หลี่อิงอิงไม่พูดเปล่าเตรียมจะเดินจากไปทำในสิ่งที่พูด เล่นเอาคนบริเวณนั้นตกใจไปตามๆกัน ไม่คิดว่าเธอจะบ้าดีเดือดขนาดนี้
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมว่าคุยกันดีๆ ก่อนดีกว่านะครับ อย่างน้อยๆก็เป็นญาติกัน” เจ้าหน้าที่แทบจะปาดเหงื่อกับสิ่งที่ต้องเจอ
“ไม่คุยแล้วค่ะ เหนื่อยที่จะคุย เผาเลยง่ายกว่า และฉันก็ไม่ผิดด้วย ในเมื่อเป็นบ้านของฉัน จะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน” หลี่อิงอิงไม่ยอม เธอขี้เกียจคุยแล้ว เผาแล้วสร้างใหม่ง่ายกว่า ถึงแม้จะเสียดายแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่ใช่หลี่อิงอิงตัวจริงเธอย่อมไม่มีความผูกพันกับบ้านหลังนี้อยู่แล้ว
“เสี่ยวหลินไปกันเถอะ เธอหาผ้าเก่าให้ฉันหน่อย เอ๊ะ! ไม่ต้องดีกว่า เพราะในบ้านนั้นมีของอยู่มากมายจุดไฟโยนใส่ทีเดียวไหม้เรียบ”
หลี่อิงอิงยังหันไปคุยกับสหายเหมือนว่าเรื่องนี้คือเรื่องปกติสำหรับเธอ
“ไม่ได้นะ นังอิงอิง ของในบ้านนั้นมันเป็นของฉัน” หลี่เหยาร้องเรียกอย่างตกใจ แค่พูดว่าจะเผาบ้านเธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว นี่ยังจะบอกว่าเอาของในบ้านมาเป็นเชื้อเพลิงอีก เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด ของแต่ละอย่างเธอซื้อมาจากในห้างของรัฐแพงๆทั้งนั้น
“ฉันไม่สน เพราะมันบ้านของฉัน” หลี่อิงอิงไม่สนใจ วันนี้ใครก็ห้ามเธอไม่ได้ หากพวกนี้ไม่ย้ายออก เธอเผาจริงๆ
ลุงใหญ่หลี่คงที่ยืนอยู่กับครอบครัวของเขาก็พูดกับลูกชาย
“เจ้าใหญ่เจ้ารองไปดูน้องหน่อย”
“ครับพ่อ/ครับพ่อ” หลี่ฮุ่ยหมินและหลี่ฮุ่ยหยางรับคำพ่อก็เดินไปหาน้องสาวบ้านสามเดินไปประกบเธอทั้งสองข้างซ้ายขวา แต่ทำทีไปเหมือนจะห้าม
“อิงอิง อย่าใจร้อน พี่ว่าเราควรจะใจเย็นนะ” หลี่ฮุ่ยหมินพูดกับน้องสาวน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสามคน
“อิงอิง นี่น้องกำลังเล่นอะไร พ่อกับแม่ตกใจจนให้พี่เข้ามาถาม”
“นั่นสิ อิงอิง แล้วน้องมั่นใจยังไงว่าอารองและครอบครัวจะย้ายออก” หลี่ฮุ่ยหยางเองก็ไม่เข้าใจว่าน้องสาวคนนี้กำลังเล่นอะไร เมื่อก่อนหลี่อิงอิงนั้นเป็นคนเงียบๆ ไม่สู้คน คอยแต่หลบหน้าหลบตา แต่วันนี้ทำไมน้องสาวของเขาถึงกลายเป็นสู้คนไปได้ แต่เขาก็ชอบแบบนี้นะ
“ฉันไม่ได้เล่นนะพี่ใหญ่พี่รอง ฉันเอาจริง ไม่ย้ายออกใช่ไหม เผาแล้วสร้างใหม่ก็หมดเรื่อง จบปัญหา” หลี่อิงอิงยักไหล่ตอบ
“พวกพี่ก็เถอะ เป็นหลานชายแท้ๆ แต่ไม่เคยอยู่ในสายตา เอางี้ มาช่วยฉันเผาบ้านก่อน ถ้าหากปู่ไม่พอใจจนโดนไล่ออกจากบ้าน ก็ให้ลุงใหญ่ตัดขาดไปเลย แล้วมาอยู่ด้วยกัน ตกลงไหม”
สองพี่น้องไม่ต้องใช้เวลาคิดจึงได้ตอบตกลง เพราะเขาอยากให้พ่อและแม่แยกบ้านออกมานานแล้ว ด้วยพ่อเป็นลูกชายคนโตจึงลำบากในการแยกบ้าน แต่ถ้าหากอารองกลับไปอยู่บ้านปู่ มันก็จะง่ายขึ้น
เมื่อทั้งสามคนมองหน้ากันต่างก็พากันยิ้มกับความคิดของตัวเอง กลายเป็นว่าแทนที่สองพี่น้องบ้านใหญ่จะห้ามกลับเอาด้วยกับน้องสาว จนคนเป็นปู่ต้องร้องถามเสียงหลง ส่วนคนเป็นพ่อแม่อย่างหลี่คงและกุ้ยฮวาต่างเอามือตบหน้าผากตัวเอง
"ฮุ่ยหมิน ฮุ่ยหยาง พวกแกกำลังจะทำอะไร"
“ก็มาช่วยอิงอิงไงครับปู่ น้องตัวแค่นี้จะเผาบ้านคนเดียวได้ยังไง เราเป็นพี่ชายเราก็ต้องช่วยน้องไม่ใช่หรือยังไงครับ”
หลี่ฮุ่นหมินตอบตามแบบฉบับของเขา ทำให้คนเป็นปู่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“แกจะบ้าเหรอ หากว่าเผาแล้วอารองของแกจะทำยังไง”
“อ้าว บ้านนี้ก็บ้านของอิงอิง ในเมื่อน้องอยากเผาใครจะห้ามได้ล่ะครับคุณปู่” หลี่ฮุ้ยหยางเป็นคนตอบ
“เดี๋ยวก่อนครับคุณหลึ่อิงอิง ผมว่าเรื่องนี้มันจบง่ายมากนะครับ คุณไม่ต้องเผาบ้านหรอก คุณสามารถแจ้งความข้อหาบุกรุกกับเจ้าหน้าที่ได้ครับ ในเมื่อคุณมีหนังสือแยกบ้านอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกตัญญูในส่วนที่บ้านหลี่กล่าวอ้าง ต้องมาดูว่าในหนังสือแยกบ้านนั้นได้ระบุไว้หรือไม่ว่า
หากว่าพ่อคุณตายไป ลูกสาวอย่างคุณจะต้องส่งเสียหรือแสดงความกตัญญูต่อหรือเปล่า หากไม่มีคุณสามารถเอาผิดบ้านหลี่ได้เต็มที่เลยครับ ส่วนเรื่องเงินที่ลุงรองของคุณเอาไป เรื่องนี้ผมรับเรื่องไว้ให้ครับ จะตามเงินคืนให้ภายในสามวันอย่างที่คุณบอกไว้ครับ”
เจ้าหน้าที่ปาดเหงื่อที่หน้าผาก จัดการเรื่องนี้นั้นไม่ได้ยาก แต่ที่กดดันเขานั้นกลับกลายเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงมุมโน้นมากกว่า คนอะไรอยู่ไกลขนาดนั้นยังสามารถสร้างความกดดันให้เขาได้
บ้านหลี่เมื่อได้ยินก็พากันหน้าซีดเพราะรู้ดีว่าในหนังสือแยกบ้านนั้นเขียนไว้ว่ายังไง
“คุณเจ้าหน้าที่หนังสือแยกบ้านมีอยู่ที่ผู้นำหมู่บ้านค่ะ คุณเจ้าหน้าที่สามารถขอดูได้เลยนะคะ แต่ที่คุณเจ้าหน้าที่บอกว่าฉันสามารถแจ้งจับได้ ทำได้จริงๆใช่ไหมค่ะ ถ้าฉันจะแจ้งจับป้าสะใภ้อย่างจางเจียวด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายได้ใช่ไหมค่ะ”
หลี่อิงอิงทำเป็นแกล้งถามเหมือนว่าตัวเองไม่เข้าใจ แต่ในใจนั้นเธอโคตรสะใจเลย บ้านก็ไม่ต้องเผา เงินก็ได้คืน ส่งคนพวกนี้ไปกินข้าวแดงได้อีก หุ หุ หุ
“แกนังอิงอิง ฉันไปทำร้ายแกตอนไหน หลักฐานไม่มีเสียหน่อย” จางเจียวพูดอย่างร้อนตัว นังอิงอิงเป็นปีศาจแน่เลย เมื่อวานมันไม่ได้กล้าขนาดนี้
“จริงด้วย แกต้องเป็นนังจิ้งจอกมาสิงแน่เลย ใช่แล้ว! มิน่าละ วันนี้แกถึงได้ผิดแปลกไปจากปกติ คุณเจ้าหน้าที่จับมันไปเผาเลยค่ะ มันต้องเป็นผี เป็นปีศาจมาสิงร่างนังอิงอิงแน่เลย”
จางเจียวและคนในครอบครัวปักใจเชื่อไปแล้ว ว่าหลี่อิงอิงโดนปีศาจจิ้งจอกเข้าสิง
หลี่อิงอิงได้ฟังก็กลอกตามองบน เธอนับครั้งไม่ได้ที่ต้องกลอกตาแบบนี้ว่าทำกี่ครั้งแล้ว ไม่เข้าใจว่ามองยังไงเป็นปีศาจ เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอนั้นไม่ใช่นังปีศาจ หรือนางจิ้งจอกอย่างที่เข้าใจ แต่เธอคือนางร้ายสุดสวยที่พร้อมจะฟาดฟันทุกคน ที่เข้ามาทำร้ายหรือเอาเปรียบเธอ
“คุณป้าสะใภ้รองขา คุณป้าเอาสมองส่วนไหนคิดคะ ท่านผู้นำกวาดล้างเรื่องลัทธิและเรื่องพวกนี้มานานแล้วนะคะ คุณป้ายังคิดและเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเหรอ ระวังจะโดนจับไปปรับความคิดนะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“ส่วนเรื่องร่องรอยหรือบาดแผลในเมื่ออยากจะดู ฉันจะถอดเสื้อผ้าให้ดูก็ได้ค่ะ ทั้งแผลเก่าแผลไหม ด้านหลังมีเต็มเลย แต่ว่าคุณป้าฉลาดนะคะ ทำร้ายฉัน ทุบตีฉัน มีแต่ในร่มผ้าเท่านั้น”
หลี่อิงอิงพูดจบก็เตรียมจะถอดเสื้อ ถามว่าอายไหม ตอบเลยว่าไม่ค่ะ ชาติก่อนใส่บิกินีออกจะบ่อย แต่คนที่ตกใจกลายเป็นชาวบ้านและคนอื่นแทน สหายอย่างเสี่ยวหลินพุ่งตัวเอามือมาจับไว้ไม่ให้สหายอย่างหลี่อิงอิงถอดออก คนที่แอบอยู่ก็ตกใจแทบจะพุ่งตัวออกไปเหมือนกัน
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวให้ผู้หญิงแถวนี้ไปดูร่องรอยก็ได้ครับ” เจ้าหน้าที่ร้องห้ามเสียงหลง
“นั่นสิอิงอิง ป้าสะใภ้เป็นตัวแทนไปตรวจหาร่องรอยให้เอง”
จางเจียวเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่จะให้หญิงสาวคนอื่นเป็นคนตรวจหาร่องรอยจึงได้อาสา จนลืมไปว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายหลี่อิงอิง
“โอ๊ย! อาสะใภ้รองลืมไปหรือเปล่าว่าอิงอิงแจ้งจับอาสะใภ้รองอยู่ แล้วจะเป็นคนไปตรวจร่างกายอิงอิงเองเนี่ยนะ เฮ้อ”
หลี่ฮุ่ยหยางพูดอย่างหน่ายใจ
“ให้แม่ผมไปดูให้ดีกว่านะครับคุณเจ้าหน้าที่ แม่ผมเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านหลี่ ไม่มีทางเข้าข้างใครแน่ๆ”
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยิน ก็พยักหน้ายินยอม จากนั้นสองป้าหลานจึงไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ของคอมมูน เมื่อป้าสะใภ้อย่างกุ้ยฮวาเห็นแผลหลังและตามลำตัวของหลานสาวก็หลั่งน้ำตาด้วยความสงสาร ไม่คิดว่าสาวน้อยคนนี้จะเจอชะตากรรมที่แสนจะเลวร้ายที่คนเป็นป้าสะใภ้อย่างสะใภ้รองจางเจียวได้กระทำ