EP.09

1121 คำ
       ปากกาจดลงในช่องว่างตามคำแนะนำของนายทะเบียน และเมื่อเธอเขียนชื่อตัวเองลงไป เอกสารฉบับนี้จะถือว่าสมบูรณ์ทางนิตินัยทันที นั่นจึงทำให้วรรณรดาชะงักปากกาไว้เพียงแค่นั้น เพราะเธอกำลังชั่งใจว่าสิ่งที่ตัดสินใจนี้ถูกต้องหรือไม่ การแต่งงานหากเพียงมีพิธีการแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เธอก็ยังถือว่าเป็นสาวโสด แต่หากเธอเซ็นชื่อลงไป นั่นเท่ากับว่าระบบข้อมูลจะบันทึกทันทีว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว            เหมือนถูกมัดมือชก เพราะเธอไม่สามารถปรึกษาใครได้ จะถามพ่อก็ไม่สะดวก เมื่อเจ้าของชื่อระบุฐานันดรที่ปรากฏอยู่เคียงข้างชื่อของเธอนั้นเร่งเร้าให้ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในวันนี้เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่เขาต้องเดินทางกลับอังกฤษในช่วงค่ำของคืนนี้ และเพราะหม่อมสุดาวดีขอร้อง เธอไม่อาจตัดสินใจอย่างอื่นได้เลย            ‘คุณคะ...’            ‘รดา ช่วยฉันนะ ช่วยจดทะเบียนกับคุณชาย’            นั่นคือสิ่งที่หม่อมสุดาวดีเอ่ยออกมาเป็นประโยคแรกในทันทีที่คุณชายธีรดนย์เดินออกไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้หม่อมยังกราดเกรี้ยวและไม่มีท่าทีที่จะยินยอมทำตามพินัยกรรมระบุ อะไรทำให้หม่อมเปลี่ยนใจ ทั้งหมดนั้นเธอควรจะรู้ต้องเหตุผล            ‘หนูขอทราบเหตุผลได้มั้ยคะ เอ่อ... การจดทะเบียนสมรสเป็นเรื่องใหญ่ และหนูก็ไม่เคยรู้จักกับคุณชายมาก่อน’            ใจจริงเธออยากพูดว่าไม่รู้จักใครที่นี่เลยด้วยซ้ำ จู่ๆ เธอก็ถูกส่งตัวมาที่นี่ และก็ต้องมารับรู้เรื่องราวชวนปวดหัว ทั้งยังถูกคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลยตลอดชีวิตมองอย่างเหยียดหยามอีกด้วย และหากเธอต้องจดทะเบียนสมรสกับเขา เขาจะไม่รังเกียจเธอชนิดที่มองเป็นไส้เดือนหรือกิ้งกือเลยหรือ สายตาของเขาที่มองมานั้น เธอช่างไร้ค่า            ‘จดแค่ในนามเท่านั้นแหละ เพราะคืนนี้คุณชายก็ต้องกลับอังกฤษแล้ว แค่ให้มันจบไป เสร็จแล้วถ้าเราอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อตามเดิมก็ได้ หรือจะอยู่ที่นี่ ฉันก็... ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี จากนั้นอีกหนึ่งปีทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของเรา’            นั่นคือประโยคที่ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ใช่ว่าเธออยากได้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้น เพราะพ่อไม่เคยสอนให้เธออยากได้ของคนอื่น แต่เป็นเพราะน้ำเสียงสั่นเครือ กับดวงตาที่ฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำของหม่อมสุดาวดีที่ใช้มองเธอต่างหาก ทำไมเธอถึงรู้สึกว่านั่นมันคือความเจ็บปวด ทำไมเธอต้องเห็นใจคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก เพราะพ่อบอกว่าเป็นญาติอย่างนั้นเหรอ ใช่ไหม            “เซ็นสักที ฉันไม่มีเวลาให้เธอจนถึงเช้าหรอกนะ”            วรรณรดาสะดุ้งเหลือบตามองเจ้าของเสียงทุ้มด้านข้างพลางเอ่ยขอโทษเบาๆ ทั้งที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะขอโทษไปทำไมกัน เธอทำผิดงั้นเหรอ ไม่หรอกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพียงแต่ไม่ถูกใจเขาเท่านั้น แต่ก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เพราะคงได้เจอกันอีกครั้งตอนที่เขากลับมาเซ็นใบหย่า ก็แค่ ‘ทะเบียนสมรสลวง’ เท่านั้น ไม่ใช่สิ่งผูกมัดที่แท้จริงหรอก            “จะเซ็นได้หรือยัง”            “เอ่อ... ค่ะ ซะ... เซ็นเดี๋ยวนี้ค่ะ”            วรรณรดาบังคับปลายปากกาให้ตรงตามจุด เพื่อจะได้เขียนชื่อของตัวเองลงไป ทั้งที่มือของเธอสั่นจากน้ำเสียงราบเรียบแต่ทรงอำนาจนั้น            “เสร็จแล้วค่ะ”            วรรณรดาหันบอกเขาก่อนจะก้มหน้างุดเมื่อเจอสายตาขุ่นมองกลับ นึกว่าตัวเองในใจว่าไม่ควรไปบอกเขา คนที่เธอควรพูดด้วยคือเจ้าหน้าที่ของอำเภอและคุณลุงทนายใจดีมากกว่า            เจ้าหน้าที่รับเอกสารจากวรรณรดาก่อนจะมอบกระดาษสีนวลที่มีขอบเป็นลวดลายดอกกุหลาบสีชมพูให้เธอกับเขาคนละใบ พร้อมทั้งเอ่ยอวยพร            “ขอให้ครองรักกันจนแก่เฒ่านะครับ หนักนิดเบาหน่อยถ้าอภัยให้กันได้ก็ให้อภัย คู่ชีวิตต้องอาศัยความเข้าใจกันและกันนะครับ หมั่นเติมความหวานให้กันวันละนิด ชีวิตรักจะได้หวานชื่นตลอดไป"            “ขอบคุณมากครับ”            เสียงคุณชายธีรดนย์เอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่ของเขตที่มาทำหน้าที่ให้อย่างเต็มปากเต็มคำราวกับว่านั่นคือคำอวยพรสำหรับเขาจริงๆ แต่เธอล่ะแค่เพียงอ้อมแอ้มตอบเท่านั้นด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องจริง แค่รอเวลาให้สถานการณ์จำยอมนี้ผ่านพ้นไปเท่านั้น            เมื่อเจ้าหน้าที่ของเขตเดินพ้นจากห้องรับรองแขกออกไป ธีรดนย์ที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทอดสายตาคมเข้มวาววาบไปที่ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียทางนิตินัยของเขาเรียบร้อยแล้ว หากเธอคนนี้จะไม่เป็นญาติของหม่อมสุดาวดี เขาอาจคิดว่าใบหน้าใสซื่ออ่อนเยาว์นี้คงไร้พิษสงทุกอย่าง แต่เพราะไม่ใช่ เมื่อใบหน้าสวยหวานของหม่อมสุดาวดียังกักเก็บความร้อนแรงไว้อย่างท่วมท้น เธอคนนี้คงไม่ต่างกันนัก            ‘พวกชอบเอาตัวเข้าแลกกับสิ่งที่สาสม ฉันจะให้สิ่งนั้นกับเธอเอง’            “เดี๋ยวตามฉันไปที่ห้องด้วย มีเรื่องจะตกลงกับเธอ”            วรรณรดาที่ช้อนสายตาขึ้นมองเขาอย่างอึ้งๆ ยิ่งทำให้ธีรดนย์าหัวเสียทั้งที่ปกติเขาก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไรเลย แต่แค่มองหน้าซื่อๆ ทั้งที่ใจไม่ได้ซื่อตามที่เห็น นั่นก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด วรรณรดาไม่น่ามีรูปเป็นทรัพย์ ธรรมชาติช่างจัดสรรได้ลงตัว ของทุกอย่างในโลกต้องมีสมดุล ‘หน้าสวยมักใจคด’            “ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”            “ได้... ได้ยิน ได้ยินค่ะ”            “พูดให้มันเต็มปากเหมือนตอนกิน”            พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้เธอยืนอึ้งกับคำพูดของเขา รับรู้ถึงความร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะร้อนที่สุดที่ใบหู เพราะนั่นคือเขากำลัง ‘ด่า’ เธอใช่หรือไม่ แล้วเธอไปทำอะไรให้            วรรณรดากัดฟันกรอดพยายามที่จะข่มอารมณ์ให้มากที่สุด ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเขาไปอย่างหัวเสีย แต่นั่นเธอก็ต้องท่องไว้ว่า ‘อดทนๆ’ ให้มากที่สุด เพราะอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอก็จะไม่ต้องพบเขาอีกตลอด 1 ปี เจอกันอีกทีก็ตอนเซ็นใบหย่าเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม