สกุลจาง

1787 คำ
หมู่บ้านน่าหลาง บ้านสกุลจาง   “ข้าไม่เห็นว่ามันจะน่าละอายตรงไหนเลยนะ นางก็อายุสิบห้าปีแล้ว หากท่านยังไม่อยากรีบให้นางออกเรือนไปก็ทำการหมั้นหมายไว้ก่อนได้นี่ บิดามารดานางก็ไม่อยู่ ผู้อาวุโสในสกุลจะทำการหมั้นหมายให้มันแปลกตรงที่ใดกัน” “หากว่าเจ้าคิดจะหาคู่ครองให้นางอย่างบริสุทธิ์ใจ ข้าจะคัดค้านเจ้าหรือชุนเถา แต่นี่เป็นเพราะเจ้าหวังเอาเงินสินสอดของนางมาใช้เรื่องส่วนตัว เจ้าไม่ละอายแต่ข้าละอาย เจ้าหยุดปากไปเสีย!!” “แล้วบุตรสาวของท่านล่ะ ท่านจะปล่อยให้นางตายไปเช่นนี้หรือจิตใจท่านทำด้วยอะไร ข้าไม่มีหนทางแล้ว ท่านจะให้ข้าทำเช่นไร ฮือ..ฮือ..”           เสียงร้องไห้โวยวาย และการโต้เถียงกันระหว่างสามีภรรย***านสกุลจาง ดังแว่วออกมานอกเรือนเกือบชั่วยามแล้ว ชาวบ้านใกล้เคียงต่างก็ชะเง้อคอมอง ลอบสอดส่ายสายตาอยู่ตามริมกำแพงอย่างสอดรู้สอดเห็น “ต้าฉวน เจ้าโวยวายเสียงดังอะไรกันแต่เช้าขนาดนี้” จางอู่เกินชายชราผู้เป็นบิดาของจางต้าฉวนรีบออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงของบุตรชายและลูกสะใภ้ทะเลาะกันเสียงดัง “ท่านพ่อ.. ชุนเถานางกังวลจนเลอะเลือนไปเท่านั้นขอรับ ข้าโมโหจึงได้เผลอเสียงดังตำหนินางไปนิดหน่อยขอรับ” “ท่านพ่อสามี ข้าไม่ได้เลอะเลือน พวกท่านเห็นใจข้าเถิด จื่อเหมยต้องการหมอจริงๆ ข้าไม่อาจทนเห็นนางเป็นอะไรไปโดยไม่ทำอะไรได้นะเจ้าคะ หากให้เฟยอีออกเรือนไปเสียเรายังได้เงินค่าสินสอดพาจื่อเหมยไปหาหมอ  ถ้าจื่อเหมยหายดีแล้วข้าจะหาทางค*****นให้บ้านสามจนครบเลยเจ้าค่ะ ข้าขอร้อง..ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฮือ..ฮือ" “เรื่องนี้ข้าพูดกับเจ้าไปแล้วนะชุนเถา ข้าไม่ยินยอมจะขายหลานสาวออกไปเช่นนี้หรอก" จางต้าฉวนขมวดคิ้วแน่น เขาทั้งโกรธทั้งอายจนตัวสั่น จางจื่อเหมยบุตรสาวคนโตของเขาออกไปช่วยงานในทุ่งนา แล้วเกิดเป็นลมศีรษะกระแทกพื้นจนสลบไปตั้งแต่เมื่อวาน ครอบครัวเขาไม่มีเงินพอที่จะพานางไปหาหมอ คนในหมู่บ้านก็ล้วนแล้วแต่ยากจนไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็หาที่พึ่งไม่ได้  หลี่ชุนเถาภรรยาของเขาร้อนใจรีบกลับไปที่บ้านเดิมของนาง หวังจะไปขอยืมเงินพ่อตาแม่ยายเพื่อพาบุตรสาวไปหาหมอก่อน แต่แล้วนางก็ได้แต่ร้องไห้ผิดหวังกลับมา  ทางหมู่บ้างฉางนั้นก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเช่นกัน พ่อตาแม่ยายของเขาก็แทบจะไม่มีอะไรกินกันอยู่แล้ว เขาจึงได้แต่ให้บุตรสาวนอนพักอยู่แต่ในเรือน และดูแลกันเอง จนข้ามวันนางก็ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา    เมื่อวานตอนที่หลี่ชุนเถาเดินทางกลับไปหมู่บ้านถูวั่งบ้านเดิมของนาง เผอิญได้รู้ข่าวมาว่า มีพ่อหม้ายผู้หนึ่ง ทำงานเป็นคนเชือดหมูอาศัยอยู่ในหมู่บ้านฉาง ประกาศให้สินสอด 1 ตำลึงเงิน เพื่อหาภรรยามาดูแลลูกสามคนที่เกิดจากภรรยาเก่าของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว  พ่อหม้ายคนนี้เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผิวดำหยาบกร้านทั้งยังมีลูกติดจึงไม่มีใครคิดจะแต่งให้กับเขา จนกลายเป็นเรื่องพูดคุยสนุกปากของชาวบ้าน หลี่ชุนเถาที่กำลังกระวนกระวายใจเรื่องบุตรสาว จึงเอ่ยถึงหลานสาวจางเฟยอีกับจางต้าฉวน ว่าหลานของเขาถึงวัยออกเรือนแล้ว จางเฟยอีเป็นเด็กสาวทึ่มทื่อไม่มีปากเสียงกับผู้ใด ซ้ำบิดามารดาก็หายสาบสูญไปนานกว่าสี่ปีแล้ว ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านจัดการให้ย่อมยินยอมแต่งออกไปโดยไม่ขัดแย้ง หากได้ค่าสินสอดนั้นมาก็จะได้เงินพาจางจื่อเหมยไปรักษาตัวได้ เขาโกรธภรรยาจนดุว่าไปครั้งหนึ่งตั้งแต่เมื่อวาน หลานสาวของเขาเพิ่งจะอายุสิบห้าปี แต่พ่อหม้ายนั่นอายุเกือบจะสี่สิบปีแล้ว ซ้ำยังมีลูกติดอีกสามคน จะให้หลานสาวของเขาแต่งไปเป็นคนรับใช้ของบ้านนั้นหรืออย่างไร  หลี่ชุนเถานั้นทั้งทุกข์ใจทั้งกลัว นางเองก็เลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่เล็กเช่นกัน แต่พอหน้าสิ่วหน้าขวานก็คิดหาทางออกอื่นไม่ได้ พอเห็นสามีต่อต้านรุนแรง จึงได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญดูแลเช็ดเนื้อตัวให้บุตรสาวไปตลอดทั้งคืน ไม่คิดว่าพอเช้านี้ จางจื่อเหมยกลับมีไข้สูง เรียกอย่างไรก็ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยสีหน้าก็ดูย่ำแย่กว่าเมื่อวานมาก ทำให้นางชุนเถาถึงกับคลุ้มคลั่งไล่ตีเขาให้ออกไปหาเงิน เขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน เขาไปหาสหายมาหลายคนแล้ว แต่ละคนล้วนผ่ายผอมยากลำบากยิ่งกว่าเขาเสียอีก “ต้าฉวน เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาท่านหัวหน้าหมู่บ้านบอกให้เขาช่วยขายที่นาของเราออกไปเสียเถิด ต้าหลางเจ้าก็ไปบ้านอ้ายกัวขอยืมเกวียนเขามาเตรียมพาจื่อเหมยไปหาหมอในเมืองก่อน ค่ารักษาหลังจากขายที่ดินได้แล้วเราก็รีบนำไปจ่ายท่านหมอเสีย” จางอู่เกินสั่งความบุตรชายทั้งสองอย่างเศร้าสร้อย  “ท่านพ่อ หากขายที่ดินแล้วต่อไปพวกเราจะทำอะไรกินกัน ตลอดสามปีมานี่พวกเราก็ทยอยขายจนเหลือเพียงที่นาไม่มากแล้วนะขอรับ”    จางต้าหลางเอ่ยเตือนผู้เป็นบิดา โดยมีภรรยาของเขาลอบกระตุกแขนเสื้ออยู่ข้างๆ พวกเขาเคยปรึกษากันเรื่องนี้แล้วว่าหากบิดาจะขายที่ดินออกไปอีก เขาจะคัดค้านเพราะหากไม่มีที่ดินเหลือไว้เพาะปลูกทำกิน ก็เท่ากับตัดอนาคตของทุกคนในบ้านสกุลจางทั้งหมด   “ท่านพ่อ ที่ดินเวลานี้ก็ใช่ว่าจะขายได้ง่าย ภัยแล้งยาวนานมาสองปีกว่าแล้ว ที่ดินต่างก็ราคาตกต่ำคงจะขายไม่ได้โดยไวหรอกขอรับ”  จางต้าฉวนกล่าวกับบิดา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องการขายที่ดินออกไป แต่เป็นเพราะอยากขายก็ไม่มีใครต้องการต่างหาก เวลานี้ทุกคนในหมู่บ้าน ต่างก็ไปบอกฝากขายที่ดินไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านกันแทบทุกคนแล้ว หากจะลดราคาก็คงต้องแข่งกันลดจนแทบจะยกให้เปล่าๆ ความคิดนี้จึงเป็นอันต้องพับไป หลี่ชุนเถาหรือนางหลี่ซื่อ ยิ่งฟังสามพ่อลูกพูดคุยตอบโต้กันไปมา ก็ยิ่งร้อนรน “นั่นก็ไม่ได้! นี่ก็ไม่ได้! พวกท่านจะให้ข้าทำเช่นไร หากส่งเฟยอีออกเรือนไปก็ลดคนกินข้าวไปอีกหนึ่งคน" นางพยายามหาข้ออ้างมากล่าว ถึงแม้จะรู้สึกผิด แต่เพื่อบุตรสาวแล้ว เวลานี้นางยอมกลายเป็นคนชั่ว นางหลี่ซื่อหันไปเห็นน้องชายสามีและภรรยาที่ยืนฟังอยู่ ก็รีบเรียกพวกเขา  "ต้าหลางน้องสะใภ้ หากให้เฟยอีออกเรือนไปบุตรชายหญิงของพวกเจ้าก็จะได้กินอาหารมากขึ้นไม่ใช่หรือ เจ้าช่วยขอร้องท่านพ่อกับพี่ชายใหญ่ของเจ้าให้ข้าอีกแรงเถิด” หลี่ชุนเถาโผมาหาสะใภ้รอง ร่ำไห้ปานจะขาดใจ จางต้าฉวนเห็นผู้เป็นภรรยาร่ำไห้ ก็ได้แต่นึกโทษตัวเองรีบไปพยุงร่างนางหลี่ซื่อเอาไว้ “ข้าขอโทษชุนเถา ข้ามันเป็นพ่อไม่เอาไหน ข้าจะไปในเมืองขายตัวเองเป็นบ่าวทาสให้สกุลใหญ่ เจ้าเลิกร้องไห้เสียเถิด จื่อเหมยต้องได้ไปหาหมออย่างแน่นอน   ท่านพ่อ..ท่านไม่ต้องขายที่ดินหรอกขอรับพวกเราไม่มีอาชีพอื่นแล้ว หากไม่มีนาไว้ปลูกข้าวกินเอง ทุกคนในบ้านต้องอดตายอย่างแน่นอน ข้าจะไปในเมืองกับน้องรอง ได้เงินแล้วก็ให้น้องรองรีบพาจื่อเหมยไปหาหมอเงินส่วนที่เหลือก็เอามาซื้ออาหารไว้ให้คนในบ้านเถิดขอรับ” “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของข้าบ้านสกุลจางต่อไปก็ต้องเป็นเจ้าคอยดูแลน้องและหลานๆ ต้าฉวนเอ้ย… อย่าพูดเรื่องขายตัวเป็นทาสอะไรพวกนี้อีกเลย”  จางอู่เกินกุมหน้าอกพูดออกมาพร้อมๆ กับร่างของเขาก็ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น “ท่านพ่อ!!” “ท่านพ่อ!!” จางต้าฉวนและจางต้าหลาง รีบเข้ามารับร่างของบิดาโดยเร็ว ยังดีที่เขายังไม่ทันล้มลงไปเวลานี้หากบิดาเจ็บป่วยไปอีกคน นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่ที่พวกเขาไม่อาจรับได้อีกต่อไป “ไม่เป็นไรๆ ข้าเพียงหน้ามืดไปเท่านั้น ” จางอู่เกินบอกกับบุตรชาย หลังจากที่ได้นั่งพักลงสักครู่ เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง           “ท่านพ่อ เช่นนั้นข้าจะขายตัวเองไปเป็นบ่าวเอง ข้าก็ทนมองทุกคนอดอยากอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้วขอรับ”  จางต้าหลางเอ่ยน้ำตาคลอเบ้า เดิมทีเขามีอาชีพช่างไม้ เป็นลูกจ้างเถ้าแก่ร้านขายเครื่องเรือนที่อยู่ในเมือง แต่หลายปีก่อนประสบอุบัติเหตุแขนขวาของเขามีแผลขนาดใหญ่บริเวณข้อศอก หลังจากแผลหายดีแล้วแขนของเขากลับมีแผลเป็น ผิวหนังบริเวณนั้นยึดติดกันเป็นพังผืด ไม่สามารถยืดออกได้เหมือนคนปกติอีกเลย         การเป็นช่างไม้ต้องใช้กำลังที่แขนและมือเป็นอย่างมาก เถ้าแก่กลัวว่าเขาจะทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงบีบให้เขาลาออกจากงาน และจำต้องเดินทางกลับมาช่วยครอบครัวทำไร่นาอยู่ที่บ้าน  ช่วงแรก ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่สองสามปีที่ผ่านมานี้ เกิดภัยแล้งไปทั่วทุกแห่ง ปัญหาการขาดแคลนอาหารกระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน การต้องทนมองภรรยาและลูกนอนหลับลงไปโดยที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องอยู่บ่อยๆ นั่นมันทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนัก  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม