“อืม...เช้าแล้วหรือคะ ไคลน์?”
ร่างอรชรเริ่มงัวเงียขณะเบียดลำตัวเข้าหาคนตัวโตที่พลิกตะแคงมากอดเธอไว้
“ยังเที่ยงคืนอยู่เลย คุณหิวแล้วหรือ อีฟ?”
คำกระเซ้าของชายนุ่มทำให้ใบหน้าหวานที่เพิ่งปรือตาตื่นแดงซ่านขึ้นมาอีกหน
“ไคลน์...คุณนี่จริง ๆ เลยนะคะ ดึกแบบนี้ใครจะหิวอยู่ได้”
“ผมนี่ไง ผมเริ่มหิวคุณอีกแล้ว”
เซอร์เรนัล์ฟพลิกตัวขึ้นทาบทับร่างเล็กและกดริมฝีปากหนาได้รูปลงบนกลีบปากละมุนที่ยังบวมแดงน้อย ๆ จากการที่เขาตระโบมจูบเธอแทบไม่หยุดพัก อิสลินยอมรับความวาบหวามนั้นแต่โดยดีก่อนกระซิบเสียงสั่นพร่าพอเขาถอนริมฝีปากออก
“ไคลน์คะ...คุณจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะชวนคุณออกไปเดินเล่นที่ชายหาด”
“ดึกๆ แบบนี้นี่นะ”
“ค่ะ...ก็ฉันไม่เคยมาที่นี่ มีคนบอกว่าหาดมอนติคาร์โลสวยมาก ฉันเลยอยากเห็นทะเลใต้แสงจันทร์ตอนเที่ยงคืน”
“คุณเดินไหวหรือ อีฟ?”
ชายหนุ่มกระเซ้าด้วยแววตากรุ้มกริ่ม อิสลินรู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไรเพราะรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งเริ่มดุนดันอยู่บนต้นขา เซอร์เรนัล์ฟคงอยากรักเธออีกครั้งแต่หญิงสาวอยากเก็บแบบฝึกหัดอันวาบหวามไว้หลังจากนี้จึงออดอ้อนกลับไปอย่างน่ารักน่าใคร่
“ไหวสิคะ ไคลน์...แต่เราอาจค้นพบอะไรใหม่ ๆ ริมชายหาดอีกก็ได้นะคะ”
“อีฟ...คุณกำลังทำให้ผมคลั่งตายรู้มั้ย”
ใบหน้าคมคายโน้มลงไปดูดดื่มความหวานจากเรียวปากจิ้มลิ้มอีกครั้งและต่างลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าของกันและกันเนิ่นนานก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าและพากันออกไปจากบ้านพักตากอากาศเพื่อเดินเล่นบนชายหาที่มีแต่ทรายและน้ำอาบแสงสีเงินใต้ท้องฟ้ากระจ่างด้วยพระจันทร์เต็มดวง
“กลับไปคราวนี้คุณคงต้องหาข้อแก้ตัวไม่ให้พ่อของคุณจับได้ว่ามาพบกับผมที่มอนติคาร์โล”
เซอร์เรนัล์ฟในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนถึงข้อศอกและกางเกงสแล็คพับขาขึ้นมาถึงเข่ากล่าวขึ้นขณะโอบไหล่ของอิสลินและเดินลุยฟองคลื่นไปบนหาดอันเงียบสงบในยามดึกสงัดที่แสงเงินยวงสาดกระทบริ้วน้ำในท้องทะเลกว้างใหญ่
“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”
“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ”
ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก
“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน”
“ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”
อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต
“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”
“อีฟ...”
เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน
“กลับบ้านพักกันเถอะ เราออกมาไกลมากแล้ว”
ร่างสูงใหญ่กระซิบชิดริมฝีปากอุ่นและได้รับคำตอบจากหญิงสาวเป็นการพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะบ่ายหน้ากลับที่พักก็มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายในชุดสูทสีดำสี่คนเดินตรงมาจากบนชายหาด
“เลียม!”
อิสลินออกอาการตระหนกและกอดเซอร์เรนัล์ฟที่ก็ตกใจไม่แพ้กันไว้แน่น หญิงสาวไม่นึกว่าบอดี้การ์ดของบิดาจะตามมาถึงที่นี่
“คุณหนูครับ คุณอาร์โนลให้มารับคุณหนูกลับบ้านครับ”
หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นชายร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแกมบังคับ แต่อิสลินส่ายหน้าไปมาขณะรัดแขนรอบเอวเซอร์เรนัล์ฟไม่ยอมปล่อย
“ไม่!...คนที่ต้องกลับไปคือพวกคุณนั่นแหละ...เลียม...ฉันจะอยู่ที่นี่ และจะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ฉันอยากจะอยู่”
“ผมเกรงว่าจะปล่อยคุณหนูไว้ที่นี่ไม่ได้ครับ เพราะนี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนลให้พาคุณหนูกลับบ้านตอนนี้”
“ไม่!”
“อีฟ!”
เซอร์เรนัล์ฟพยายามกอดร่างบางที่ถูกชายอีกคนเข้ามารั้งตัวออกไปแต่เขาเพียงคนเดียวสู้แรงของชายตัวใหญ่อีกสองคนที่ล็อคแขนทั้งสองข้างไว้ไม่ได้ ชายหนุ่มฝืนกำลังสุดแรงเมื่อเห็นอิสลินที่ร่ำร้องไห้ถูกลากไปอยู่หลังหัวหน้าบอดี้การ์ดที่ยืนมองด้วยสายตาเยียบเย็น
“ปล่อยเธอ! ปล่อยอีฟ!”
“ไคลน์!”
หญิงสาวร้องไห้และพยายามดิ้รนแต่ก็ไม่พ้นชายร่างยักษ์ที่ดึงข้อมือและกักร่างของเธอไว้แน่น
“ฉันจะกลับไปพร้อมคุณ...เลียม! แต่อย่าทำอะไรเขา อย่าทำอะไรเขา ได้โปรด!”
อิสลินร้องบอกบอดี้การ์ดเพื่อขอต่อรองเมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะเลวร้ายมากกว่าเก่า เธอไม่นึกห่วงตัวเองสักนิดแต่คนที่เธอห่วงใยมากที่สุดคือชายหนุ่มที่ถูกล็อคแขนเอามือไพล่หลังเหมือนเชลย เลียมหันกลับมายังร่างเล็กด้วยสีหน้าและแววตาราวกับหุ่นยนต์
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ คุณหนู...นอกจากคุณอาร์โนลจะสั่งให้ผมพาคุณหนูกลับบ้าน ยังมีอีกอย่างที่ต้องทำ”