บทที่3.2

1912 คำ
“พี่อาร์!” ฉันพุ่งเข้าไปทันทีเมื่อสังเกตเห็นบาดแผลตรงมุมปากของเขา รู้สึกโกรธจนแทบลุกเป็นไฟได้อยู่แล้ว ไอ้หน้าปลวกนั่นทำร้ายพี่อาร์ของฉันเหรอ... “...” พี่อาร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อฉันวิ่งเข้าไปหา ฉันรู้ว่าตัวเองเสนอหน้าไม่เข้าเรื่อง แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แต่ว่านะ... “ฉันเตือนแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเนย...” ผู้ชายที่เป็นคู่กรณีทำเสียงไม่พอใจ ซ้ำร้ายยังใช้นิ้วชี้หน้าพี่อาร์อย่างเสียมารยาทอีก โห... “แดน...พี่อาร์ไม่ได้...” ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะแก้ต่าง แต่ก็ถูกคนที่ชื่อแดนอะไรนั่นเเทรกขึ้นมา “อย่าแก้ตัวแทนมันนะเนย มันมายุ่งกับเธอกี่ครั้งแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องสั่งสอนมัน” “หนูว่าพวกพี่เข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ พี่อาร์ไม่ใช่คนที่จะแย่งหรือยุ่งกับของของใคร” ฉันเปิดปากพูด “จริงๆ นะคะ หนูสาบานได้เลย” ฉันชูนิ้วทำท่าวันทยหัตถ์อย่างจริงจัง แต่กลับกลายเป็นว่าได้ยินเสียงคนรอบข้างหัวเราะกลับมาอย่างขบขัน “ไปเล่นขายของที่บ้านไหมหนู ผู้ใหญ่เขาจะเคลียร์กัน” พลั่ก! ไม่ใช่แค่พูด แต่คนชื่อแดนอะไรนั่นกลับย่างเข้ามาแล้วผลักฉันออกห่างด้วยความรุนแรง เเล้วเเบบอีนี่ถลาแทบหน้าคะมำกับพื้นเลยจ้า มากไปแล้วหรือเปล่า ฉันคิดอย่างเคืองขุ่น รีบหันกลับไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้านิ่งๆ ของพี่อาร์ดูเยือกเย็นกว่าที่เคยเป็นขณะมองหน้าไอ้ผู้ชายไร้มารยาทคนนั้น แต่ไม่มีอะไรน่าตกใจเท่ากับคำพูดนิ่งๆ แต่เชือดนิ่มๆ ของพี่อาร์ได้เลย “คนขี้ขลาดมักใช้แต่กำลัง...แกรู้ใช่ไหม” “นี่แกด่าฉันเหรอ!” คนชื่อแดนเบิกตาโพลง คว้าคอเสื้อพี่อาร์เหมือนนักเลงไม่มีผิด ทว่าพี่อาร์กลับยืนอยู่เฉยๆ จ้องผู้ชายคนนั้นกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน สายตาของเขานิ่งมาก ติดจะหน่ายด้วยซ้ำ แต่มันก็น่าเกรงขามเเละมีเสน่ห์อย่างน่าแปลก “จะบอกให้หายโง่...ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาฉันสักนิด” สถานการณ์เหมือนจะเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อพี่อาร์สุดหล่อของฉันยอมปริปากพูดอะไรยาวๆ สีหน้าเหนื่อยหน่ายของเขามองผ่านไหล่ผู้ชายชื่อแดนไปหาผู้หญิงซึ่งคาดว่าเป็นตัวต้นเหตุ เชื่อเถอะค่ะ พี่อาร์รู้สึกอย่างที่ปากพูดจริงๆ นั่นแหละ คนอย่างเขาไม่เคยชายตามองใครหรอก ต่อให้สวยล้นฟ้าระดับ Victoria secret ก็ไม่ทำให้พี่แกหวั่นไหวหรอก... “พี่อาร์” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงใคร แต่เป็นเสียงของผู้หญิงที่ชื่อเนยอะไรนั่น แววตาของเธอแสดงออกถึงความปวดร้าว “เลิกหลอกตัวเองแล้วปล่อย” พี่อาร์ยังคงใช้น้ำเสียงนิ่งๆ ถึงจะดูเป็นคำพูดที่ธรรมดา แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมา “ปล่อย” “พี่อาร์บอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิคะ เอามือออกไปเลยนะ” อ้อ...เสียงของฉันเองค่ะ ยืนมองนานๆ แล้วมันทนไม่ได้จริงๆ พลั่ก! ผู้ชายหน้าปลวกเหมือนฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไป แล้วดันเขาออกห่างจากพี่อาร์ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด ฉันรู้ว่าเขาแรงเยอะแค่ไหน แต่ที่ยอมปล่อยง่ายๆ แบบนั้นคงไม่มีทางเลือกมั้ง พี่เนยอะไรนั่นก็เหมือนกำลังร้องไห้ด้วย... ฉันดูออกว่าเธอคงเสียใจกับสิ่งที่พี่อาร์พูด แต่ทำยังไงได้ล่ะ... หลายนาทีผ่านไป... “...” “พี่อาร์ควรทำแผลนะคะ หน้าหล่อๆ ของพี่บวมหมดแล้วอ่ะ” “...” “ถ้ามันติดเชื้อขึ้นมา แผลมันจะเน่า หนอนขึ้นด้วยนะคะ!” พูดขนาดนี้ก็ยังนิ่งอยู่ได้ ตอบสนองน้องสักหน่อยสิคะ เป็นห่วงนะเนี่ย เดินตามตูดต้อยๆ พูดด้วยก็แล้ว โน่นนี่ก็แล้ว แต่เขาไม่สนใจใยดีฉันเลย กำลังพูดกับท่อนไม้หรือเปล่าเนี่ย ฉันหน้าบูดทันทีเมื่อผู้ชายตัวสูง ผิวขาวออร่าจับซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เอาแต่เดินเท่ๆ เหมือนไม่รู้สึกเจ็บกับบาดแผลที่ได้รับ เห็นแล้วมันหงุดหงิดนะ ฉันเป็นห่วงเขาขนาดนี้ แต่เขาน่ะ ไม่เป็นห่วงตัวเองบ้างเลยเหรอ “...” “พี่อาร์คะ ให้หนูทำแผลให้ไหม” สุดท้ายแล้ว ฉันก็วิ่งไปดักหน้าเขาจนได้ กันทางไม่ให้เขาเดินหนีด้วย ทว่า...พี่อาร์กลับเลิกคิ้วและจ้องหน้าฉัน สีหน้าเขาดูง่วงนอนมากเลย “ไปไหนก็ไป อย่ามาเกะกะ รำคาญ” เสียงงัวเงียปนหงุดหงิดทำให้ฉันทำหน้าบึ้งตึงหนักกว่าเดิม นี่พี่เขาง่วงนอนทั้งที่ยังเดินตากแดดแบบนี้น่ะเหรอ “ไม่เอา! หนูไม่ไปจนกว่าพี่อาร์จะทำแผลค่ะ ทำไมดื้อจังเลย หน้าเละขนาดนี้เลยนะ...” ปกติฉันคงไม่กล้าพูดแบบนี้กับเขาแน่ แต่พี่อาร์ดื้อด้านมากเกินไปจริงๆ นี่นา เห็นเงียบๆ ดูเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ ความจริงทำตัวได้น่าตีเหมือนกันนะ! “ฉันจะทำหรือไม่ มันไม่ใช่ธุระของเธอ” เป๊าะ! “โอ๊ย” ฉันร้องครวญครางออกมาอย่างเสียไม่ได้ ยกมือคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ ไม่รู้ว่าพี่อาร์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ใช้นิ้วดีดหน้าผากกันแรงขนาดนี้ แต่ไม่ยอมหรอก “...” ว่าแล้วก็วิ่งตามแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปค่อนข้างไกล ไม่นานก็ตีตื้นตามทันร่างสูงได้สำเร็จ หมับ... ในเมื่อเขาไม่ยอม ก็คงต้องมัดมือชกแล้วแหละ! เพราะพี่อาร์ทำตัวแบบนี้ ฉันจึงคว้าข้อมือของเขาไว้ก่อนออกแรงดึงให้หันหน้ากลับมา สิ่งที่ฉันทำมันค่อนข้างน่ารำคาญอันนี้รู้ดี แต่ทำยังไงได้ล่ะ ก็พี่เขาเล่นไม่สนใจอะไรเลย ไม่สนใจฉันไม่เป็นไร แต่บาดแผลบนหน้าเขาควรใส่ใจมันนะ “งั้นไปคลินิกกับหนูเดี๋ยวนี้เลย” ฉันบังคับแล้วออกแรงดึงเขา แต่กลับกลายเป็นว่าทำได้แค่เดินอยู่กับที่เพราะพี่อาร์ไม่สะเทือนอะไรสักนิด โฮกก~ “เลิกพยายามสักที” รู้ไหม คำพูดของพี่อาร์ทำให้ฉันหยุดพยายามไปพักหนึ่ง ตัดสินใจหันกลับไปจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย แต่ยังกระชับข้อมือของเขาแน่น และไม่ปล่อยด้วย... “หนูก็แค่อยากให้พี่อาร์ทำแผลเฉยๆ แผลที่ปากพี่อ่ะ เลือดออกด้วยนะคะ” พูดพลางจ้องบาดแผล ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง คนอะไรไม่รู้ ตัวสูงชะมัด ขืนแหงนหน้าขึ้นแบบนี้เป็นเวลานานคงเมื่อยแน่ๆ “เลือดออก มีแผล มีเรื่องกับคนอื่น ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องของเธอ” “ก็หนูเป็นห่วงพี่นี่นา” ฉันสารภาพอย่างหน้าด้านๆ “แม่ยังไม่ห่วงฉันเลย แล้วเธอเป็นใคร” ฉันขมวดคิ้วใส่ทันที ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่อาร์บอกว่าแม่ไม่เป็นห่วงเขาเหรอ ไม่จริงหรอกมั้ง แม่น่ะก็ต้องเป็นห่วงลูกหมดนั่นแหละ และถึงแม้คำพูดของเขาดูน่าเศร้า แต่พี่เขายังทำหน้าเหมือนเดิมประหนึ่งชาชินกับทุกอย่าง หากแววตาของเขายังดูหน่ายๆ เหมือนเดิม ไม่เคยเห็นพี่เขายิ้มแบบกว้างๆ สักครั้งเลย เขาดูเป็นคนเก็บความรู้สึกต่างๆ ไว้ในใจมากกว่าแสดงออกมา “ไม่จริงหรอกค่ะ! แม่ต้องเป็นห่วงลูกทุกคนอยู่แล้ว” ฉันยิ้มกว้าง แต่พี่อาร์กลับสะบัดข้อมือฉันออก จากนั้นไม่นานก็เดินจากไปอีกครั้ง ฉันยืนงงนิดหน่อยแต่ก็ไม่วายเดินตามหลังเขาไปเรื่อยๆ ไม่พูดอะไร เอาแต่มองเขาจากข้างหลังแบบนี้... พี่อาร์น่ะ รูปร่างดีมาก ตัวสูง ถึงดูผอมไปนิด ขาวซีดจนเหมือนแวมไพร์ แต่ก็ดูเป็นคนที่สามารถปกป้องใครได้ พี่อาร์เล่นกีฬาเก่ง มันขับให้พี่เขาดูแข็งแรง คิดว่าต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ดีแน่ๆ ฮือ...ใจเต้นแรงอีกแล้ว ปึก! มัวแต่ชื่นชมและจมอยู่ในโลกแห่งความฝันมานานหลายนาที ความเจ็บจากการเดินชนเข้ากับบางสิ่งทำให้ฉันหลุดออกมาจากความคิดเหล่านั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าไอ้สิ่งที่ฉันชนเข้าอย่างจังคือแผ่นหลังของพี่อาร์นั่นเอง เขาหยุดเดินตอนไหนไม่รู้...ไม่บอกไม่กล่าวเลย “เลิกตามได้หรือยัง” เขาถามเสียงหงุดหงิดนิดหน่อย ตอนนั้นฉันจึงสังเกตเห็นว่าขณะนี้เราสองคนเดินมาจนถึงบ้านหลังหนึ่ง และบ้านหลังนั้นก็คือบ้านของผู้ชายตรงหน้าฉันนี่เอง โห...เราเดินมาไกลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย “...” ที่เงียบไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะอยู่ๆ พี่อาร์ก็เปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้ฉันอมอากาศตรงนี้เนื่องจากทำตัวไม่ถูก “อย่าลืมทำแผลนะคะ กินยาแก้ปวดด้วยก็ดี” แต่ก็ไม่วายตะโกนตามหลังอย่างเป็นห่วง ฉันยิ้ม หมุนตัวเตรียมเดินจากไป ทว่า!!!! เอี๊ยด!!!! หมับ... ร่างของฉันกลับถูกกระชากไปกอดอย่างแน่นในตอนที่ใบหูได้ยินเสียงบางอย่างดังสนั่นอยู่ใกล้ๆ พอตั้งสติได้เท่าที่ควรจึงมองไปยังต้นตอของเสียง แล้วรู้ไหมว่าฉันเห็นอะไร... ฉันเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล เหมือนว่าเสียหลักมาจากไหนสักที่และฉันเกือบเป็นเหยื่อสังเวยให้ความประมาทของเขา ยังดีที่เขาเบรกได้ทัน กอปรกับมีคนดึงฉันออกจากเหตุการณ์ได้ทันด้วย “น่ารำคาญจริง” สะ...เสียงพี่อาร์นี่นา ตึกตัก...ตึกตัก... พอรู้ว่าใครเป็นเจ้าของอ้อมกอดในตอนนี้ ไอ้หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นมาเลย...มือไม้สั่นไปหมด ให้เดานะ ป่านนี้หน้าคงแดงเถือกเป็นลูกตำลึงแล้วแน่ๆ “หนู...” ฉันกำลังจะพูดอะไร แต่กลิ่นน้ำหอมของเขา ฝ่ามือและท่อนแขนแข็งแรงที่กำลังโอบรัดรอบกายกลับทำให้เสียงของฉันขาดหายไป ความตื่นเต้นดีใจถูกแทนที่ด้วยความวิตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนฉันกลายเป็นคนประหม่าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...ทำตัวไม่ถูกแล้ว อ้อมกอดของเขาแนบแน่นและอบอุ่นเหมือนกำลังจมอยู่ในความฝันเลย “ทีหลังก็ดูซะบ้าง” เสียงทุ้มติดหงุดหงิดของร่างสูงทำให้ฉันได้สติแล้วรีบปรับเปลี่ยนสีหน้า ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่พี่อาร์ดันร่างฉันออกด้วยความรำคาญ “ขอบคุณนะคะพี่อาร์ ถ้าไม่ได้พี่หนูคงกลายเป็นผีแล้วแน่ๆ” ฉันยกมือไหว้และยิ้มให้กว้างๆ แต่พี่อาร์ยังคงเป็นพี่อาร์นั่นแหละ เขาเหลือบมองนิดหน่อยแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ฉันยืนยิ้มเป็นผีบ้าคนเดียวตรงนี้กระทั่งทุกอย่างกลับมาเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงลมหวิวๆ และหัวใจของตัวเองที่ยังเต้นกระหน่ำไม่หยุดหย่อน เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่ที่ฉันจะชาชินกับอาการเหล่านี้สักที...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม