ร่างบอบบางชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นผู้คนละลานตา หากแต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบอาศัยความชุลมุนแทรกตัวออกมาจากสถานที่แห่งนั้น แม้รู้ว่าอัศนีกับ ‘เพื่อน’ ของเขา ก้าวตามมาด้วยห่างๆ... ช่างสิ! แม้ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเล่นบ้าอะไรกัน แต่เธอไม่ชอบตกเป็นเหยื่อให้ใครต่อใครปั่นหัวหรอกนะ
ถึงคนๆ นั้นจะเป็นอัศนี เพื่อนที่เธอรักมากก็ตาม...
ร่างบอบบางที่เปียกน้ำจากฝักบัวเมื่อครู่ ก้าวเดินอย่างมั่นคงไปตามบาทวิถีในซอยเล็กๆ ที่เห็นถนนใหญ่อยู่ไกลลิบ ริมสองข้างทางมีการตั้งถังเล่นน้ำสงกรานต์กันประปราย หวานใจก้มหน้าก้มตา ไม่สนใจว่าใครต่อใครจะสาดน้ำมาก็ช่าง
กระทั่งจู่ๆ ข้อมือบางกลับถูกฉุดกะทันหัน!
อารามตกใจทำให้เธอหันกลับไปพร้อมกับเงื้อมือขึ้นเพื่อป้องกันตัว หากแต่แรงฉุดจากมือหนาให้ตัวเธอหลบด้านหลังแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่า กับวัยรุ่นชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีจัดจ้าน โกรกผมสีทองอร่ามสามคนที่รีบยกมือเปรอะแป้งขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ตรงหน้าชายร่างสูงเกือบๆ สองเมตรคนนี้
ก็ทำให้หวานใจชะงัก...
ปิ๊น!
เสียงแตรรถนั้นเรียกให้ปฏิญญาละสายตาดุๆ จากแก๊งเด็กหนุ่มที่เขาเห็นกระซิบกระซาบอะไรกันมาแต่ไกลแล้ว ซ้ำร้ายยังพากันขยำมือกับดินสอพองในขันพลาสติกด้วยสีหน้าสีตาหื่นกระหายและยกมือจดๆ จ้องๆ รอหวานใจก้าวเดินไปถึง ชายหนุ่มเหลือบมองที่ถนนข้างทางเห็นอัศนีเลื่อนรถตามมาทันพอดี ถึงปล่อยมือจากหญิงสาว และแตะแขนเธอให้ตามมายังรถสปอร์ตคันนั้น
“ปล่อยนะ!”
เธอสะบัดหนีเมื่อตั้งสติได้ และนั่นทำให้มือหนาคว้าหมับที่ข้อมือนุ่ม ขณะที่กำลังเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมออกคำสั่งอย่างลืมตัว
“เข้าไปซะ”
เหมือนมีบางอย่างในประกายตาคมๆ คู่นั้นที่ทำให้หญิงสาวผู้ไม่เคยยอมอ่อนให้ใครนอกจากแม่อ้อย กลับรู้สึกราวกับหัวใจดวงน้อยถูกตะคริวกินไปชั่วขณะ เธอยืนนิ่ง มองสบตาเขา ก่อนสะบัดหน้าหนีแล้วก้าวเข้าไปในรถคันงามที่เคยคุ้นด้วยอากัปกิริยาหลังตรงหน้านิ่ง
ปฏิญญาจึงวางใจและตวัดสายตาคมปราดกลับไปมองดุกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่หมายใจจะลวนลามเธอเป็นการสำทับว่าหากมีครั้งต่อไป
ได้มีเรื่องกันแน่!
“ดุฉิบหาย” ใครคนหนึ่งเปรยออกมาเหยียดๆ ทั้งที่นัยน์ตายังหลุกหลิกอย่างประหวั่น เมื่อรถคันหรูสีขาวเลื่อนออกจากหน้าบ้านตนไป
“ดาราหรือเปล่าวะ? หน้าแม่ง... โคตรคุ้น”
“เออ ดารา” เพื่อนคนหนึ่งตอบ “ปล่อยแม่งไปเหอะ มันต้องใช้หน้าตาหากิน เนี่ย! กูไม่อยากจะอะไรด้วยก็เพราะเป็นคนจิตใจงามเว้ย พวกมึงด้วยใช่ปะ? อีโธ่! ทำเป็นมาเบ่งแถวนี้ ไม่รู้ซะแล้วว่าถิ่นใครเป็นถิ่นใคร”
“ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเรามีน้ำจิตน้ำใจ ไม่ปล่อยไปหรอกโว้ย!”
เสียงเฮตอบดังลั่นก่อนหันไปสนุกสนานกับเทศกาลกันต่อ แม้จะแอบสะดุ้งในใจกันถ้วนหน้าเมื่อรถสีขาวคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาในซอยสวนกับรถคันนั้นก็ตาม
แม่งเสือกสีขาวเหมือนกัน...
นึกว่าพวกนั้นย้อนกลับมาเสียอีก หัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่ม!
บรรยากาศภายในรถคันนั้นเงียบกริบ...
อัศนีแอบเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างตนเป็นระยะ และอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ปฏิญญาทางกระจกมองหลัง ก่อนจะเห็นเพื่อนหนุ่มส่งสัญญาณมือมาว่า ‘ไม่ได้นอกแผนเลยจริงๆ นะ!’ จากนั้นปฏิญญาก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง เหอะ... จากที่คบหากันมาทำให้เขาเชื่อ... ตายล่ะ! หมอนั่นต้องทำอะไรสักอย่างแน่ อย่างเช่นหลอกเต๊ะอั๋งเธอ ทั้งที่เขาเตือนแล้วว่าอย่าบุ่มบ่าม เขาล่ะอุตส่าห์ช่วยทุกอย่าง วางแผนอย่างชาญฉลาด และเตือนแล้วเตือนอีกอีกอย่างว่าหวานใจเกลียดที่สุดคือการถูกออกคำสั่ง...
แต่เพื่อนเขาก็ทำเสียแผนทุกทีสิน่า!
สามชีวิตภายในรถทำอย่างเดียวกันคือต่างคนต่างจมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเอง ปฏิญญาอดเสียใจลึกๆ ไม่ได้ที่เผลอดุหวานใจ ทั้งที่ใครๆ ก็เคยเตือนให้เขาใจเย็นเพราะเวลาชายหนุ่มโกรธ เขาดูน่ากลัวแบบที่ตัวเองยังคาดไม่ถึงมาก่อนเลย หากไม่ใช่ว่าได้เห็นทางจอทีวีเวลาแสดงละคร... แต่มันน่าโมโหจริงๆ นี่นา! เธอเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาแบบนั้น หากเขาตามไปไม่ทัน
ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรกับเธอบ้าง
หวานใจก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่วางบนตัก เธอไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้นักว่ากำลังโกรธที่ถูกปั่นหัว หรืออดไม่ได้ที่จะตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปกันแน่ ถ้าเขาตามมาไม่ทัน โอ... เธอเดาไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรกับตัวเอง
รถจอดสนิท อัศนีพ่นลมหายใจยาวเหยียดก่อนปลดออโต้ล็อคปล่อยให้ร่างบางของเพื่อนสาวก้าวพรวดพราดออกไปจากรถทันทีอย่างที่คิดไว้ เขาเปิดประตูก้าวตามออกไป ก่อนโยนกุญแจรถให้ปฏิญญาที่ก้าวตามลงมาด้วยอีกคน
“เอารถไปจอดให้หน่อย เดี๋ยวฉันคุยกับแอ้มเอง”
“เฮ้ย!...”
อุทานไม่ทันจบ ร่างโปร่งสูงของคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายก็วิ่งลิ่วตามหวานใจไปติดๆ ปล่อยให้คนถูกสั่งให้เอารถไปเก็บก้มมองกุญแจในมือสลับกับแผ่นหลังของเพื่อนที่ไกลออกไปทุกทีก่อนตะโกนตามดังลั่น
“ฉันไม่ใช่เด็กรับรถนะโว้ย!”
“เดี๋ยวก่อน แอ้ม!”
มือหนาที่ยื่นมาดันประตูไว้ได้ทันท่วงทีทำให้หวานใจไม่กล้ากระแทกประตูปิดเพราะจริงๆ ก็อดกลัวว่าเขาจะเจ็บตัวไม่ได้ หญิงสาวค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกอีกหน เมื่อเห็นว่ามีอัศนีคนเดียวยืนหอบอยู่หน้าห้อง ดูเหมือนจะวิ่งขึ้นบันไดตามมา... ก็รีบกระชากอกเสื้อเขาเข้ามา ก่อนปิดประตูล็อคแน่นหนา
“สายฟ้าเล่นอะไร”
เธอโยนกระเป๋าลงบนโซฟา ก่อนกระแทกตัวลงนั่งกอดอก นัยน์ตาขุ่นขวางมองตามร่างสูงของเพื่อนชายที่เดินไปนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแทบไม่กะพริบ “หมอนั่นเป็นดารา เป็นคนดัง ทำไมถึงมาส่งกาแฟที่ห้องเราทุกเช้าได้? เขาเป็นเพื่อนนาย... อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเป็นแผนอะไรสักอย่างของพวกนายน่ะ ถ้าตอบว่าแอบถ่ายเรียลลิตี้อะไรสักอย่างอยู่ล่ะก็ เราจะโกรธนายยันลูกบวชเลยคอยดู!”
คนไม่ค่อยพูด... เวลาโกรธขึ้นมาก็ไซโคได้ไฟแลบจนอัศนีได้แต่ยิ้มแหย ก่อนยกมือโบกปฏิเสธอย่างหนักแน่น