4 ไม่ต้องการ

1412 คำ
"เอเดน..." เสียงดาวิกาเดินตามลูกชายตัวเองมายังบริเวณหน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ เอเดนเองก็ชะงักเท้าหันกลับไปมองหน้าคนเป็นแม่นิ่ง "...อย่าถือสาพ่อเลยนะลูก เขาก็แบบนี้แหละ" "ผมไม่ได้จะมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนี้" "อืม แม่รู้" "ผมยังไม่พร้อมที่จะเป็นแบบพ่อ ไม่ชอบด้วย มันน่ารำคาญจะตายต้องมาคอยระวังตัวตลอดเวลา" ริมฝีปากหนาเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากจะเป็นมาเฟียแบบที่พ่อเขาเป็น เพราะเขาไม่ชอบการที่ต้องมานั่งระหวาดคนหักหลังใช้ชีวิตอยู่บนความน่ารำคาญมีดีอย่างเดียวก็แค่อำนาจในมือ อำอาจที่เขาไม่เคยจะต้องการมันเลยสักนิด สำหรับเขาแล้ว...มันไม่ได้จำเป็น "แม่เข้าใจเอเดนนะลูก แต่ว่า..." "...ถ้าลูกไม่สานต่อตำแหน่งพ่อ แล้วใครจะมาทำแทนล่ะลูก ลูกเป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อเขามีนะ" "ผมเป็นลูกชายคนเดียวก็จริง แต่ทำไมต้องมาฝากความหวังที่ผมด้วย" ดวงตาคมมองหน้าถามแม่ตัวเองนิ่ง เขาไม่ต้องการอะไรแบบนี้จริงๆเขาแค่รู้สึกอยากเป็นธรรมดาทั่วไปไม่ต้องมามีเรื่องให้ต้องคอยจัดการอยู่ตลอด เขาไม่ชอบความวุ่นวาย มันน่ารำคาญแล้วยิ่งคนที่เลือดร้อนอารมณ์ร้ายแบบเขาแล้วด้วย เวลาโมโห...เขามักจะหน้ามืดไม่คิดหรือไตร่ตรองอะไร เขาคิดว่าเขาไม่พร้อมและไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งอะไรทั้งนั้น "เอเดน..." "ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่า...ผมยังไม่พร้อมและคิดว่าอาจจะไม่รับตำแหน่งอะไรทั้งนั้นด้วย" "..." ดาวิกาก็นิ่งมองหน้าลูกชายแววตาเหนื่อยใจ "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว..." "แม่ไม่ได้จะเรียกเอเดนมาเพื่อคุยเรื่องนี้หรอกนะลูก" "..." ใบหน้าหล่อก็มองหน้าแม่ตัวเอง "แม่คิดถึงเอเดน" พูดจบ ร่างบางก็เดินเข้าไปโผกอดลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง "ครับ" คนตัวสูงก็ขานตอบรับกอดตอบคนเป็นแม่กลับด้วยท่าทีปกติไม่มีความอ้อนหวานเลยสักนิด "แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะ น้องวิไม่มาด้วยเหรอ" ดาวิกาถามก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดแกร่งของลูกชาย "วิทำงานครับ" "หื้อ? เพิ่งจะสอบเสร็จกันเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอลูก" "ครับ ลูกสะใภ้แม่มันบ้า" "ฮ่าๆเรานี่" หญิงสาววัยกลางคนก็หัวเราะยิ้มออกมากับคำพูดของคนเป็นลูก ซึ่งเอเดนเองก็ไม่พูดอะไรต่อหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา "งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" ริมฝีปากหนาหันไปเอ่ยบอกแม่ตัวเองขึ้น "อืม ขับรถดีๆนะลูก" "ครับ" แล้วสองเท้าหนาก็เดินตรงไปยังรถหรูที่จอดอยู่ทันทีโดยมีสายตาของหญิงวัยกลางคนที่มองตามแผ่นหลังหนาชายหนุ่มไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงอยู่บนใบหน้าตอนแรกที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง... @คอนโดขุนพล พึบ! เจ้าของใบหน้าหล่อลุคผู้ชายเถื่อนล้มตัวนั่งลงลนโซฟาหรูกลางห้องรับแขกคอนโดเพื่อนสนิทก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง "เหี้ยอะไรวะ" ปากหนาเอ่ยก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสอะไรบางอย่างที่เขาเผลอนั่งทับ "ไอ้สัสขุน" ใบหน้าหล่อพูดพร้อมกับหยิบสิ่งนั้นขึ้นมามองหน้าเพื่อนตัวเอง สิ่งนั้นก็คือ...ซองถุงยางอนามัยที่ถูกฉีกใช้แล้ว "..." ขุนพลก็นิ่งเอื้อมมือไปหยิบซองถุงยางนั้นทิ้งลงบนถังขยะภายในห้อง โดยเอเดนเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตึกตึก เสียงสองเท้าหนักของใครบางคนที่เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จจากบริเวณระเบียงเดินเข้ามานั่งลง "ทำไมวันนี้มาได้?" เอเดนหันไปมองหน้าถามคินหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาอีกคน "เลิกประชุมไว" คินตอบ "แล้วไม่รีบกลับไปหาเมีย?" "เดล บินไปหาไอ้ดิน" ทันทีที่คินตอบกลับมา เอเดนก็พยักหน้ารับรู้ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งก็คือขุนพลและคิน ทั้งสองเป็นเพื่อนที่พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมปลายเรียนมาด้วยกันแล้วก็มีอีกสองคนก็คือดินกับเตวินทร์ที่สนิทกันมานาน แต่ตอนนี้ดินได้ไปดูแลธุรกิจแทนพ่อที่ต่างประเทศ ส่วนเตวินทร์ก็เริ่มทำงานที่สตูดิโอของตัวเองทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะรวมตัวกันได้ครบแก๊งอย่างเมื่อก่อนได้ คินเองก็เช่นกันปกติเขาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างสักเท่าไหร่เพราะได้เริ่มช่วยพ่อดูแลธุรกิจสายการบิน "แล้ววิเวียนล่ะ" ขุนพลมองหน้าถามเพื่อนตัวเองขึ้น "ทำงาน" ปากหนาตอบ "คณะมึงเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานไม่ใช่?" ขุนพลถาม จริงๆพวกเขาเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะอย่างเอเดนกับเตวินทร์จะเรียนอยู่ที่คณะนิเทศ แต่ขุนพล ดิน คิน จะเรียนอยู่ที่คณะบริหารธุรกิจ "เออ" "แล้วเมียมึงทำที่ไหน" คินถาม "บริษัทรุ่นพี่มัน" เจ้าของใบหน้าหล่อก็ตอบกลับด้วยสีหน้าแสดงออกมาได้ชัดเจนว่าเบื่อหน่าย "เป็นห่าอะไร" ขุนพลถาม "กูไม่เข้าใจเมียตัวเอง ไม่รู้มันจะไปหาเรื่องให้ตัวเองลำบากทำไม มันคนเดียว กูเลี้ยงได้" เอเดนตอบ "ด้วยเงินใคร? เงินพ่อมึง?" คินถาม "เงินกูสิไอ้สัส" ปากหนาตอบกลับ "เงินมึง? งานมึงยังไม่ทำเลยเนี่ยนะ" ขุนพลถาม "กูเล่นหุ้นอยู่ไอ้สัส มันได้ปันผล" เจ้าของใบหน้าหล่อตอบ คำตอบของเขาทำเอาคินกับขุนพลชะงักไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ไม่อยากจะเชื่อ" ขุนพลเอ่ยออกมาตามความคิด "ไอ้สัส พูดงี้หมายความว่าไง" "ก็ปกติมึงลอยไปลอยมา ดูไม่เอาไหน" ทันทีที่ขุนพลพูดจบ เอเดนก็หันไปมองหน้าเอาเรื่องเพื่อนตัวเองทันที "ไอ้สัสขุน" "ก็เรื่องจริงที่มันพูด" คินพูดเสริมทำให้ร่างสูงหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคน "ไอ้เหี้ยคิน!" "มึงจะคิดเล่นแค่หุ้นหรือไง ไม่คิดจะทำอะไรอีก?" คินถาม "..." เอเดนก็นิ่งไม่ตอบ "ตำแหน่งพ่อมึง มึงจะไม่สานต่อ?" "กูไม่ชอบ" ปากหนาตอบกลับเพื่อนไปเสียงนิ่ง "แล้วมึงจะปล่อยให้สิ่งที่พ่อมึงสร้างมาพังลง?" ขุนพลถาม "..." เอเดนก็เอาแต่เงียบไม่ตอบ "คิดดีๆอายุยี่สิบสี่แล้ว" คินบอก โดยคำพูดของเขาทำเอาชายร่างสูงนั่งนิ่งไป คำว่าอายุยี่สิบสี่ที่คินพูดออกมานั้นมันคือเรื่องจริง ความจริงแล้วเอเดนอายุยี่สิบสี่เขาอายุเยอะกว่าเพื่อนทุกคนในกลุ่มเนื่องจากตอนสมัยเรียนอยู่มัธยมต้นที่ต่างประเทศเขาได้สร้างปัญหาที่เกิดจากการเป็นเด็กอารมณ์ร้อนทำให้เขากระทืบเด็กรุ่นเดียวกันที่เข้ามาหาเรื่องเขาอย่างไม่รู้ตาสีตาสา เขากระทืบเด็กคนนั้นจนปางตายเลยต้องถูกพักเรียนหนึ่งปีเต็มแล้วถูกส่งย้ายกลับมาเรียนที่ประเทศไทยจนได้เจอกับเพื่อนกลุ่มใหม่ ก็คือคิน ขุนพล เตวินทร์ ส่วนดินทั้งสองเพิ่งมาเจอกันที่ตอนเรียนมหาลัยเพราะดินเองก็เป็นเด็กนอกมาจากออสเตรเลีย เรื่องอายุของเขาเขาก็บอกเพื่อนตัวเองไปหลังจากที่เริ่มสนิทกันและด้วยความที่พวกเขามีความเป็นเด็กหัวนอกอยู่แล้วจึงไม่ได้ซีเรียสที่จะต้องมาเคารพกันแค่เพราะอายุมากกว่าแถมมากกว่าแค่ไม่เท่าไหร่ยังไงพวกเขาก็คือเพื่อนกัน วิเวียนเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคบกันไปได้สักพักซึ่งเอเดนก็บอกวิเวียนเหมือนกับที่บอกเพื่อนตัวเองทำให้ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็ปกติไม่ได้ต้องมานั่งถือตัวตามเกณฑ์อายุ ครืดดด เสียงโทรศัพท์หรูดังขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อได้สติ วิเวียน "เมียกูโทรมาตามให้ไปรับละ ไปก่อน" ปากหนาหันไปเอ่ยบอกเพื่อนขึ้น ทั้งสองก็พยักหน้ารับรู้ เอเดนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเดินออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม