Chapter 12

2112 คำ
พันตำรวจเอกมาซอกโดตกใจพอสมควร ที่จู่ ๆ หลานชายตัวแสบทรุดลงกับพื้น จึงรีบร้องบอกให้ทหารแพทย์เข้ามาพาตัวไปที่เต็นท์ ด้านฮาจองอูเองก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาก็พึ่งเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ครั้งแรก ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนจึงตามมาดู ปาร์คซูโฮในตอนนี้มีสภาพเหมือนคนเหม่อลอย อาการแบบนี้เพื่อนสนิทของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ว่า... ฮาจองอูสลัดไล่ความคิดไร้สาระออกไป และเดินมาตบศีรษะปาร์คซูโฮหนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการเรียกสติ แถมได้ผลเสียด้วย "ไอ้เวรเอ้ย !" ปาร์คซูโฮหันมาตะคอกใส่ฮาจองอู พลางลูบศีรษะเบา ๆ "เจ็บนะเว้ย !" "ตบเรียกสตินายไง" ฮาจองอูบอก "หมายความว่าไงที่พูดมานะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" "มั่นใจแล้วเหรอ" ปาร์คซูโฮทำท่าจะเปิดปากถามต่อ แต่แล้วไม่นานพันตำรวจเอกมาซอกโด พร้อมด้วยทหารแพทย์คนหนึ่งตามมาด้วย เพื่อให้มาดูอาการของหลานชาย ซึ่งทุกอย่างปกติดีจึงสรุปได้ว่าอาจเพราะเหนื่อยล้าจากการทำภารกิจ ทหารแพทย์จึงแนะนำให้เด็กหนุ่มพักเอาแรง พันตำรวจเอกมาซอกโดโล่งอกที่หลานชายปลอดภัย เขาเดินมาหาปาร์คซูโฮ "อย่าทำให้ลุงเป็นห่วงแกสิ" พันตำรวจเอกมาซอกโดกล่าว "รู้ไหมตอนแกทรุดลงกับพื้น ใจลุงหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว" เด็กหนุ่มทำหน้าฉงนใจและมองหน้าผู้เป็นลุง "ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" สักพักเสียงม่านเต็นท์พยาบาลเปิดออก พร้อมกับเด็กสาวคนเดิมเดินเข้ามา จู่ ๆ ปาร์คซูโฮก็ใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ความจริงเขาก็มีโอกาสเจอกับผู้หญิงมาหลายคน หลากหลายรูปแบบและนิสัย ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับเป็นคนแรกที่ปาร์คซูโฮมีอาการแบบนี้ ฝั่งฮาจองอูก็สังเกตเห็นปลอกแขนสีขาวมีสัญลักษณ์รูปบวก ฮาจองอูจึงคิดว่าน่าจะเป็นจิตอาสา และเด็กสาวน่าจะรู้จักกับพันตำรวจเอกมาซอกโดแน่นอน เพียงแต่สรรพนามที่เธอเรียกอีกฝ่าย มันทำให้ปาร์คซูโฮกับฮาจองอูเกิดคำถามหลายอย่างในสมอง "พ่อคะ เขาเป็นยังไงบ้าง" เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มันยิ่งทำให้ปาร์คซูโฮใจเต้นแรงหนักขึ้นไปอีก "ออ เจ้านี่นะเรอะ" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูดและขยี้ผมบนศีรษะหลานชาย "ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เหนื่อยน่ะ" เด็กสาวพยักหน้า "งั้นหนูไปหาแม่ก่อนนะคะ พ่อเองก็ควรไปบอกแม่ด้วย แม่เป็นห่วง" "ฮารา ไปบอกแม่ว่าพ่อปลอดภัยดี" "แต่พ่อควรไปบอกเองจะดีกว่า" พูดจบเด็กสาวเจ้าของชื่อ "ฮารา" ก็เดินออกจากเต็นท์ไป สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พันตำรวจเอกมาซอกโดโดนสองยุวชนทหาร รุมถามในทันทีว่าอีกฝ่ายไปแต่งงานมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ "ไม่น่าเชื่อ" ปาร์คซูโฮพูดขึ้น "ทำไมหรือ" ฮาจองอูหันมาถาม "ถามแปลก ๆ" ปาร์คซูโฮทำสีหน้าเหมือนคนดูหนังสยองขวัญ "ตำรวจร่างหมีแถมบ้าพลังอย่างลุงเนี่ยนะ จะผลิตเพชรเม็ดงามขนาดนั้นได้ยังไงกัน มันต้องมีอะไร..." ยังไม่ทันพูดจบปาร์คซูโฮก็ได้กินมะเหงกจากพันตำรวจเอกมาซอกโด "ยูฮารา เป็นลูกเลี้ยงฉันต่างหาก ไอ้เด็กบ้า !" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูดเสียงหงุดหงิด "ลูกเลี้ยง !" สองเด็กหนุ่มพูดพร้อมกัน "เออ ได้ยินไม่ผิดหรอก" หลังตกใจอยู่พักหนึ่งพันตำรวจเอกมาซอกโดจึงเล่าให้ปาร์คซูโฮฟัง เหตุการณ์ก่อนที่จะมี "ปฏิบัติการเมืองสะอาด" หรืออาจต้องย้อนนานกว่านี้อีกหน่อย ตอนนั้นพันตำรวจเอกมาซอกโดยังเป็นแค่นายร้อยตำรวจ และออกปฏิบัติการช่วยเหลือพลเรือน จากเหตุกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอาละวาดในห้างสรรพสินค้า มันทำให้พันตำรวจเอกมาซอกโดได้พบกับสองแม่ลูก ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงถูกส่งไปคลีนิกที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือยูแฮอินกับยูฮารา นับแต่นั้นพันตำรวจเอกมาซอกโดก็สานความสัมพันธ์กับยูแฮอิน จนกระทั่งพันตำรวจเอกมาซอกโดตั้งใจจะขอยูแฮอินแต่งงาน ทว่าเพราะปฏิบัติการเมืองสะอาด ส่งผลให้การแต่งงานต้องเลื่อนไปอีก "พ่อกับแม่ รู้เรื่องนี้หรือยังครับ" ปาร์คซูโฮถาม พลางคิดในใจหรือจะมีแค่เขาที่ไม่รู้ "ฉันบอกไปตั้งนานแล้ว แกสามคนน่ะเอาแต่อยู่ในค่ายจะรู้เรื่องได้ไง แถมยังไปรบอีก" "เออ จริงว่ะ ลืมคิด" ฮาจองอูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก "ลุง ผมถามอะไรหน่อยสิ" ฮาจองอูถาม "จะถามอะไร จองอู" พันตำรวจเอกมาซอกโดขมวดคิ้วมอง "ลูกสาวลุงมีแฟนยังครับ" "เฮ้ย ! อย่าแต่แต่คิดนะจองอู แกจะจีบใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนนี้" "ผมแค่ถามเองนะ" การสนทนายุติลงเมื่อร้อยตำรวจเอกฟอลคอน ซึ่งได้รับมอบหมายทำหน้าที่แทนร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอ ได้เข้ามารายงานกับพันตำรวจเอกมาซอกโด เพื่อเตรียมการรับมือขั้นต่อไป กอปรกับทางกระทรวงยุติธรรมจะส่งอัยการมาที่นี้ด้วย ขณะเดียวกันด้านปาร์คซูโฮและฮาจองอูเอง ก็ต้องไปรายงานตัวกับร้อยตรีวินเซนต์เหมือนกัน หลังจากที่ผู้เป็นลุงไปแล้ว ตัวปาร์คซูโฮก็ชะเง้อออกไปด้านนอก ราวกับอยากให้ใครบางคนเดินมาหา "มองหายูฮาราเหรอเพื่อน" ฮาจองอูถาม ปาร์คซูโฮสะดุ้งเฮือกสติกลับเข้าร่างในบัดดล เขาสงสัยว่าตกลงเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ และฮาจองอูรับรู้ได้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ "นายไม่รู้ตัวเลยหรือเพื่อน" ฮาจองอูถาม "ไม่ว่ะ" ปาร์คซูโฮตอบ "ฉันเป็นอะไรกันแน่" "อยากรู้ใช่ไหม ดูที่นิ้วนางมือขวานาย" ปาร์คซูโฮยกฝ่ามือขวาขึ้นมาดู เขาต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะที่นิ้วนางขวาปรากฏเป็นเส้นด้ายบาง ๆ พันอยู่ และมันเป็นสัญญาณที่บอกว่านักรบฟีนิกซ์ผู้นั้นได้พบกับคู่ของตน ซึ่งถูกเรียกขานมาช้านานว่า คู่ผูกวิญญาณ การที่มันปรากฏเช่นนี้ ย่อมแปลได้เพียงสิ่งเดียวคือ ยูฮาราลูกสาวของพันตำรวจเอกมาซอกโดคือคู่ผูกวิญญาณของปาร์คซูโฮ ด้านฮาจองอูก็เดินเข้ามาตบหัวไหล่เบา ๆ "ยินดีด้วยนะเพื่อน นายเล่นพูดจากวนตีนลุงแกไว้เยอะ ไม่รู้ว่าถ้าลุงรู้เรื่องนี้จะทำหน้ายังไงน่าาาา" "หุบปากไปเลย !" ++++++ ในห้องประชุมจัดขึ้นในซากอาคารชั่วคราวตึกหนึ่ง ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามกลางเมือง เป้าหมายต่อไปก็คือสำนักงานตำรวจประจำเมืองเมตน์ ที่ถูกยึดครองโดยสมุนอีกคนของเฉิงเย่วถิง มันมีชื่อว่า อาเลสซันโดร มีฉายาเรียกขานว่า เฮอร์คิวลิส ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าคนทั่วไปและกำยำ กล่าวกันว่ามันแข็งแกร่งจนไร้คนปราบมันได้ มีเพียงสวี่จินหยวนเท่านั้นที่ทำได้ ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของมันมากนัก รู้แค่ว่ามันมีคู่หูด้วยหนึ่งคนมีชื่อว่า เจอโรม แต่ก็ไม่ควรประมาทอีกฝ่าย แถมยังกล้าตั้งฉายาให้ตนเองว่า โอดิสเซียส มันทั้งสองจัดเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งมาก อาจจะเหนือกว่าหกอัศวิน หรือชินมินอูรวมกันเสียอีกซึ่งปาร์คซูโฮสังเกตเห็นว่า สีหน้าของตำรวจมือปราบแต่ละคนเครียดกันมาก บ่งบอกให้รู้ว่าฝีมือร้ายกาจมากแน่ ๆ แถมยังได้ยินมาว่าทางเบื้องบนต้องส่งเทพสงครามมาช่วยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามฝั่งพวกเขาจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม ซึ่งปาร์คซูโฮกับฮาจองอูอยู่กลุ่มที่หนึ่ง จุดที่ต้องเข้าตีคือปราการด้านซ้ายมือก่อนถึงสำนักงานตำรวจ ตามสายข่าวรายงานมาคนที่ทำหน้าที่คุมปราการปีกซ้าย ก็คือหกอัศวินที่ตอนนี้เหลือแค่ห้าคน เพราะอัศวินแดงถูกจับไปแล้ว ส่วนทีมของพันตำรวจเอกมาซอกโด ให้บุกเข้าทางข้างหน้าซึ่งคนคุมคือเจอโรม ส่วนปรากการปีกขวายกให้เป็นหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษเสือดำจัดการแทน ครู่ต่อมาหลังประชุมไปได้สักพัก ในที่สุดอัยการที่ถูกส่งตัวมาก็ได้มาถึง มันทั้งสองจัดเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งมาก อาจจะเหนือกว่าหกอัศวิน หรือชินมินอูรวมกันเสียอีกซึ่งปาร์คซูโฮสังเกตเห็นว่า สีหน้าของตำรวจมือปราบแต่ละคนเครียดกันมาก บ่งบอกให้รู้ว่าฝีมือร้ายกาจมากแน่ ๆ แถมยังได้ยินมาว่าทางเบื้องบนต้องส่งเทพสงครามมาช่วยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามฝั่งพวกเขาจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม ซึ่งปาร์คซูโฮกับฮาจองอูอยู่กลุ่มที่หนึ่ง จุดที่ต้องเข้าตีคือปราการด้านซ้ายมือก่อนถึงสำนักงานตำรวจ ตามสายข่าวรายงานมาคนที่ทำหน้าที่คุมปราการปีกซ้าย ก็คือหกอัศวินที่ตอนนี้เหลือแค่ห้าคน เพราะอัศวินแดงถูกจับไปแล้ว ส่วนทีมของพันตำรวจเอกมาซอกโด ให้บุกเข้าทางข้างหน้าซึ่งคนคุมคือเจอโรม ส่วนปรากการปีกขวายกให้เป็นหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษเสือดำจัดการแทน ครู่ต่อมาหลังประชุมไปได้สักพัก ในที่สุดอัยการที่ถูกส่งตัวมาก็ได้มาถึง เขาเป็นชายร่างสูงกำยำผมสีทองไว้ผมแสกขวา สวมชุดสูทสีกลมท่า ทุกคนต่างทำความเคารพต่ออัยการผู้มาเยือน ตอนนั้นฮาจองอูสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของสิบตำรวจตรีดัสติน "เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมชื่อ อัยการโพล แมทท์ ต่อไปนี้จะค่อยประสานงานกับพวกคุณทุกคนในการปฏิบัติการนี้" อัยการหนุ่มแนะนำตัว "ผมได้ยินมาว่าท่านอยู่เมืองโฮรุก ไม่ใช่หรือครับ" ทหารคนหนึ่งจากหน่วยรบเสือดำถามขึ้น "ออ ทางเมืองโฮรุกผมได้มอบหมายให้เพื่อนอัยการคนหนึ่งทำไปแล้ว" อัยการโพลตอบ "ทางฝั่งเมืองโฮรุกเป็นยังไงบ้างครับ" พันตำรวจมาซอกโดถาม "เละเทะพอ ๆ กับที่นี้ แต่อย่างน้อยโอโตฮวาก็ถูกจับแล้ว ไม่ต่างจากได้ตัดกำลังของพวกมัน" เกิดเสียงพูดคุยเสียงดังขึ้นส่งผลให้ พลโทแด็นเซิล ผู้ทำหน้าที่วางแผนกลยุทธในเมืองเมตน์ต้องบอกให้ทุกคนเงียบ และให้ทุกคนไปพักเก็บแรงไว้เพราะอีกสองชั่วโมงครึ่ง จะต้องไปยึกสำนักงานตำรวจคืน ทั้งหมดต่างแยกย้ายไปพักเพื่อเก็บแรง โดยปาร์คซูโฮกับฮาจองอูตั้งใจจะหาอะไรกินเสียหน่อย กระทั่งทั้งสองหันไปเห็นสิบตำรวจตรีดัสตินเดินเข้าไปคุยกับอัยการโพล ปาร์คซูโฮรู้มาว่าอัศวินแดงคือเพื่อนในวัยเด็กของสิบตำรวจตรีดัสติน ที่หายตัวไปนานนับปีและเท่าที่ทั้งสองเข้าใจ ชะตาชีวิตของอัศวินแดงขึ้นอยู่กับอัยการหรือตุลาการ หากพิจารณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ มีแนวโน้มเหมือนกันว่าโทษสูงสุดของอัศวินแดงคือประหารชีวิต เพราะโอกาสที่จะรับโทษจำคุกตลอดชีวิตน้อยมาก และยิ่งเห็นสีหน้าของสิบตำรวจตรีดัสติน หลัวจากสนทนากับอัยการโพล ปาร์คซูโฮกับฮาจองอูรู้ในทันทีว่าคำตอบที่นายตำรวจได้รับ คงจะเจ็บปวดมาก อุตส่าห์ได้เจอกับเพื่อนที่หายสาบสูญไป แต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้อีกครั้ง และเป็นการเสียไปตลอดกาล "ซูโฮ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ" ฮาจองอูชักชวน "โคตรหิวเลยว่ะ" "เออ เหมือนกัน" ปาร์คซูโฮเห็นด้วย สองเด็กหนุ่มกำลังจะเดินตรงไปที่เต็นท์แจกอาหาร ได้มีเสียงทักดังมาจากด้านหลัง และพอเหลียวหลังหันไปมอง ปาร์คซูโฮใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร "แม่ฉันชวนเธอสองคนกินข้าวแน่ะ มาด้วยกันไหม" ++++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม