หลังจากที่กลับมาจากงานเลี้ยงปิดกล้อง เอมมี่ดื่มไปพอประมาณดีที่มีคุณลุงคนขับรถขับมาให้ ไม่อย่างนั้นเธอได้ไปวัดแน่ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านแทบจะเดินขึ้นห้องไม่ไหว จึงเป็นหน้าที่ป้าแก้วแม่นมของเธอพาขึ้นไปนอนบนห้อง
คืนนั้นเอมมี่ฝันแปลกๆ เหมือนเธอหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง คิดว่าน่าจะเป็นประเทศจีนเพราะเขาพูดภาษาจีนกันทั้งนั้น เป็นยุคที่ชาวบ้านต้องทำงานแลกแต้ม ยุวชนต้องออกจากมหาลัยเพื่อจะมาทำงานในทุ่งนาหรือแปลงเกษตรต่างๆตามที่รัฐจัดหาให้ที่เขาเรียกกันว่าคอมมูน อยู่ๆภาพก็ตัดไปที่บ้านหลังหนึ่ง
เอมมี่ยืนมองภาพนั้นด้วยความขัดใจ มีหญิงสาวอายุสิบหกถึงสิบเจ็ดปี โดนคนในครอบครัวใช้งานยิ่งกว่าทาส แต่เธอกลับไม่ปริปากเถียงสักคำ ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นน่ะเหรอนอนตีพุงจร้า เอมมี่รู้สึกขัดใจกับภาพที่เห็นมาก
“ทำไมไม่สู้ล่ะ สู้สิ เป็นแค่ลุงกับป้าสะใภ้ไม่ใช่พ่อแม่เสียหน่อยทำไมต้องยอม เป็นฉันไม่ได้หรอกแบบนี้ เอมมี่ตบคว่ำจริงๆ” เอมมี่อดพูดคนเดียวไม่ได้กับภาพที่เห็น โดนด่า โดนว่า โดนตีก็ยังยอม
“แล้วนั่นอะไร กินข้าวต้มที่มีแต่น้ำแทบจะนับเม็ดข้าว แล้วทำไมคนอื่นถึงกินดีกว่านี้ล่ะ หึ๊ย! รับไม่ได้ โอ๊ย!ขัดใจเหลือเกิน”
“ยายนั่นก็น่าตบเหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าเป็นคู่หมั้นของลูกพี่ลูกน้องก็ยังยั่วอีก เฮ้อ! นี่มันอะไรกันเนี่ย ยุ่งเหยิงไปหมด”
ภาพที่เอมมี่ฝันถึงนั้นเป็นภาพความเป็นอยู่ของสาวน้อยคนนี้ช่างอนาถเหลือเกิน บ้านหลังออกจะใหญ่ทำไมถึงต้องมาอยู่ห้องเก็บของข้างๆห้องเก็บฟืนแบบนี้ ถ้าเป็นเธอหน่อยนะ แม่จะทวงคืนให้หมดทุกอย่างเลย อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็เชิญป้ายหน้าค่ะ สาวน้อยถ้าหากว่านี่เป็นเรื่องจริงอย่างที่คุณยายท่านนั้นบอก พี่อาจจะต้องไปอยู่ที่เดียวกับเรา หากว่าเราทั้งสองมีที่จะบุญได้เจอกัน พี่จะจัดการทุกอย่างแทนเราเอง พี่จะช่วยหนูเอง
เอมมี่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมันจะเป็นความจริง เพียงแต่ไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน กลับกลายเป็นเธอต้องมาอยู่ร่างนี้แทน หากว่าเอมมี่รู้ว่าต้องมาเป็นสาวน้อยคนนี้รับรองว่าบ้านหลี่แห่งนี้คงลุกเป็นไฟ
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นวันหยุดของนางร้าย และคิดว่าคงจะหยุดยาวเพราะเธอยังไม่รับเล่นละครต่อหลังจากที่เรื่องเดิมนั้นปิดกล้องไปแล้ว เอมมี่รู้สึกว่าหิวจึงลงมาหาอะไรกินข้างล่าง
“สวัสดีค่ะป้า วันนี้ทำอะไรกินคะหอมเชียว”
“วันนี้ทำข้าวต้มปลาทรงเครื่องค่ะ ป้าเห็นว่าคุณหนูบ่นอยากจะกินมาหลายวันแล้ว เมื่อเช้าป้าไปตลาดมาเจอปลาสดๆ เลยซื้อมาทำให้ค่ะ” ป้าแก้วหรือแม่นมของเอมมี่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอถ้วยหนึ่งนะคะ เผื่อร่างกายจะได้สดชื่นขึ้นบ้าง เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย”
“คุณหนูนี่น้า ดีที่ตาแก่ขับรถให้ เมาขนาดนั้นจะกลับยังไงล่ะคะ คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ” ป้าแก้วเดินจากไป
เอมมี่ก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่แล้วเธอกลับทำช้อนตก เธอจึงก้มลงไปเก็บ เพียงแค่เธอพูดว่าเก็บในใจอยู่ๆช้อนก็หายไป ทำให้ตัวเอมมี่สะดุ้งแทบตกเก้าอี้ อยู่ๆ ที่มือเธอกลับมีดอกบัวสีขาวปรากฏขึ้น ทำให้เธอนึกถึงนิยายทะลุมิติที่เธอนั้นชอบอ่าน เธอจึงหลับตาแล้วนึกถึงดอกบัวที่มือของเธอ ภาพที่เธอเห็นนั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และเธอก็เห็นช้อนที่เธอตั้งใจจะเก็บอยู่ในนั้น
“นี่คือเรื่องจริงเหรอ ฉันจะมีชีวิตอยู่แค่เดือนเดียวอย่างที่คุณยายท่านนั้นบอกใช่ไหม”
ตอนนี้เอมมี่ตกใจจนหน้าซีด ไม่คิดว่าเรื่องที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องตลกนั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ไม่นานเอมมี่เธอก็ตั้งสติได้ ก่อนจะรีบกลับขึ้นไปที่ห้องของตัวเองและดูรายการทรัพย์สินทั้งหมดของเธอ ซึ่งมันมีมากมาย
เมื่อตรวจดูรายการทรัพย์สินแล้วอย่างแรกที่เธอนึกถึงคือบริษัทของพ่อและแม่เธอ และคนที่เธอคิดถึงเลยคือคุณลุงไตรภพเพื่อนสนิทของคุณพ่อที่คอยดูแลเธอมาตลอดยามที่ไม่มีบิดามารดา คิดได้ดังนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูกดเบอร์คุณลุงไตรภพทันที เมื่อปลายสายมีคนรับเธอจึงพูดขึ้น
“คุณลุงคะ วันนี้คุณลุงอยู่บ้านไหม หนูจะเข้าไปหามีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” เมื่อปลายสายตอบตกลงเอมมี่จึงวางสายก่อนจะรีบแต่งตัวและเตรียมเอกสารทั้งหมดเพื่อออกจากบ้านไปตามนัด
ป้าแก้วที่กำลังยกข้าวต้มมาให้เห็นว่าคุณหนูของเธอแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกก็ถามขึ้น
“คุณหนูจะไปไหนคะ ไม่กินอะไรก่อนเหรอ”
“ไม่แล้วค่ะป้า หนูขอนมกล่องนึงได้ไหมคะ พอดีหนูพึ่งจะนึกได้ว่านัดกับคุณลุงไตรภพไว้ค่ะ” พูดจบเอมมี่ก็รอไม่นานเมื่อป้าแก้วเอานมมาให้เธอจึงเดินออกมาที่รถก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของไตรภพทันที
เอมมี่ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมาย ก่อนจะปรับสีหน้าของตัวเองแล้วหยิบเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมาถือและเดินเข้าไปในบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า พี่พี” เอมมี่เมื่อเห็นสามคนพ่อลูกก็ยกมือสวัสดีก่อนจะนั่งลงข้างๆพี่พีลูกชายคนเดียวของคุณลุง
“ว่ายังไง กินอะไรมาหรือยัง ให้ป้าพาไปกินก่อนไหม ค่อยคุยธุระทีหลัง” คุณป้าสายใจภรรยาของไตรภพถามหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกด้วยความเป็นห่วง
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกกับทุกคน แต่ต้องทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
“เอมมี่อย่าทำให้ป้าใจเสียได้ไหมลูก” สายใจน้ำตาคลอเบ้า เหมือนเธอจะมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“คือหนูเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายค่ะ มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หนูเพิ่งจะรู้ผลเมื่อเช้านี้เลยรีบมาบอกทุกคนก่อน”
เอมมี่ยังคงบอกด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าเธอจะต้องโกหกมันก็ดีกว่าที่จะให้รู้วันที่เธอไม่มีลมหายใจแล้ว ท่านทั้งสองเป็นคนที่เธอรักไม่ต่างจากพ่อแม่ ส่วนพี่พีเธอก็รักไม่ต่างจากพี่ชาย
“อะไรนะ!” ทั้งสามคนร้องเสียงหลง
“พูดใหม่สิเอมมี่เมื่อกี้พี่ฟังผิดไปใช่ไหม”
พีระวุฒิหรือพี่พีของเอมมี่ถามย้ำอีกครั้ง แต่น้ำเสียงที่ถามนั้นบอกได้เลยว่าสั่นมากๆ
“ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกค่ะ หนูเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน คุณหมอบอกว่าไม่เกินสามเดือนเท่านั้นค่ะ” เอมมี่ไม่อยากบอกว่าเธอเหลือเวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น และตัวเธอต้องจัดการเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุด
“เอมมี่ ไปรักษาที่เมืองนอกไหมลุงมีเพื่อนเป็นหมออยู่ด้านนี้ นะลูกนะ” ไตรภพนักธุรกิจอันดับต้นๆหลั่งน้ำตาพูดด้วยหัวใจเจ็บแปลบเมื่อรู้ว่าหลานรักจะอยู่ได้อีกไม่นาน
“อย่าเลยค่ะคุณลุง มันสายไปแล้ว หนูเหนื่อยเหลือเกินแล้วค่ะ หนูอยากจากไปแบบหมดห่วง” เอมมี่พูดพร้อมน้ำตาเหมือนกัน ใจเธอเองก็เจ็บไม่ต่างจากทั้งสามคน พีระวุฒิเอี้ยวตัวมากอดคนที่เขารักเหมือนน้องสาวสุดแรง น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินเมื่อรู้ว่าน้องสาวคนนี้เป็นโรคร้ายและกำลังจะจากไป
“อย่าร้องเลยค่ะพี่พี คุณลุงคุณป้า ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายจริงไหมขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าตายเร็วเท่านั้นเอง คิดซะว่าถึงเวลาที่หนูต้องพักผ่อนแล้ว”
“วันนี้ที่หนูมา หนูต้องการโอนหุ้นทั้งหมดให้กับคุณลุงและพี่พีค่ะ อย่าปฏิเสธหนูเลยนะคะ นี่คือความตั้งใจของหนูจริงๆ ถ้าหากหนูจากไปโดยไม่จัดการเรื่องนี้เสียก่อน คุณลุงก็เห็นไม่ใช่เหรอคะว่าญาติๆทั้งฝ่ายพ่อและแม่เป็นยังไง ดีไม่ดีหนูยังไม่ทันเผาก็รีบแย่งเพื่อหวังจะขายทรัพย์สินของหนู แล้วก็อสังหาริมทรัพย์ของหนูทุกอย่างหนูจะยกให้พี่พี แต่หนูขอเพียงเรื่องเดียวพี่พีช่วยหนูได้ไหม” เธอยังมีคนที่ห่วง
“ว่ามาได้เลย พี่พร้อมที่จะทำตาม”
“หนูฝากยายลูกตาลด้วย ช่วยดูแลเด็กคนนี้แทนหนูที เธอน่าสงสารต้องทำงานส่งตัวเองเรียนเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า หนูเคยคิดจะให้ทุนเรียนแต่เธอไม่เอา ให้อะไรก็ไม่เอาสักอย่าง หนูจะเขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ พี่พีช่วยดูแลเธอแทนหนูจนกว่าลูกตาลจะมีใครที่สามารถดูแลเธอได้ ได้ไหมคะ”
“ได้สิ พี่สัญญา เรามีเรื่องอื่นอีกไหม” ทุกคนพยักหน้ารับ ถึงแม้จะไม่มีใครอยากได้ทรัพย์สินของเธอ แต่เพื่อความสบายใจของเอมมี่ทุกคนจึงไม่ปฏิเสธ
เมื่อทั้งสี่คนคุยรายละเอียดจบแล้วเอมมี่ก็ขอตัวกลับ ก่อนจะให้คุณลุงไตรภพนัดทนายมาจัดการเรื่องทุกอย่างอาทิตย์หน้า เอมมี่ที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้จบแล้ว ก็กลับบ้านอย่างสบายใจเพื่อที่จะเตรียมของจริงๆซะที