“อะไร...เลียม...คุณจะทำอะไร...ไม่!”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อคนที่เธอพูดด้วยหันกลับไปและเริ่มประเคนหมัดลงตรงช่องท้องของเซอร์เรนัล์ฟจนตัวคู้ ไม่มีเสียงร้องจากชายหนุ่มนอกจากใบหน้าบิดเบี้ยวและแววตาที่ยังมีร่องรอยของความห่วงหามองมาที่หญิงคนรัก
“อย่าทำอะไรเขา!...ไคลน์...ไม่!...ไม่!”
อิสลินได้แต่ตะโกนเสียงแหบแห้งเมื่อเลียมพุ่งหมัดลงไปบนใบหน้าของคนหมดทางตอบโต้อีกหลายครั้ง หญิงสาวหัวใจแทบขาดออกจากกันเมื่อเห็นเซอร์เรนัล์ฟถูกทั้งหมัดและเข่าจากบอดี้การ์ดของบิดาจนอ่อนยวบ
“ไคลน์!”
เจ้าของเสียงร้องดังได้ก็แค่ต้องมองภาพของชายที่รักถูกทำร้ายโดยเธอไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย ร่างสูงต้องบอบช้ำอย่างหนัก เบ้าตาและโหนกแก้มแตกเป็นแผลยับจนเลือดอาบใบหน้า ริมฝีปากถูกหมัดพุ่งใส่จนโลหิตกบและหยดลงบนเสื้อจนแดงไปหมด เซอร์เรนัล์ฟหอบหายใจแผ่วขณะร่างกายนั้นอ่อนเปลี้ย เขาหมดแรงลงทีละน้อยจนทรุดลงบนฟองคลื่น
“อีฟ”
ชายหนุ่มขานชื่อหญิงสาวเสียงแห้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคว่ำหน้าลงในน้ำ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าพวกบอดี้การ์ดหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปในทะเลก่อนจะโยนเซอร์เรนัล์ฟให้ลอยไปตามแรงคลื่น
“ทำไมทำกันถึงขนาดนี้! เลียม...ไคลน์ไม่ผิดอะไร พวกคุณฆ่าเขา พวกฆาตกร!”
“คุณหนูครับ” เลียมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น
“ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนล ผมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด”
“แต่คุณพ่อสั่งให้พวกคุณฆ่าคน...โอ! ไม่...ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยไคลน์!”
อิสลินร้องไห้อย่างสิ้นหวังเมื่อการดิ้นรนไม่สัมฤทธิ์ผล เธอได้แต่มองร่างที่ถูกคลื่นพัดห่างจากชายฝั่งค่อย ๆ หายไปในความมืด หญิงสาวคาดไม่ถึงว่าคืนแห่งรักจะกลับกลายเป็นคืนวิปโยคและเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าเซอร์เรนัล์ฟ
“ปล่อยฉัน!...พวกฆาตกร...พวกฆาตกร!”
เสียงกรีดร้องนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปจากชายหาดเปลี่ยวที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาเมื่อร่างบางออกแรงดิ้นถูกลากกลับไปยังรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ไม่ไกล ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเศร้าสลดแก่หญิงสาวที่ร่ำร้องด้วยความรวดร้าวแทบขาดใจ
“แกกล้ามาก อีฟ ที่แอบหนีไปอยู่กับไอ้หนุ่มอเมริกันกระจอกนั่นไกลถึงโมนาโก แกช่างไม่รักษาหน้าของพ่อแกบ้างเลย!”
เสียงดุดันดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เบอร์กแทรนช์ซึ่งชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเอามือไพล่หลังไปมาต่อหน้าร่างเล็กที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตานั่งรับฟังผู้เป็นบิดาก่นว่าตั้งแต่กลับมาถึง อาร์โนลไล่บอดี้การ์ดและแม่บ้านทุกคนออกจากห้องนั้นเหลือเพียงเขาและบุตรสาวหัวรั้นที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง อิสลินยังคงนั่งเงียบ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่มีเสียงและไม่ยอมพูดอะไรนอกจากกัดปากตัวเองจนห้อเลือด
“แกขัดคำสั่งพ่อมาหลายหน บอกแล้วอย่างไรว่าพ่อไม่อยากให้แกไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้ผู้ชายคนนั้น!”
“เรารักกันค่ะ คุณพ่อ! เหตุผลอะไรที่คุณพ่อต้องมากีดกันหนูกับไคลน์แบบนี้!”
คำโต้เถียงแรกหลุดจากปากของหญิงสาวและทำให้ชายวัยกลางคนตาวาวด้วยความเดือดดาล
“เหตุผลอย่างนั้นหรือ...เพราะมันเป็นคนไม่มีอะไร แกได้ยินชัดมั้ย อีฟ!...มันเลี้ยงดูแกให้อยู่สุขสบายเหมือนที่อยู่กับพ่อของแกไม่ได้หรอก!”
“คุณพ่อก็เลยให้พวกบอดี้การ์ดทำร้ายเขา คุณพ่อรู้มั้ยคะว่าฆาตกรพวกนั้นฆ่าไคลน์เมื่อคืนนี้!”
หญิงสาวกรีดเสียงแหลมโต้ตอบไม่ลดละในขณะที่อาร์โนลเป็นฝ่ายเงียบไปพักใหญ่ เขามองดูบุตรสาวหลั่งน้ำตาและทอดถอนใจด้วยความอัดอั้นหลายต่อหลายครั้ง ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าใบหน้ายังมีเค้าความคมคายภายใต้เรือนผมสีดอกเลาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจมือทองของเกาะอังกฤษส่ายหน้าไปมาอย่างนึกระอาในหัวใจ เขาเป็นคนส่งบอดี้การ์ดไปมอนติคาร์โลทันทีที่สืบรู้ว่าอิสลินเดินทางไปไหนเพราะนึกสงสัยอยู่แล้วว่าบุตรสาวต้องโกหกเขาเพื่อแอบหนีไปอยู่กับคนรัก
“อีฟ...พ่อมีลูกคนเดียว ในเมื่อแม่ของแกก็จากไปแล้ว ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้แกก็คงไปกับผู้ชายคนนั้นไกลแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะกลับเมืองไทย กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับญาติของคุณแม่ที่เมืองไทย หนูไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!”
คำกล่าวตัดเยื่อใยนั้นทำให้อาร์โนลดวงตาวาวโรจน์
“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อีฟ”
“แต่หนูไม่อยากอยู่กับคุณพ่อที่ใช้อำนาจทำอะไรก็ได้แม้กระทั่งฆ่าคน คุณพ่อไม่เคยสนใจเลยว่าคนอื่นจะเป็นยังไง คุณพ่อใช้อำนาจเงินทำลายชีวิตคนที่หนูรัก ต่อไปถ้าหนูรักใครอีกคุณพ่อก็คงจะทำแบบนี้ไปอีกเรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ!”
“แกไม่เข้าใจหรอก อีฟ! แกไม่เข้าใจว่าพ่อของแกตอนนี้ไม่ใช่อาร์โนล เบอร์กแทรนช์ที่มีอำนาจอยากทำอะไรก็ได้ตามใจอย่างแต่ก่อน เพราะแกเองก็ไม่เคยรับรู้ว่าพ่อของแกต้องประสปปัญหาอะไรบ้าง!”
พออาร์โนลพูดจบอิสลินก็ลุกขึ้นและมองบิดาที่ไม่ยอมสบนัยน์ตาแสดงความกังขานั่นแม้แต่น้อย ปกติเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่บิดาตัดสินใจทำอะไรลงไปก็ไม่กังวลถึงผลที่ตามมาเสมอ เวลานี้ถึงความเสียใจจะมากมายเท่าใดแต่ก็ยังสังเกตได้ถึงบางสิ่งบางอย่างผิดปกติฉายออกมาจากแววตาของอีกฝ่าย