"เราควรคุยกันให้เข้าใจและตกลงกันดีๆ ไม่อย่างนั้น...เธอเองนั่นแหละที่จะเจ็บตัวและรู้เอาไว้เสียด้วยว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอหรือฉันใครคนใดคนหนึ่งตายจนกว่าเราจะมีลูกด้วยกัน..."
ตุบ!! "อื้อ!!" ร่างเล็กถูกผลักจนล้มหน้าคว่ำลงบนที่นอน หล่อนดีดดึ๋งเพราะความนุ่มและยืดหยุ่น หญิงสาวรีบพลิกตัวหันหน้าออกด้านนอกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ราวินก็ทิ้งตัวลงมาคร่อมเอาไว้พอดี สายตาสั่นระริกอาบหยดน้ำเหลือบมองบาดแผลโชกเลือดตรงข้อมือของเขา ยอมรับว่ารู้สึกกลัวจนใจหวิวโหวงเหวงจนต้องลอบกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอ
"หรือเราควรระลึกความหลังกันสักยกสองยกให้เธอหมดแรงก่อนแล้วค่อยมาพูดเรื่องธุระกัน"
"..." หล่อนไม่ยอมปริปาก หลบสายตาคมกล้าปรือกะพริบจนน้ำตาไหลร่วงเผาะลงทางขมับทั้งสอง ราวินโน้มตัวลงมาจนใบหน้าห่างกันเพียงคืบ
"ไม่! อย่า!!..." น้ำเสียงของหล่อนพร่าพร่าง เบาหวิวตะกุกตะกักบอกให้รู้ถึงความรู้สึกอันมืดมิดสุดแสนจนฝ่ายชายหนุ่มต้องชะงัก มองใบหน้างามซึ่งหลับตาหายใจหอบถี่แล้วก็โน้มลงประทับรอยจูบตรงขมับด้านขวา ใช้ริมฝีปากซับหยดน้ำตาและลากมาตรงพวงแก้มเจือสีชาติ ลมหายใจของเขา...อุ่นร้อนและทำให้หัวใจของหล่อนยิ่งเต้นระส่ำ
"ไม่ต้องร้อง...ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ นิ่งซะแล้วเราจะได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอกปาย" องค์อินทร์รู้สึกได้ว่าหล่อนปลอดภัยขึ้นอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่ยังตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา หญิงสาวค่อยๆ คลายความเกร็งเครียดและผ่อนคลายลง อย่างไรเสียหล่อนก็ไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว "ลำดับแรก...เลิกเรียกฉันว่าแกซะที ฉันชื่อโรม..." เขาบอกแล้วก็ผละลุกออกมา
องค์อินทร์ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ความรู้สึกแปลบปลาบยังคงแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย หล่อนพยุงตัวลุกจากที่นอนเปลี่ยนอิริยาบถเป็นท่านั่ง เห็นเขาเดินไปเปิดประตู ครู่หนึ่งผู้ชายในชุดดำที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ก็วิ่งไปเอากล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กมาให้ เขารับมันไว้และกลับมานั่งตรงโซฟาเบดด้านหลังของหล่อน
"คุณแม่ของฉันเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ..." จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นในขณะที่เช็ดทำความสะอาดบาดแผลด้วยตัวเอง องค์อินทร์เอียงตัวหันไปมองอย่างสนใจ เงื่อนงำตรงนี้อาจเป็นสาเหตุที่หล่อนต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่
"ท่านทั้งสองหมั้นหมายเราสองคนไว้ตั้งแต่เธอยังไม่เกิดด้วยซ้ำ"
"พี่โรม..." หล่อนอุทานชื่อที่จำฝังใจมาตั้งแต่จำความได้ เนื่องจากบิดาเคยกล่าวถึงให้ฟังบ่อยๆ แต่หล่อนไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเขาและลืมไปเสียสนิทไม่ได้เอะใจเลยว่าผู้ชายลึกลับที่จับหล่อนมาก็มีชื่อเดียวกันนี้ แถมชื่อจริงก็ยังเหมือนกันอีก "ราวิน"...
"ฉันไปเรียนเมืองนอกและทำงานที่โน่นเสียหลายปี...คุณแม่ท่านล้มป่วยจึงกลับมารับช่วงต่อธุรกิจทางนี้และท่านก็อยากให้ฉันตามหาเธอ ก่อนที่ท่านจะ...อาการหนักกว่านี้" ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาทำแผลโดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือ พลางเล่าความเป็นมาพอสังเขปให้หล่อนได้รับทราบ
"คุณก็เลยฉุดฉันมาย่ำยีแบบนี้เหรอ" น้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงความเจ็บช้ำที่ยังฝากฝังอยู่ในตัว สายตาจงเกลียดจงชังก่อนหน้าเปลี่ยนมาเป็นตัดพ้อต่อขานและจ้องมองเขาไม่ลดละ แฝงคำถามว่าทำไมถึงใจจืดใจดำไม่เห็นหล่อนเป็นคนเลยหรืออย่างไร
"มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด..."
"แล้วฉันต้องต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่คุณเข้าใจผิดด้วยการถูกทำร้ายแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือยังไง"
"ฟังก่อน..." เขาปราม หยุดภารกิจไว้ชั่วครู่แล้วมองสีหน้าอันสลดจนน่าใจหายของหล่อน
"เมื่อคืนก่อนเราพบกันที่ร้านบลู คืนที่เธอไปอาละวาดไอ้ภักษ์จำได้ไหม...ภักษ์บอกว่าเธอเป็นเมียน้อยของมันที่เลิกรากันไปแล้ว แต่กลับมาแบล็คเมล์และทำร้ายครอบครัวของมันเพราะต้องการเงิน"
"สารเลวนั่นมันโกหก!" หล่อนกล่าวด้วยความแค้นใจ สีหน้าฉายแววกรุ่นโกรธขึ้นมาอีกครั้งในทันที อันที่จริงหล่อนก็จำไม่ได้หรอกว่าราวินอยู่ในร้านนั้นด้วย ก็เพิ่งจะมารู้เมื่อตอนที่ได้พบกันอีกครั้งตัวต่อตัวนั่นแหละ
"ฉันไม่รู้ แต่หลังจากที่..." เขาหยุดก่อนที่จะกล่าวถึงเหตุการณ์ซึ่งทำร้ายจิตใจหล่อน หลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมัน ถอนหายใจ...ก่อนจะกล่าวต่อ "หลังจากคืนนั้นฉันถึงแน่ใจว่าบางอย่างมันผิดพลาด มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้...เธอก็ควรบอก" ราวินใช้คีมคีบสำลีชุ่มเลือดวางในถาดแล้วคีบสำลีอีกอันจุ่มน้ำยาเช็ดแผล ก่อนจะใช้ผ้าก็อซสีขาวพันเอาไว้ด้วยความทุลักทุเล แต่เขาก็นิ่งมากไม่ได้รีบร้อนจนทุกอย่างเรียบร้อย
"มีแผลคนละแผล...เราหายกัน"
"หึ..." หล่อนยิ้มหยัน
"ทีนี้บอกฉันมาว่าหากเธอกับเพื่อนของฉันไม่ได้เป็นอย่างที่มันว่า...แล้วทำไมถึงต้องตามจองล้างจองผลาญกันด้วย"
"มันเรื่องของฉัน...แก..." แล้วหล่อนก็นึกขึ้นได้ถึงสรรพนามที่เขาไม่ชอบใจนั้น
"คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แล้วอีกอย่าง...คำสัญญาบ้าบออะไรที่คุณว่ามาฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อน พวกคุณกับครอบครัวฉันรู้จักกันจริงๆ หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ปล่อยฉันไปเถอะ...ฉันไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณหรอก" น้ำเสียงนั้นแค่นแค้นยิ่งนัก
"ฉันมีหลักฐานและพยาน...เธออยากจะไปพบคุณแม่ฉันก็ได้นะ ท่านจะยืนยันทุกอย่างได้ดี..." เขาลุกเดินอ้อมเตียงนอนมายังด้านหน้าของหล่อน ตั้งใจไม่พูดให้จบประโยคแล้วใช้มือค้ำคร่อมร่างที่นั่งนิ่งแข็งทื่อเอาไว้ ใบหน้าห่างกันเพียงคืบ...และได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นครึกโครมของหล่อน
"ว่าเธอเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว..."
"นี่! ฉันจะเป็นของใครหรือไม่อยากเป็นของใครฉันควรมีสิทธิ์คิดเองสิ ออกไปนะ!!" สองมือเล็กผลักอกแกร่งด้วยความรังเกียจ แค่กลิ่นกายของเขาก็สร้างความสะอิดสะเอียนเหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว ราวินผละออกตามแรงผลัก...ไม่ใช่เพราะสู้แรงหล่อนไม่ได้ แต่เพราะเห็นอาการว่าไม่ควรอยู่ใกล้ในขณะนี้ เขาต้องการที่จะเจรจากับหล่อนแต่โดยดี
"แต่ตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้วองค์อินทร์...เป็นคนแรกของเธอเสียด้วย ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เธอก็ควรจะยอมรับมันซะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา..."
"คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม...ถึงได้ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย"
"ก็เพราะฉันเป็นคนนี่แหละถึงอยากจะตกลงกับเธอดีๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องมานั่งต่อปากต่อคำกับเธออีกทำไมกัน" ชายหนุ่มถามย้อนกลับ ยกมือเท้าสะเอวเริ่มหงุดหงิดที่เจ้าหล่อนไม่ยอมเปิดใจเอาเสียเลย
"แค่ชั่วข้ามคืน...ชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปทั้งชีวิต คุณจะให้ฉันยอมรับอะไรง่ายๆ ได้ยังไง"
"ทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าเธอเชื่อฉัน...เราจะแต่งงานกัน มีลูกด้วยกันให้คุณแม่ท่านได้เชยชม ก่อนที่ท่านจะไม่มีโอกาสนั้นอีก นั่นคือสิ่งเดียวที่ท่านปรารถนา"
"แต่มันไม่เกี่ยวกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว"
"มันเกี่ยว...เพราะคุณแม่ต้องการเธอเท่านั้นมาเป็นสะใภ้ องค์อินทร์...ฉันจะไม่สนใจเรื่องอดีตอีกไม่ว่าจะเคยเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็ควรจะลืมทุกอย่างซะแล้วมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน" แววตาคมดุจริงจัง แต่ไม่ถึงขั้นส่อแววร้องขอ เขามองหล่อนนึ่งขรึมแล้วถอนหายใจยาว "ฉันไม่ได้อยากบังคับใคร...แต่เธอก็คงออกไปจากที่นี่ไม่ได้จนกว่าจะยอมรับเงื่อนไงของฉัน"
องค์อินทร์ก้มหน้าต่ำ ดวงตาแน่วแน่ต่อต้านและไม่เอ่ยประโยคใดตอบโต้ หล่อนรู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากแต่จะให้ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองต้องฝืนหล่อนก็ทำไม่ได้เช่นกัน
"เรียกพอนเข้ามาซิ..." เขาตะโกนบอกคนด้านนอก แล้วก็เดินจากไปจงใจทิ้งให้หล่อนอยู่กับความคิดที่หมุนติ้วไร้ทิศทาง สองมือน้อยกำเข้าหากันแน่น...
"คุณปาย...เป็นยังไงบ้างคะ เอ๊ะนั่นเลือด!" พอนเดินเข้ามาก็เห็นคราบเลือดที่เปรอะพื้นแต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นของใคร เนื่องจากหล่อนเห็นบาดแผลของราวินและมีดที่วางอยู่บนพื้น เมื่อเหลือบตามององค์อินทร์ก็พบว่าหญิงสาวทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เสียแล้ว
พอนถอนหายใจผ่อนคลายอารมณ์เล็กน้อยก่อนจะจัดการเข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาดพื้น...แม้หล่อนจะเป็นนางพยาบาลส่วนตัวถูกจ้างให้มาดูแลองค์อินทร์อย่างใกล้ชิดเพียงอย่างเดียวแต่ด้วยไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้มากนักตามคำสั่งของราวิน หากมีอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหล่อนก็มักจะจัดการเสียเองทั้งสิ้น
จิตแพทย์และแพทย์ตรวจร่างกายเข้ามาพบองค์อินทร์ในช่วงเย็นของวันนั้น พูดคุย...และเยียวยาหล่อนทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยที่ราวินไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายอีกเลย เขาหายตัวไปเหมือนกับว่าปล่อยให้หล่อนได้ผ่อนปรนต่อความหวาดระแวงและได้ปรับตัว
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนัก...