เล่ห์ร้าย กลรักกามเทพ EP.09 เตือนสติ (2)

1465 คำ
หลายวันต่อมา... กนกจันทร์ถึงกับเครียด เมื่ออยู่เธอได้รับโทรศัพท์จากอดิสร ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ เธอก็รีบไปหาอดิสร ด้วยความเป็นห่วงและห่วงสารพัด เพราะจากที่ฟังน้ำเสียงที่ฟัง ดูเหมือนชายหนุ่มจะเมาอย่างหนัก น้ำเสียงอู้อี้ พูดไม่รู้เรื่อง เฮ้อ...มันกรรมอะไรของเธอก็ไม่รู้ ทำไมช่วงนี้ถึงเจอแต่ผู้ชาย ขาดสติ หรืออีกนัยหนึ่ง ดุเหมือนว่าผู้ชายที่เธอเจอ จะไม่ค่อยครบสามสิบเอาเสียเลย เหยียบคันเร่งด้วยความเร็ว จนเกือบจะมิดอยู่แล้ว เพราะเป็นห่วง กลัวชายหนุ่มจะคิดสั้นฆ่าตัวตายขึ้นมา แล้วแบบนี้เธอจะโทษใครดี “ไอ้หวานนะไอ้หวาน ทำไมชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากนะ” เธอเลี้ยวรถขับตรงเข้าไปจอดลานจอดรถ แถวผับชื่อดังด้วยความเร็ว จนเกือบจะชนเด็กรับรถเลยทีเดียว กนกจันทร์หยุดรถ แล้วรีบลงมาดูเด็กรับรถด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่แน่ใจว่าเธอขับรถเฉี่ยวไปหรือเปล่า “ขอโทษนะคะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” น้ำเสียงหวานถามขึ้นอย่างขอโทษ ส่งยิ้มหวานให้เด็กรับรถ ยกมือบางไปจับ ก่อนจะหมุนไปมาด้วยความเป็นห่วง “ค่อยยังชั่ว นั่งว่าจะชนเสียแล้ว” แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ “ฉันต้องขอโทษจริงๆนะ แบบว่ารีบไปหน่อยนะ กลัวเพื่อนมันจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะอกหักนะคะ” เสียงหวานพูดไปเรื่อยๆ จน เธอได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากเด็กรับรถ “ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ แต่คราวหลังขับรถระวังหน่อยนะครับ ผมว่าพี่รีบเข้าไปดูเพื่อนพี่เถอะครับ” “ขอบคุณมากนะ พี่สัญญาว่าต่อไปจะขับรถให้ดีกว่านี้ พอดีวันนี้มันรีบจริงๆ ขอโทษอีกครั้งนะจ๊ะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไปเถอะ ป่านนี้เพื่อนพี่ค่อยนานแล้ว” แค่นั้นแหละ กนกจันทร์ก็รีบสาวเท้า เดินตรงเข้าไปในผับทันที เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ จนถึง คนที่โทรฯไปหาเธอ ยิ่งเห็นสภาพแล้ว ก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้ “ไอ้หวาน แกกล้าทำร้ายคนที่แกรักถึงขนาดนี้เลยเหรอ ฉันละเชื่อแกจริงๆเลย จะงอนอะไรกันนักหนา” แล้วสาวเท้าไปหยุดตรงโต๊ะที่อดิสรนั่งดื่มอยู่ จากสภาพที่เธอเห็น ชายหนุ่มน่าจะมานั่งนานแล้ว เพราะสภาพดูไม่ได้เลย “จะกินอีกนานไหม คุณคิว”กนกจันทร์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เมื่อเห็นอดิสรยังคง ยกแก้วเหล้ากระดกแบบไม่ยั้ง ไม่ได้สนใจ เธอเลย “หืม…?” “ไอ้คุณคิว! จะดื่มให้มันตายไปเลยหรือไง” กนกจันทร์ร้องตะโกนเสียงดัง อย่างหงุดหงิด พร้อมกับกระซากแก้วเหล้าจากมืออดิสรทันที อดิสรถึงกับหงุดหงิด เพราะไม่รู้ว่าใครบังอาจมากระซากแก้วเหล้าที่น่ารักจากมือเขาไป พอเห็นว่าคนที่ดึงแก้วจากมือเขาเป็นใคร ส่งรอยยิ้มหวานให้หญิงสาวทันที “มาแล้วเหรอครับคุงกระ...หนก” น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อกนกจันทร์นั่น เริ่มที่จะไม่มั่นคงเอาเสียเลย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงมาสนใจแก้วเหล้าต่อ “คุณเมามากแล้วนะคุณคิว ฉันว่าคุณน่าจะกลับบ้านไปได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอนไม่ใช่เหรอคะ”กนกจันทร์พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เป็นถึงอาจารย์ มากทำตัวแบบนี้ไง เกิดพวกนักศึกษามาเห็นเขาจะทำไง! “ไปค่ะ กลับบ้าน เดี๋ยวฉันไปส่งคุณเอง” กนกจันทร์พยายามดึงร่างสูงให้ลุกขึ้น แต่ดูเหมือนว่า มันจะเกินแรงเธอไปมาก เพราะชายหนุ่มตัวใหญ่กว่าเธอเยอะ “ทำไมตัวหนักแบบนี้วะ” “คุณรู้ไหม ว่าหวานกำลังจะแต่งงาน” เจ้าของเสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างเสียใจ เมื่อรู้ว่าคนที่เขารักกำลังจะแต่งงานไปกับคนอื่น “พูดบ้าอะไรของคุณ ไอ้หวานนะ มันไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่นหรอก มันรักคุณจะตายไป” “รักเหรอ? หวานเขาไม่ได้รักผมหรอก เขาเกลียดผมแล้ว คุณเข้าใจไหม หวานเขาเกลียดผมแล้ว” อดิสรจับร่างกนกจันทร์พร้อมกับเขย่า จนหัวกนกจันทร์ถึงกับสั่นคลอน ก่อนจะดึงเข้ามากอด แล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจ “หวานไม่รักผมแล้วคุณกนก เขาไม่รักผมแล้ว” อดิสรกอดร่างกนกจันทร์เอาไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด เพิ่งเข้าใจก็วันนี้เองว่าความรักมันสามารถทำให้เราสุขและก็ทุกข์ได้ไปพร้อมกัน “คุณคิวคิดมากไปหรือเปล่า ไอ้หวานนะมันรักคุณจะตายไป เชื่อฉันสิ แต่ตอนนี้คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม คุณกอดฉันแน่นเกินไปแล้ว” กนกจันทร์พยายามแกะมือหนาใหญ่ที่โอบกอด แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อชายหนุ่มยังคงกอดเธอเอาไว้แน่น พร้อมกับน้ำเสียงสะอื้นที่ยังคงดังอยู่ใกล้หูเธอ อดิสรคลายอ้อมแขนออกจากกนกจันทร์ ก่อนก้มลงนั่งที่เดิม ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอีกครั้ง “คุณคิว ฉันว่าวันนี้คุณเมามากแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งคุณเอง เชื่อฉัน คุณทำแบบนี้มันไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้หรอก ฉันว่าเรากลับไปเริ่มต้นกันที่บ้านดีกว่า” “ต่อให้ผมพยายามแค่ไหน หวานเขาก็ไม่รักผมหรอก” อดิสรตัดสินใจพูดขึ้น ด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ “ขอบคุณ คุณกนกมากนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด” “ฉันผิดหวังจริงๆ เลยคุณคิว ทำไมคุณเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ ถูกไอ้หวานปฏิเสธแค่นี้ คุณถึงกับยอมแพ้แล้วเหรอ” “แล้วคุณจะให้ผม ต่อสู้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อหวานกำลังจะแต่งงาน กับคนที่หวานรัก และเขาก็รักหวาน” “ที่ฉันพูดนี่คุณไม่เข้าใจเหรอ คุณคิว” ‘ไอ้พูดชายงี่เง่า แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วหรือไง’ “ถ้าคุณยอมแพ้ แล้วคุณโทรฯไปหาฉันทำบ้าอะไร” กนกจันทร์เริ่มโวยวายด้วยความรำคาญ “คุณโทร.ไปปลุกฉัน เพราะเรื่องแค่นี้นะเหรอ? คุณบอกฉันสิ บอกมาสิ” แล้วเอื้อมมือบางดึงให้ชายหนุ่มลุกขึ้น ก่อนจะที่อีกฝ่ายจะได้ทันตั้งตัว “ฉาด!” อดิสรถึงกับอึ้ง หายเมาไปเลย เมื่อเจอฝ่ามือพิฆาตของ กนกจันทร์ สบตามองดวงตาคู่สวยนั้น ด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็น อาการเกรี้ยวกราด และน่ากลัวจากผู้หญิงร่างเล็กผู้นี้เลย นี่คงเป็นครั้งแรกสินะ ที่เขาได้เห็นอีกด้านที่น่ากลัวของเธอ “ที่ตบเนี้ย เพื่อให้ได้สติ คิดให้มันรอบคอบ เป็นถึงครูบาอาจารย์ มันแบบนี้แล้วมันเท่หรือไง ถ้ายังคิดไม่ได้ ตั้งสติไม่ได้ อยากโดนตบอีกสักที สองทีก็ได้นะ คุณอดิสร” สรรพนามที่เรียกเขาก็เปลี่ยนไปด้วย อดิสรยกมือตัวเองขึ้นมากุมใบหน้าด้านที่โดนผู้หญิงตัวเล็กนี่ตบ มันยังเจ็บอยู่เลย แล้วยังสรรพนามที่เรียกเขาเมื่อกี้อีก มันต่างจากทุกครั้งที่หญิงสาวเรียก ‘ตัวเล็กแค่นี้เอาแรงมาจากไหน ตบเขาเสียจนหน้าชาเลย’ “ผมขอโทษ ผมผิดเองแหละที่อ่อนแอ” “คุณกลับบ้านไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องไปสอนไม่ใช่เหรอ?” “ครับ” “ส่วนเรื่องไอ้หวาน เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณเอง เมื่อกี้ที่ตบคุณไป ฉันขอโทษด้วยละกัน” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณที่เตือนสติผม” ชายหนุ่มบอกอย่างยิ้ม “เวลาคุณกนกโกรธนี่น่ากลัวนะครับ ผมเห็นสายตาคุณเมื่อกี้ ผมยังกลัวคุณเลย” อดิสรตอบจากความรู้สึกในส่วนลึกเลยของเขาเลย ผู้หญิงอย่างกนกจันทร์นี่น่ากลัวอย่าบอกใคร “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ” “ไม่เป็นไรหรอกคะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ” กนกจันทร์พูดด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้เป็นคนอื่นเลย มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ว่ากี่ปี ก็เป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้ ‘ไอ้ตาแก่งี่เง่า อย่างเวคินทร์นั้นไง ที่เธอไม่เคยนับว่าเป็นเพื่อน’ ///////// ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม