเรื่องการทำ ‘หน้าตาย’ เลยอาจดูเหมือนจะตำหนิอัศนีจริงจัง แต่เปล่าหรอก... เธอก็แค่แกล้งหยอกเขาเล่นเท่านั้น รถติดยาวเหยียดเห็นไฟแดงอยู่ไกลลิบ อัศนีเข้าเกียร์ว่างไว้ ขณะเอื้อมมือไปลดเสียงเพลงที่ดังกระหึมให้เบาลงนิดหนึ่ง เขาผิวปากตามท่วงทำนองและเคาะปลายนิ้วกับพวงมาลัยรถอย่างอารมณ์ดีได้ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ก็หันมาสนอกสนใจขากางเกงขาสั้นที่ยาวเหนือเข่ากว่าคืบของหวานใจอีกหน “มันสั้นไปนะ” เจ้าของกางเกงสั้นเกินไปหันมาหัวเราะ ก่อนเอ่ยบอกอย่างอ่อนใจ “เดี๋ยวไปถึงบ้านแม่อ้อยแล้ว จะยืมกางเกงขายาวของสร้อยมาใส่ก่อน ดีไหม?” สร้อยคือเด็กสาวอายุสิบแปดย่างสิบเก้าปีที่มีบ้านเป็นเพิงสังกะสีเล็กๆ อยู่ใกล้กับยายสองคนใกล้ๆ กับบ้านโอบรัก ยายของสร้อยมีอาชีพเก็บของเก่าขาย ไม่มีเงินส่งสร้อยเรียน แม่อ้อยเมตตาจึงส่งเรียน กศน. จนจบ ม.3 และจ้างไว้ให้ช่วยงานภายในบ้าน เมื่ออัศนีได้ยินดังนั้น คิ้วเข้มๆ จึงคลายปม สีหน้ารื่นรมย์ขึ้นทันตา “ดีสิ” เขาตอบ ก่อนสลับเกียร์รถเมื่อเห็นสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ว่าแต่เมื่อเดือนที่แล้วทำไมถึงสละสิทธิ์ ไม่ไปดินเนอร์ล่ะ?” “ดินเนอร์?” หวานใจทวนคำ ก่อนร้องอ๋อในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอัศนีเคยชวนให้ส่งชิ้นส่วนของห่อราเมงสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งไปชิงรางวัลกับรายการเกมโชว์ของช่องที่ครอบครัวของอัศนีเป็นเจ้าของ เห็นว่ารางวัลที่หนึ่งคือการดินเนอร์สองต่อสองกับดาราบนเรือยอร์ชใต้แสงเทียน แต่หวานใจสนใจรางวัลที่สองต่างหาก เดลิเวอร์รี่ของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของรายการ หนึ่งปีเต็มเชียวนะ! สำหรับสาวที่กึ่งๆ จะเป็นฮิคิโคโมริ[1]อยู่รอมร่อแบบหวานใจ รางวัลนั้นก็จัดว่าเป็นสวรรค์สำหรับเธอเลยล่ะ ก็ร้านข้าวในห้องอาหารของคอนโดไม่มีร้านไหนถูกปากเธอเลยนี่นา จนหวานใจต้องสั่งแต่พิซซ่า ไม่ก็ไก่ทอดมากินตลอด เบื่อจะแย่... ลาลูเช่คอฟฟีใต้คอนโดก็เป็นสาขาเล็กๆ มีแต่ขนมกับกาแฟ ไม่มีอาหารหนักๆ เหมือนสาขาอื่น เฮ้อ! คิดแล้วก็ยังเสียดายไม่หาย [1] Hikikomori Syndrome เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่มีมากในญี่ปุ่น ผู้ป่วยจะแยกตัวออกจากสังคม เก็บตัวอยู่เฉพาะในห้องส่วนตัวหรือในบ้านเป็นแรมเดือนหรือแรมปี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม