"เข้ามาเลย ไอ้เวร !" ปาร์คซูโฮท้าทาย
อัศวินดำพุ่งตัวเข้าหายุวชนทหารและตะบปด้วยฝ่ามือที่ทำเหมือนกรงเล็บสัตว์ป่า ทว่าปาร์คซูโฮเบี่ยงหลบทัน ทำให้กรงเล็บขูดเสื้อเกราะของเขาแทน รอยขาดขนาดกว้างบนเสื้อ บอกให้รู้ว่าถ้าเป็นผิวเนื้อของมนุษย์จะสาหัสเพียงใด "เก่งจริง อย่าหนีสิว่ะ !" อัศวินดำพูดและกระโจนเข้าใส่ปาร์คซูโฮ หวังไม่ให้มีช่องโหว่ให้โต้กลับ ทว่าด้านเด็กหนุ่มเขาก็ไม่ยอมให้ตนเองต้องถูกต้อนจนมุม
ปาร์คซูโฮอาศัยจังหวะหนึ่งที่อัศวินดำ อยู่ในระยะประชิดที่พอเหมาะ และใช้สองมือคว้าคอเสื้อศัตรูพร้อมกับจับทุ่มลงกระแทกพื้น อัศวินดำรู้สึกจุกทั่วร่างกาย เพราะหลังที่กระแทกกับพื้นปูน ฝั่งปาร์คซูโฮที่เห็นศัตรูนอนราบกับพื้น ก็คิดจะจบเกมด้วยกำปั้นหมัดขวา ทว่าน่าเสียดายที่หมัดขวาของเขาทุบโดนพื้นแทน เพราะอัศวินดำขืนร่างกายม้วนตัวหลบทัน การฝืนอาการจุกย่อมทำให้มีอาการอาเจียนออกมา
แต่อัศวินดำยอมทนฝืนกลืนมันหายไปในลำคอ เพื่อปกปิดใบหน้าใต้หมวกกันน็อคสีดำ ปาร์คซูโฮที่เห็นแบบนี้ก็นึกถึงฮาจองอู ซึ่งเล่าให้เขาฟังว่าตอนสู้กับอัศวินแดง รายนั้นก็ไม่ยอมแม้แต่จะถุยเลือดออกมา แสดงให้เห็นว่าหกอัศวินไม่ต้องการให้ใครเห็นหน้าจริง ๆ ของพวกมัน ด้านอัศวินดำที่มองไปตรงจุดที่หมัดของปาร์คซูโฮชกลงไป มันเกิดเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่มาก ใจมันคิดอย่างเดียวว่าหากมันมิยอมฝืนร่างกายก่อนหน้านี้ละก็ มีหวังได้นอนกอดรากมะม่วงเป็นแน่
ขณะเดียวกันทางฝั่งร้อยตรีวินเซนต์ที่กำลังสู้กับอัศวินขาว ลูกน้องคนสนิทของอัศวินดำ เรียกได้ว่าเชิงมวยทั้งสองฝ่ายสูสีกันจนกินกันแทบไม่ลง ต่างแลกทั้งหมัด เข่า และศอกจนทำให้การต่อสู้รอบ ๆ หยุดชะงัก หันไปสนใจการต่อสู้ของหนึ่งทหารจากหน่วยรบพิเศษ และหนึ่งขุนศึกจากแก๊งอาญากร มีจังหวะหนึ่งที่อัศวินขาวถีบร้อยตรีวินเซนต์ด้วยขาขวา ร่างทหารหนุ่มเซถอยหลังแต่ก็ตั้งหลักได้
"อึดหนักนะมึง" อัศวินขาวโพร่งขึ้น และวิ่งโจมตีด้วยท่าแทงเข่า ทว่าร้อยตรีวินเซนต์เบี่ยงตัวไปทางขวาเล็กน้อย พร้อมจัยตัวอัศวินขาวใช้แรงกระโจนอีกฝ่ายให้เป็นประโยชน์ และจับเหวี่ยงลอยกลางอากาศ ไปกระแทกกับเสาต้นหนึ่ง
โชคดีหน่อยที่มันสวมหมวกกันน็อค ไม่อย่างนั้นอัศวินขาวคงได้ไปปรโลกแล้ว ทว่าร้อยตรีวินเซนต์ก็สังเกตเห็นว่า ที่สวมหมวกกันน็อคสีขาวมีร่องรอยของความเสียหาย ถ้าหาจังหวะโจมตีเหมาะ ๆ ก็อาจสามารถทำลายหมวกกันน็อค และเปิดเผยใบหน้าของอัศวินขาวได้ ซึ่งมันอาจเป็นประโยชน์กับหน่วยสืบสวนของตำรวจ
อัศวินขาวที่รู้ว่าหมวกกันน็อคได้รับความเสียหาย มันก็จ้องศัตรูด้วยความเดือดดาล "ทำแสบมากนะ มึง !" และมันก็พุ่งเข้าโจมตีใส่ร้อยเอกวินเซนด์ทันที อัศวินขาวรัวหมัดขวา-ซ้ายไม่ยั้งใส่อีกฝ่าย ซึ่งทางร้อยตรีวินเซนต์ก็ปัดป้องได้บ้างไม่ได้บ้าง บางหมัดของอัศวินขาวอัดกระแทกเข้าสีข้าง ตรงหน้าท้องหรือไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าของเขาด้วย หมัดซ้ายอัศวินขาวซัดเข้าที่หน้าเต็ม ๆ แรงหมัดทำเอาร้อยตรีวินเซนต์ทรุดฮวบลงกับพื้น
"หัวหน้า !" ปาร์คซูโฮร้องเสียงหลง เมื่อเห็นหัวหน้าตัวเองเพลียงพล้ำ
อัศวินดำกระแทกด้านข้างของปาร์คซูโฮ "ศัตรูของมึง คือกู !" ด้านยุวชนทหารก็ใช้สองมือจับล็อคคอและแทงเข่าใส่ท้องไม่ยั้ง จากนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดซ้ายอัดใส่หมวกกันน็อค โดยไม่สนใจว่ามันจะทำให้เขาเจ็บหรือไม่ แรงหมัดของปาร์คซูโฮทำให้อัศวินดำเซจนเกือบล้ม แต่มันก็ไม่ยอมล้มง่าย ๆ จนกระทั่งมันเงยหน้าเห็นปาร์คซูโฮยกมอร์เตอไซค์คันสีดำ ฟาดใส่ข้างลำตัวของอัศวินดำจนกระเด็นทะลุกระจกที่เป็นร้านเหล้า
ส่วนร้อยตรีวินเซนต์ที่ตอนแรกเหมือนจะเสียเปรียบ ทว่าสุดท้ายในจังหวะที่อัศวินขาวเดินมาใกล้ ๆ เขาจับเหวี่ยงหมัดซ้ายกระแทกท้องของอัศวินขาวเต็มหมัด มันทรุดก้มตัวโค้งเพราะจุกจึงกลายเป็นโอกาสของร้อยตรีวินเซนต์ ที่ได้เหวี่ยงหมัดขวาเสยปลายคางของอัศวินขาว มันหงายหลังลงไปนอนกับพื้น เสียงหมวกกันน็อคกระแทกเสียงดังพอสมควร แต่คนที่ได้ยินมีแค่ร้อยตรีวินเซนต์
"ลุกขึ้น ไอ้สวะชุดขาว" ร้อยตรีวินเซนต์กล่าวและถุยน้ำลายปนเลือดลงพื้น "ถึงตากูเอาคืนบ้างล่ะ" เขาบิดข้อมือจ้องมองศัตรูที่พยายามจะลุก
"ไอ้สัตว์ ! กูไม่ปล่อยมึงแน่" อัศวินขาวพูดหลังจากลุกขึ้นได้แล้ว
"อย่ามาดูถูกหน่วยรบพิเศษของกู"
++++
ฮาจองอูปลิวกระเด็นเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่มีสภาพเละเทะอันเกิดจากสงครามระหว่างตำรวจ-ทหารปะทะพวกอาญากร ยุวชนทหารลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เนื่องจากเมื่อครู่เขากระแทกใส่โต๊ะตัวหนึ่งจนหักพัง แต่ต่อให้ลุกขึ้นมาได้ก็ใช่ว่าจะได้พัก เพราะไม่นานอัศวินเหลืองตามด้วยสมุนอีกเจ็ดคน ฮาจองอูยอมรับว่าศัตรูคนนี้ร้ายกาจกว่าอัศวินแดง และพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมมันสองตัวถึงไม่ถูกกัน
อัศวินแดงยังมีศักดิ์ศรีมากกว่าอัศวินเหลืองที่คิดหมาหมู่ "ฆ่ามัน !" สมุนทั้งเจ็ดพร้อมขวานในมือต่างกรูเข้ามาเล่นงานฮาจองอูตามคำสั่ง ยุวชนทหารแม้จะโดนรุมแต่เขาก็หาทางหนีมาได้ และฮาจองอูได้คว้าเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับฟาดใส่กลางหลังศัตรูที่เหวี่ยงขวานใส่ พอโดนกระแทกกลางหลังมันก็ถึงกับตัวง้อ พลางทรุดฮวบลงข้างโต๊ะตัวหนึ่ง ยังไม่พอฮาจองอูใช้แรงที่มียกโต๊ะที่ค่อนข้างตัวใหญ่ เหวี่ยงฟาดศัตรูกระเด็นไปคนละทิศละทาง
"ไอ้พวกไร้ประโยชน์" อัศวินเหลืองพูดเสียงไม่พอใจ และวิ่งเข้าโจมตีใส่ฮาจองอูด้วยลูกถีบซ้าย เดชะบุญยุวชนทหารหลบทันและวิ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
พริบตานั้นฮาจองอูคว้าเครื่องเก็บเงินและยกขึ้นมาฟาดที่หัวเข่าอัศวินเหลือง ในจังหวะที่มันจะแทงเข่าใส่ มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ตามด้วยโดนฮาจองอูเสยคางด้วยเครื่องเก็บเงินอีกรอบสอง อัศวินเหลืองหงายท้องล้มตึงกับพื้น บรรดาสมุนที่โดนเล่นงาน ต่างพยายามลุกขึ้นเพื่อจัดการกับเขา
"ไอ้หนุ่ม เรามาช่วยแล้ว"
ทหารจากหน่วยรบพิเศษหลายคนบุกเข้ามา และเข้าไปจัดการกับแก๊งขวานซิ่งทั้งเจ็ดคน แต่ถึงกระนั้นฮาจองอูกลับเสียท่าให้อัศวินเหลือง มันอาศัยตอนเขาเผลอและพุ่งตัวเข้ามาล็อคคอเขา พร้อมกับดันร่างยุวชนทหารไปชิดกำแพง ซึ่งเป็นท่าที่มันใช้ควักหัวใจเหยื่อ ฮาจองอูรับรู้ได้ว่าศัตรูคิดจะทำอะไรต่อ เขาจึงใช้ขาซ้ายยันกำแพงไว้และใช้แรงดันไม่ยอมชิดกำแพง
อัศวินเหลืองพยายามใส่แรงที่มี เพื่อดันฮาจองอูไปชิดกำแพงให้ได้ และเพราะมันมัวแต่สนใจเป้าหมายตรงหน้ามากเกินไป เลยไม่ทันระวังภัยจากด้านหลัง เป็นเหตุให้อัศวินเหลืองโดนอะไรบางอย่างที่หนักมาก ๆ ทุบเข้ากลางหลัง มันคลายจากการจับตัวฮาจองอู และถูกใครใครบางคนซัดด้วยลูกถีบอีกที มันกระเด็นเซล้มไปกองกับพื้น ฮาจองอูพบว่าคนที่พึ่งช่วยเขาไว้ แท้จริงแล้วเป็นยุวชนทหารสังกัดของทีมร้อยตรีวินเซนต์
"นายเป็นอะไรไหม" ยุวชนทหารคนนั้นถาม แต่ตามองอัศวินเหลือง
"เกือบไปเหมือนกัน ขอบใจนะ" ฮาจองอูพูด
ฝั่งอัศวินเหลืองพยุงตัวเองขึ้น จิตสังหารรุนแรงเต็มพิกัด "ไอ้เด็กเวร วันนี้มึงต้องตาย !" ฮาจองอูคิดว่าถึงจะได้รับคำสั่ง ให้จับเป็นแต่ในสถานการณ์บางอย่าง ก็ใช่ว่าจะจับตัวเลวแบบยังมีลมหายใจได้ง่ายดาย โดยเฉพาะอัศวินเหลือง
"ไปช่วยคนอื่น ๆ" ฮาจองอูบอกกับยุวชนทหารที่พึ่งช่วยเขาไว้ "ไอ้เหี้ยนี้ ฉันจะจัดการเอง"
"จะดีหรือ" ยุวชนทหารไม่อยากทิ้งฮาจองอูเท่าไหร่
"ไม่เป็นไร ศึกนี้ฉันต้องยุติเอง"
อัศวินเหลืองส่งเสียงหัวเราะหมิ่มหยามใส่ฮาจองอู "มึงจะต้องเสียใจที่ไม่หนี" ทว่าสิ้นคำดูถูก ยุวชนทหารตรงหน้าของมัน ก็ตั้งท่าต่อสู้และเปร่งคลื่นพลังทั่วร่างกายออกมา อัศวินเหลืองชะงักไปเนื่องจากมันสัมผัสได้ถึงพลังที่แท้จริงของฮาจองอู แปลได้อีกอย่างว่าที่ผ่านมายุวชนทหารคนนี้ยังไม่เอาจริง
จ่าสิบเอกเฉลิมชัยพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ทหารยศนายจ่ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่แน่ใจว่าตนเองอยู่ตรงไหนของสนามรบ แต่คิดว่าน่าจะอยู่ไม่ไกลจากพิกัดของทีม ดูเหมือนเขาจะหลงมาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นหนึ่ง สภาพภายในเละเทะมาก ซึ่งเหมือนจ่าสิบเอกเฉลิมชัยจะอยู่บริเวณที่เป็นศูนย์อาหาร ครู่ต่อมารังสีจิตสังหารก็แผ่อำนาจตรงมาทางจ่าสิบเอกเฉลิมชัย พริบตาเดียวก็มีเงาจากมุมมืดพุ่งโจมตี
เพล้ง !
เดชะบุญที่จ่าสิบเอกเฉลิมชัยยกดาบขึ้นมารับทัน มิฉะนั้นศีรษะคงได้หลุดจากร่างกายเป็นแน่แท้ อัศวินครามใช้ลูกถีบยันร่างจ่าสิบเอกเฉลิมชัยออกห่าง เพื่อให้อาวุธในมือปลิดชีพอีกฝ่ายได้ ทว่าจ่าสิบเอกเฉลิมชัยกลับเลือกถอยร่นไปที่มีโต๊ะและสิ่งกีดขวางมากมาย ก่อนจะใช้ลูกเตะเหวี่ยงไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง มันลอยข้ามตรงไปที่อัศวินคราม มันใช้ขวานฟันโต๊ะขาดเป็นสองซีก และในจังหวะนั้นจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ก็พุ่งทะยานเข้าโจมตีและตวัดคมดาบออกไป
อัศวินครามยกขวานขึ้นมากันดาบคู่ของศัตรูไว้ทัน ทั้งสองใช้แรงที่มีดันใส่กันและกัน จนสุดท้ายเป็นฝ่ายจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ที่ใช้ลูกถีบซ้ายอัดเข้าหน้าท้องอัศวินคราม นาทีที่ศัตรูเสียหลักถอยหลังทหารหนุ่มใช้ดาบมือขวา เหวี่ยงตวัดเฉือนผิวเนื้อตรงสีข้างของอัศวินคราม เศษเลือดฟุ้งกระจายบนอากาศ ก่อนจะเปื้อนลงพื้นปนเศษฝุ่น
"ไอ้สัตว์ ! มึง" อัศวินครามก่นด่าใส่อีกฝ่าย พลางมองสำรวจบาดแผลบนร่างกาย "วันนี้กูต้องเจาะหัวกระโหลกมึงให้ได้" ว่าแล้วมันก็เปร่งพลังไฟธาตุอัสนีออกมา คลื่นสายฟ้าไหลเวียนรอบร่างกายของมันและขวานของมัน
ฝั่งจ่าสิบเอกเฉลิมชัยรวมรวบพลังไฟธาตุวายุ ไฟสีชาตไหลเวียนรอบตัวทหารหนุ่มและดาบทั้งสองเล่มเช่นกัน รอบนี้ต่างคนต่างคิดตรงกันว่าไม่ควรเยื้อการต่อสู้ มันต้องจบในยกเดียว เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ทั้งจ่าสิบเอกเฉลิมชัย และอัศวินครามต่างวิ่งพุ่งเข้าหากัน พร้อมเหวี่ยงอาวุธประจำกายที่อัดพลังเต็มพิกัดเข้าปะทะกัน
บึ้ม !
+++++