“อา...ซิลเวีย ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” ปลายลิ้นเย็นชุ่มฉ่ำปาดไล้ไปมาบนผิวนุ่มรอบลำคอระหงที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาให้เห็นเพราะไม่อาจอดกลั้น เท่านี้มันก็ทำให้ร่างกายบางส่วนของเขาที่หลับไหลตื่นตัวขึ้นมาจนน่าตกใจ เขาปรารถนาร่างกายที่ยั่วยวนตรงหน้านี้เหลือเกิน กี่ภพกี่ชาติ ร้อยวันพันปีพ้นผ่าน ไม่เคยปรารถนาเธอน้อยลงเลย
ร่างกายที่เย็นชืดดุจน้ำแข็งเริ่มอุ่นขึ้น เพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัสเธอเบาๆ ลากไล้ลงมาจนถึงเนินทรวงขาวผ่องเต็มตึง ผิวของเธอช่างหวานหอมนัก เพียงแค่นึกอยากจะกลืนกิน เขี้ยวแหลมๆ ก็งอกขึ้นมา มันครูดเบาๆ ไปบนเนื้อนุ่มและไปหยุดอยู่ที่ลำคอขาวผ่องอีกครั้ง เขี้ยวแหลมคมงอกยาวยิ่งขึ้นอีก พร้อมกับที่เจ้าของร่างที่ถูกล่วงเกินยามหลับเริ่มเคลื่อนไหว พลิกศีรษะไปมาบนหมอน ละเมอเบาๆ
“อือ...”
ใบหน้าที่ซุกไซ้ซอกคอจึงเงยขึ้น ยันกายกลับมานั่งตรงขอบเตียงเช่นเดิม ราชาแวมไพร์ที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปด้วยไฟเสน่หา รีบข่มกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนที่เผลอแสดงออกมาให้กลับสู่ภาวะปกติเช่นเดิม เขี้ยวแหลมคมหดกลับทันเวลาที่ดวงตาคู่สวยกำลังลืมขึ้นมาพอดี
‘โอ...เธอต้องฝันไปแน่ๆ’ ฝันเห็นบุรุษรูปงามกำลังทอดสายตามองเธออย่างหวานซึ้ง เขาช่างหล่อเหลา ไม่สิ...มากกว่าคำว่าหล่อเหลา มากกว่านั้น ใบหน้าที่เหมือนรูปสลัก ชวนมองและน่าหลงใหล
“คุณเป็นใครคะ” คำถามที่เอ่ยออกมาคล้ายจะละเมอมากกว่าที่จะถามเอาคำตอบ ฟังดูแผ่วเบาแต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
“สามีของคุณอย่างไรล่ะ”
“สามี ฉันเคยมีสามีด้วยเหรอ ตอนไหนกัน”
“มองผมดีๆ สิที่รัก คุณยังจำสามีคนนี้ได้ไหม”
เธอขยับตัวยันกายลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปจับใบหน้าขาวซีดนั้นราวกับตกอยู่ในห้วงความฝัน คล้ายความฝันในคืนก่อนที่จะเดินทางมาบาวาเรียเลย ‘ก็แค่ฝัน เธอจะกลัวอะไร’ ณิชานันท์บอกตนเอง ปลายนิ้วเรียวอุ่นๆ ไล้ไปตามกรอบหน้ารูปสลักน่าหลงใหลนั้นอย่างชื่นชม เผลอยิ้มซุกซนออกมาโดยไม่รู้ตัว
‘สามีของฉันรูปงามเหมือนเจ้าชายเลยหรือเนี่ย’
“คุณมีตัวตนจริงๆ เหรอคะ”
เขาพยักหน้า ยิ้มหวานซึ้งมากกว่าเดิม พลางจับมือนุ่มมาจุมพิต
“แต่ฉันรู้ ว่ามันคงเป็นได้แค่ความฝัน”
“เปล่า มันคือความจริง” เขาแย้งเสียงนุ่ม จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลนิ่ง ขยับเข้ามาใกล้ชิดอีกนิด จนใบหน้าแทบจะชนกัน หญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจของเขากำลังเป่ารดพวงแก้มของเธอ
หญิงสาวส่ายหน้า เธอไม่มีวันเชื่อ
“ได้โปรดเชื่อเถอะ”
“ไม่”
เขาพยายามทำให้เธอเชื่อด้วยการสบตากับเธอ ใช้พลังจิตที่คิดตอนแรกว่าจะไม่ใช้ สะกดให้เธอได้เห็นภาพแห่งความทรงจำครั้งเก่าก่อน ก่อนหน้านั้นเป็นร้อยๆ ปี โดยที่หญิงสาวรู้สึกเหมือนตนเองกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งของความฝันอีกครั้ง
ภาพในความฝัน เธอแต่งกายด้วยชุดนอนสีหวานยาวกรอมเท้าราวกับเจ้าหญิง เธอตอบรับสัมผัสอันอ่อนโยนของเขา ที่แลดูเหมือนเจ้าชาย แค่ได้ชิดใกล้ก็ใจละลายแล้ว เธอยอมให้เขาสวมกอด ยอมให้เขาจุมพิตด้วยความเต็มอกเต็มใจ ทว่าเมื่ออ้อมกอดนั้นแน่นขึ้น จุมพิตนั้นเร่าร้อนขึ้น เธอกลับรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าผู้หญิงหน้าเหมือนคนนั้นคือตัวเธอเอง รู้สึกหวาดหวั่นระคนหวั่นไหว
ชั่ววูบหนึ่งณิชานันท์ก็รู้สึกว่าเธอคือสาวน้อยนางนั้น ที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายรูปงาม หญิงสาวไม่รู้หรอกว่านี่คืออดีตของตัวเธอเอง รู้เพียงอย่างเดียว ตอนนี้เธอคงกำลังฝัน
ความวาบหวามซาบซ่านในอ้อมกอดที่แข็งแรง ทำให้เธอคิดอะไรไม่ค่อยออก รู้สึกกลัวๆ กล้าๆ เขินอายไม่แม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเจ้าของดวงตาคมกล้าแสนหวานที่แค่เพียงเห็นแว้บๆ ก็พาใจประหม่าสั่นไหว ร่างบางสะท้านไปกับสัมผัสแสนอ่อนโยนของเขา ริมฝีปากสีสดกำลังก้มต่ำลงมา ปัดริมฝีปากของเธอแผ่วเบาราวขนนกในนาทีแรก ก่อนจะที่สองแขนจะดึงร่างบางกระชับแน่นขึ้นพร้อมกับจุมพิตที่เริ่มรุกรานล่วงล้ำเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
สาวน้อยใจเต้นรัวแรง นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว ลึกๆ กลับรู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงของเขา ‘เจ้าหญิงของข้า’ เธอรู้สึกว่าเขากำลังเรียกขานเธอเบาๆ ทั้งที่ริมฝีปากของเขายังไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เขากำลังมอบความรู้สึกที่แสนพิเศษที่ไม่เคยได้รับสัมผัสจากผู้ชายคนไหนมาก่อนให้กับเธอ นอกจากในฝัน แผ่นหลังบางเริ่มแตะพื้นที่นอน โดยมีร่างแกร่งกำยำกึ่งเปลือยของชายหนุ่มทาบทับลงมา