ดาร์กไซด์ #1
“นอนลงและอ้าขาให้ฉันเร็วเข้า” ไม่พูดเปล่าหากแต่มังกรยังจับร่างของพราวรุ้ง ให้พลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างของเขาแทน ท่ามกลางความตกใจของเธอซึ่งอ่อนประสบการณ์มากกว่า
……
โอ้ยยย คุณรี้ดขาเลือดกำเดาพุ่งแล้วค่ะ
สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
…………………………
“พราว… กำหนดการจ่ายค่าเทอมของเทอมหน้าออกมาแล้วนะ”
ทันทีที่จ๊ะจ๋าพูดถึงค่าเทอมของปีการศึกษาถัดไปขึ้นมา พราวรุ้งนักศึกษาปีสามคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำรายงานเตรียมส่งอาจารย์ในสัปดาห์ถัดไปอย่างขะมักเขม้นก็รีบหันไปถามเพื่อนสนิทอย่างให้ความสนใจทันที
“จริงเหรอ แล้วต้องจ่ายตอนไหน”
“ดูเหมือนเทอมนี้เขาจะเก็บเร็วกว่าเทอมที่แล้วนะ” จ๊ะจ๋าเอ่ยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักแล้วว่าต่อ “ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะเก็บประมาณปลาย ๆ เดือนหน้าเห็นจะได้”
“เก็บเดือนหน้าเลยเหรอ” เพียงแค่ได้ยินประโยคดังกล่าวพราวรุ้งก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง เนื่องจากกำหนดการจ่ายค่าเทอมของปีการศึกษาถัดไปนั้นเร็วกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากแน่นอนว่าการเก็บค่าเทอมเร็วกว่าปกติแบบนี้ย่อมทำให้เธอมีปัญหาเล็กน้อย เพราะค่าเทอมคณะเธอไม่ใช่ถูก ๆ เลย อีกทั้งช่วงนี้เธอเองก็กำลังมีปัญหาชีวิตด้วย
ก่อนหน้านี้หญิงสาวถูกครหาว่าเป็นเมียน้อยของหนุ่มใหญ่นักธุรกิจชาวฮ่องกงคนหนึ่งซึ่งแต่งงานกับสาวไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงพราวรุ้งไม่รู้จักนักธุรกิจคนนั้นเลยด้วยซ้ำ
“เธอเก็บเงินไม่ทันใช่ไหม” จ๊ะจ๋าเห็นท่าทีเคร่งเครียดของเพื่อนสาวเข้าจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างรู้ทัน
“อืม จะพูดอย่างนั้นก็ได้” พราวรุ้งยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เป็นที่รู้กันดีในบรรดาเพื่อน ๆ ของเธออยู่แล้วว่าเธอไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวร่ำรวยมีพร้อมซึ่งทุกอย่าง ที่ผ่านมาเธอต้องส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่เข้าปีหนึ่งหลังจากพ่อแม่หย่าร้างกันและไม่คิดจะสนใจไยดีลูกสาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำทั้งสองยังจงใจทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้เธอชดใช้อีก
พราวรุ้งเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะคุณยายที่เลี้ยงดูเธอมาเพียงคนเดียว และหลังจากที่ท่านจากโลกใบนี้ไปด้วยโรคชราตามอายุขัย หญิงสาวก็ต้องใช้ชีวิตชนิดปากกัดตีนถีบมาโดยตลอด เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ จนกระทั่งตอนนี้เธอก็เรียนมาจนถึงชั้นปีสามแล้ว
ชีวิตของพราวรุ้งค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอมีหน้าตาที่สวยงามอันเป็นต้นทุนซึ่งได้มาจากพ่อแม่ ใบหน้านี้ทำให้เธอได้รับโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณาเล็ก ๆ น้อย ๆ จนตอนนี้เธอได้ผันตัวเองมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือในอีกชื่อหนึ่งคือผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
พราวรุ้งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เนื่องจากเธอมักจะแสดงความคิดเห็นต่อสินค้าตัวนั้น ๆ อย่างตรงไปตรงมา ประกอบกับหน้าตาของเธอค่อนข้างสะสวย จึงทำให้ยอดผู้ติดตามในแพลตฟอร์มส่วนตัวของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเรียกได้ว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้
ชีวิตที่เคยหม่นหมองมานานนับตั้งแต่จำความได้นั้นเริ่มสดใสขึ้นอย่างช้า ๆ ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ประสบความสำเร็จหรือมีทุกอย่างตามที่วาดฝันเอาไว้ เธอก็ต้องมาเผชิญเข้ากับปัญหาใหญ่เสียก่อน นั่นคือการตกอยู่ในข้อครหาเรื่องเป็นเมียน้อยของชาวบ้าน
ไม่รู้ว่าความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ที่แน่ ๆ มันค่อนข้างสร้างความเสียหายให้กับพราวรุ้งมากเลยทีเดียว ต่อให้เธอจะพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วยการอธิบายเรื่องราวลงในแพลตฟอร์มส่วนตัวหรือพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าก็ยังไม่สามารถเรียกคืนทุกอย่างกลับมาได้อยู่ดี เธอถูกภรรยาหลวงของนักธุรกิจชาวฮ่องกงคนนั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไรกีดกันทางด้านการทำงานจนทำมาหากินแทบไม่ได้
คู่กรณีของเธอคนนี้นั้นค่อนข้างเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคมเพราะถือครองธุรกิจหลายอย่างเอาไว้ในมือ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดหากหล่อนจะคิดจัดการเธอไม่ให้มีลูกค้าคนไหนติดต่องานเข้ามาได้ ทั้งที่นั่นเป็นรายได้หลักของเธอ
ในตอนแรกพราวรุ้งยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองกำลังถูกผู้หญิงคนนั้นรังแกหรือไม่เธอพยายามมองโลกในแง่บวกว่าบางทีอาจเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้นที่งานของเธอดันหดหายไปในช่วงนี้พอดีหลังจากที่มีข่าวว่าเป็นเมียน้อยชาวบ้านแบบงง ๆ หญิงสาวพยายามไม่คิดโทษใครอยู่แล้วเชียว จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นแสดงตัวออกมาว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของหล่อน
ในวินาทีที่พราวรุ้งได้รู้ความจริงข้อนี้ เธอก็ได้แต่ถามผู้หญิงคนนั้นซ้ำ ๆ ว่าเธอทำผิดอะไรในเมื่อเธอไม่ได้เป็นเมียน้อยของสามีหล่อนจริง ๆ เสียหน่อย
“จะว่าไปแล้ว… ช่วงนี้เธอพอมีงานอะไรแนะนำฉันบ้างไหม” พราวรุ้งลองเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากจ๊ะจ๋า เธอจำเป็นที่จะต้องหาเงินให้ได้มากที่สุดก่อนที่วันจ่ายค่าเทอมจะมาถึง ในใจแอบหวังว่าเพื่อนสนิทจะสามารถแนะนำอะไรให้เธอได้บ้าง “งานอะไรก็ได้ที่ได้เงินเยอะ ๆ และได้เร็ว ๆ น่ะ”
“โจทย์ยากเลยแฮะ” จ๊ะจ๋าบอกกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ จากนั้นมองใบหน้าของพราวรุ้งครู่หนึ่งราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่างในหัว ไม่นานเธอก็บอกกลับมา “ทำไมเธอถึงไม่ใช้ความสวยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ล่ะ”
คำพูดของเพื่อนสนิททำให้พราวรุ้งต้องเลิกคิ้วสูง ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายความว่าอย่างไร
“เธอหมายความว่ายังไงเหรอ ฉันไม่เข้าใจ”
“หาเสี่ยเลี้ยงสักคนสิ”
“…” ประโยคนั้นทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งงัน