"เอเดน..." เสียงดาวิกาเดินตามลูกชายตัวเองมายังบริเวณหน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ เอเดนเองก็ชะงักเท้าหันกลับไปมองหน้าคนเป็นแม่นิ่ง
"...อย่าถือสาพ่อเลยนะลูก เขาก็แบบนี้แหละ"
"ผมไม่ได้จะมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนี้"
"อืม แม่รู้"
"ผมยังไม่พร้อมที่จะเป็นแบบพ่อ ไม่ชอบด้วย มันน่ารำคาญจะตายต้องมาคอยระวังตัวตลอดเวลา" ริมฝีปากหนาเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากจะเป็นมาเฟียแบบที่พ่อเขาเป็น เพราะเขาไม่ชอบการที่ต้องมานั่งระหวาดคนหักหลังใช้ชีวิตอยู่บนความน่ารำคาญมีดีอย่างเดียวก็แค่อำนาจในมือ อำอาจที่เขาไม่เคยจะต้องการมันเลยสักนิด สำหรับเขาแล้ว...มันไม่ได้จำเป็น
"แม่เข้าใจเอเดนนะลูก แต่ว่า..."
"...ถ้าลูกไม่สานต่อตำแหน่งพ่อ แล้วใครจะมาทำแทนล่ะลูก ลูกเป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อเขามีนะ"
"ผมเป็นลูกชายคนเดียวก็จริง แต่ทำไมต้องมาฝากความหวังที่ผมด้วย" ดวงตาคมมองหน้าถามแม่ตัวเองนิ่ง เขาไม่ต้องการอะไรแบบนี้จริงๆเขาแค่รู้สึกอยากเป็นธรรมดาทั่วไปไม่ต้องมามีเรื่องให้ต้องคอยจัดการอยู่ตลอด เขาไม่ชอบความวุ่นวาย มันน่ารำคาญแล้วยิ่งคนที่เลือดร้อนอารมณ์ร้ายแบบเขาแล้วด้วย เวลาโมโห...เขามักจะหน้ามืดไม่คิดหรือไตร่ตรองอะไร เขาคิดว่าเขาไม่พร้อมและไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งอะไรทั้งนั้น
"เอเดน..."
"ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่า...ผมยังไม่พร้อมและคิดว่าอาจจะไม่รับตำแหน่งอะไรทั้งนั้นด้วย"
"..." ดาวิกาก็นิ่งมองหน้าลูกชายแววตาเหนื่อยใจ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว..."
"แม่ไม่ได้จะเรียกเอเดนมาเพื่อคุยเรื่องนี้หรอกนะลูก"
"..." ใบหน้าหล่อก็มองหน้าแม่ตัวเอง
"แม่คิดถึงเอเดน" พูดจบ ร่างบางก็เดินเข้าไปโผกอดลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง
"ครับ" คนตัวสูงก็ขานตอบรับกอดตอบคนเป็นแม่กลับด้วยท่าทีปกติไม่มีความอ้อนหวานเลยสักนิด
"แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะ น้องวิไม่มาด้วยเหรอ" ดาวิกาถามก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดแกร่งของลูกชาย
"วิทำงานครับ"
"หื้อ? เพิ่งจะสอบเสร็จกันเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอลูก"
"ครับ ลูกสะใภ้แม่มันบ้า"
"ฮ่าๆเรานี่" หญิงสาววัยกลางคนก็หัวเราะยิ้มออกมากับคำพูดของคนเป็นลูก ซึ่งเอเดนเองก็ไม่พูดอะไรต่อหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
"งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" ริมฝีปากหนาหันไปเอ่ยบอกแม่ตัวเองขึ้น
"อืม ขับรถดีๆนะลูก"
"ครับ" แล้วสองเท้าหนาก็เดินตรงไปยังรถหรูที่จอดอยู่ทันทีโดยมีสายตาของหญิงวัยกลางคนที่มองตามแผ่นหลังหนาชายหนุ่มไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงอยู่บนใบหน้าตอนแรกที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง...
@คอนโดขุนพล
พึบ!
เจ้าของใบหน้าหล่อลุคผู้ชายเถื่อนล้มตัวนั่งลงลนโซฟาหรูกลางห้องรับแขกคอนโดเพื่อนสนิทก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
"เหี้ยอะไรวะ" ปากหนาเอ่ยก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสอะไรบางอย่างที่เขาเผลอนั่งทับ
"ไอ้สัสขุน" ใบหน้าหล่อพูดพร้อมกับหยิบสิ่งนั้นขึ้นมามองหน้าเพื่อนตัวเอง สิ่งนั้นก็คือ...ซองถุงยางอนามัยที่ถูกฉีกใช้แล้ว
"..." ขุนพลก็นิ่งเอื้อมมือไปหยิบซองถุงยางนั้นทิ้งลงบนถังขยะภายในห้อง โดยเอเดนเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตึกตึก เสียงสองเท้าหนักของใครบางคนที่เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จจากบริเวณระเบียงเดินเข้ามานั่งลง
"ทำไมวันนี้มาได้?" เอเดนหันไปมองหน้าถามคินหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาอีกคน
"เลิกประชุมไว" คินตอบ
"แล้วไม่รีบกลับไปหาเมีย?"
"เดล บินไปหาไอ้ดิน" ทันทีที่คินตอบกลับมา เอเดนก็พยักหน้ารับรู้ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่กับเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งก็คือขุนพลและคิน ทั้งสองเป็นเพื่อนที่พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมปลายเรียนมาด้วยกันแล้วก็มีอีกสองคนก็คือดินกับเตวินทร์ที่สนิทกันมานาน แต่ตอนนี้ดินได้ไปดูแลธุรกิจแทนพ่อที่ต่างประเทศ ส่วนเตวินทร์ก็เริ่มทำงานที่สตูดิโอของตัวเองทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะรวมตัวกันได้ครบแก๊งอย่างเมื่อก่อนได้ คินเองก็เช่นกันปกติเขาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างสักเท่าไหร่เพราะได้เริ่มช่วยพ่อดูแลธุรกิจสายการบิน
"แล้ววิเวียนล่ะ" ขุนพลมองหน้าถามเพื่อนตัวเองขึ้น
"ทำงาน" ปากหนาตอบ
"คณะมึงเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานไม่ใช่?" ขุนพลถาม จริงๆพวกเขาเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะอย่างเอเดนกับเตวินทร์จะเรียนอยู่ที่คณะนิเทศ แต่ขุนพล ดิน คิน จะเรียนอยู่ที่คณะบริหารธุรกิจ
"เออ"
"แล้วเมียมึงทำที่ไหน" คินถาม
"บริษัทรุ่นพี่มัน" เจ้าของใบหน้าหล่อก็ตอบกลับด้วยสีหน้าแสดงออกมาได้ชัดเจนว่าเบื่อหน่าย
"เป็นห่าอะไร" ขุนพลถาม
"กูไม่เข้าใจเมียตัวเอง ไม่รู้มันจะไปหาเรื่องให้ตัวเองลำบากทำไม มันคนเดียว กูเลี้ยงได้" เอเดนตอบ
"ด้วยเงินใคร? เงินพ่อมึง?" คินถาม
"เงินกูสิไอ้สัส" ปากหนาตอบกลับ
"เงินมึง? งานมึงยังไม่ทำเลยเนี่ยนะ" ขุนพลถาม
"กูเล่นหุ้นอยู่ไอ้สัส มันได้ปันผล" เจ้าของใบหน้าหล่อตอบ คำตอบของเขาทำเอาคินกับขุนพลชะงักไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ไม่อยากจะเชื่อ" ขุนพลเอ่ยออกมาตามความคิด
"ไอ้สัส พูดงี้หมายความว่าไง"
"ก็ปกติมึงลอยไปลอยมา ดูไม่เอาไหน" ทันทีที่ขุนพลพูดจบ เอเดนก็หันไปมองหน้าเอาเรื่องเพื่อนตัวเองทันที
"ไอ้สัสขุน"
"ก็เรื่องจริงที่มันพูด" คินพูดเสริมทำให้ร่างสูงหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคน
"ไอ้เหี้ยคิน!"
"มึงจะคิดเล่นแค่หุ้นหรือไง ไม่คิดจะทำอะไรอีก?" คินถาม
"..." เอเดนก็นิ่งไม่ตอบ
"ตำแหน่งพ่อมึง มึงจะไม่สานต่อ?"
"กูไม่ชอบ" ปากหนาตอบกลับเพื่อนไปเสียงนิ่ง
"แล้วมึงจะปล่อยให้สิ่งที่พ่อมึงสร้างมาพังลง?" ขุนพลถาม
"..." เอเดนก็เอาแต่เงียบไม่ตอบ
"คิดดีๆอายุยี่สิบสี่แล้ว" คินบอก โดยคำพูดของเขาทำเอาชายร่างสูงนั่งนิ่งไป คำว่าอายุยี่สิบสี่ที่คินพูดออกมานั้นมันคือเรื่องจริง ความจริงแล้วเอเดนอายุยี่สิบสี่เขาอายุเยอะกว่าเพื่อนทุกคนในกลุ่มเนื่องจากตอนสมัยเรียนอยู่มัธยมต้นที่ต่างประเทศเขาได้สร้างปัญหาที่เกิดจากการเป็นเด็กอารมณ์ร้อนทำให้เขากระทืบเด็กรุ่นเดียวกันที่เข้ามาหาเรื่องเขาอย่างไม่รู้ตาสีตาสา เขากระทืบเด็กคนนั้นจนปางตายเลยต้องถูกพักเรียนหนึ่งปีเต็มแล้วถูกส่งย้ายกลับมาเรียนที่ประเทศไทยจนได้เจอกับเพื่อนกลุ่มใหม่ ก็คือคิน ขุนพล เตวินทร์ ส่วนดินทั้งสองเพิ่งมาเจอกันที่ตอนเรียนมหาลัยเพราะดินเองก็เป็นเด็กนอกมาจากออสเตรเลีย เรื่องอายุของเขาเขาก็บอกเพื่อนตัวเองไปหลังจากที่เริ่มสนิทกันและด้วยความที่พวกเขามีความเป็นเด็กหัวนอกอยู่แล้วจึงไม่ได้ซีเรียสที่จะต้องมาเคารพกันแค่เพราะอายุมากกว่าแถมมากกว่าแค่ไม่เท่าไหร่ยังไงพวกเขาก็คือเพื่อนกัน วิเวียนเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคบกันไปได้สักพักซึ่งเอเดนก็บอกวิเวียนเหมือนกับที่บอกเพื่อนตัวเองทำให้ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็ปกติไม่ได้ต้องมานั่งถือตัวตามเกณฑ์อายุ
ครืดดด เสียงโทรศัพท์หรูดังขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อได้สติ
วิเวียน
"เมียกูโทรมาตามให้ไปรับละ ไปก่อน" ปากหนาหันไปเอ่ยบอกเพื่อนขึ้น ทั้งสองก็พยักหน้ารับรู้ เอเดนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเดินออกไป