ตอนที่ 3
“มาอยู่เมืองไทยแค่สองเดือนก็จะซื้อรถ..ว่างั้น” ไกรสรพูดกวน ๆ หลังจากสุชาครีย์เดินออกจากบูตมา คุณหมอหนุ่มหัวเราะอย่างขบขัน แต่ไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น
“ก็ประมาณนั้นครับ ผมไม่ชอบขึ้นแท็กซี่”
“แต่ว่า..พรุ่งนี้แกก็จะไปเป็นอาจารย์หมอที่นี่แล้ว ยังจ้องจะตะครุบเหยื่อสาว ๆ พวกนี้อยู่อีกเหรอ"
“แหม่!..ก็นาน ๆ จะได้เจอสาวไทยสักครั้งนี่ครับ และพวกน้อง ๆ ก็น่ากินไม่ใช่เล่นนี่ครับ ฮ่า ๆ” สุชาครีย์พูดทีเล่นทีจริง
“เออ!...ว่าแต่ตอนที่ผมเดินเข้าไปในบูต พี่ได้ขอเบอร์น้องอีกคนไว้หรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามเพราะเขาบอกให้ไกรสรขอเบอร์พริตตี้อีกคนหนึ่งเอาไว้
“จะบ้าเหรอ!!..ใครจะไปใจกล้าหน้าด้านเหมือนแก”
“พี่ก็มัวแต่กลัวอยู่แบบนี้ไงเล่า พี่ถึงได้โสดจนทุกวันนี้ไง”
“ฉันยอมโสดโว้ย!..ก็มันอายนี่หว่า อีกอย่าง..ฉันยิ่งเป็นคนแพ้ความสวยอยู่ด้วย ใจมันสั่นยังก็ไม่รู้ว่ะ” หญิงสาวที่สองคนที่เดินสวนเข้าไปในงานมองตามทั้งคู่ที่เดินออกมาจนแทบจะหันหลังกลับ เพราะสุชาครีย์เผลอขยิบตาให้กับพวกเธอ
“ฉันว่าแกถอดเขี้ยวเล็บออกก่อนดีไหม ไหน ๆ ก็รับปากช่วยพ่อฉันแล้ว อย่าให้มีอะไรฉาวๆ จนเสียไปถึงคุณลุงของแกจะดีกว่านะ” ไกรสรรีบเตือนสุชาครีย์ให้รู้ว่า ตัวเขาเองมากรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลอะไร
เมื่อครั้งหนึ่งสุชาครีย์ได้คบหากับสาวลูกครึ่งไทยเยอรมันจนเรียกได้ว่าเป็นแฟนกัน เพียงแต่พอคบกันไปจนถึงจุดจุดหนึ่ง เขากับอีกฝ่ายก็มีทัศนคติบางอย่างที่ไม่ตรงกันจนต้องยุติความสัมพันธ์ไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสุชาครีย์ก็ไม่เคยจริงจังกับใครอีกเลย มีแต่คบ ๆ เลิก ๆ มาโดยตลอด
“เป็นหมอก็มีหัวใจนะครับพี่สร และวันนี้ผมยังไม่ได้เป็นอาจารย์หมอเลย นาน ๆ จะได้มาเมืองไทยสักทีนะครับ" คุณหมอหนุ่มยักคิ้ว แล้วเดินออกจากงานมอเตอร์โชว์ไป โดยที่ไกรสรส่ายหัวในความเสเพลของอีกฝ่าย นักธุรกิจหนุ่มไม่เข้าใจว่าการเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย ๆ มันมีความสุขตรงไหน เพราะสำหรับเขาต่อให้มีผู้หญิงสักกี่คนมาอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่ใช่คนที่รักแล้วเขาไม่เอาดีกว่า
ไกรสรนั้นไม่ได้เจริญรอยตามผู้เป็นพ่อ เพราะว่าเขาไปเรียนแพทย์ได้ปีกว่า ๆ ก็ไม่เอาเสียแล้วมันไม่ใช่ทางของเขา ไกรสรจึงหันมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ถนัดมากกว่า ซึ่งปัจจุบันไกรสรเปิดร้านกาแฟที่มีแฟรนไชส์มากกว่าห้าสิบสาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการขยายตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายของธุรกิจกาแฟของเขา
“เราแยกกันตรงนี้นะครับพีสร..เดี๋ยวผมกลับเองได้” เขาบอกไกรสรที่เดินตามมา
“ก็ได้...แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับแก..ที่บ้านนะ”
“ขอบคุณครับ”
ด้วยความหล่อของสุชาครีย์ ถ้าหากเขาได้ลองไปอยู่ใกล้ๆ สาวคนไหนนานเกินสามนาทีละก็ พวกหล่อนต้องกลายมาเป็นฝ่ายที่อยากจะทำความรู้จักเขาเสียเอง และด้วยดวงตาคมมีเสน่ห์ของเขาแล้ว ใครที่ได้สบตากับเขาแล้วละก็ เธอพวกเหล่านั้นก็แทบใจละลายและบางคนถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะกะทันหันเลยก็มี
ร่างสูงในชุดเสื้อสูทสีเทาเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาว เขาใส่ชุดนี้มาตั้งแต่ขึ้นเครื่อง กางเกงสแล็กส์สีดำสนิทก้าวออกมาจากประตูของอาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็คเมืองทองธานี ดวงตาคมระยับมองไปยังสาวงามนางหนึ่ง ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็หวีดร้องเสียงดังลั่น