บทที่2.2

1924 คำ
สิบนาทีต่อมา “ลิลินดา ทำไมไม่เปลี่ยนชุด” ฉันลงมาโรงยิมทั้งที่ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน อย่างที่บอกไปว่าลืมเอามา แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปยืมใครด้วย พอดีไม่ค่อยสนิทกับเด็กห้องอื่นน่ะ ผลสุดท้ายจึงต้องลงมาทั้งชุดนักเรียนนี่แหละ “หนูลืมเอามาค่ะครู” ตอบแล้วยิ้มเจื่อน มีฉันเพียงคนเดียวท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่แปลกแยกและแตกต่าง แต่มันไม่น่าอายหรอกถ้าหากว่าตรงหน้าไม่มีพี่อาร์อยู่ด้วย เขายืนและจ้องมาที่ฉันนิ่งๆ สายตาคาดเดาอะไรไม่ได้แบบนั้นทำให้ฉันใจสั่นและนึกถึงสัมผัสจากเขาอยู่ร่ำไป “แล้วจะเรียนมันทั้งชุดนักเรียนอย่างนั้นหรือไง ทำไมไม่ไปหายืมคนอื่น” ว่าแล้วก็โดนเทศน์ยกใหญ่ ฉันเลยทำได้แค่ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกผิดจริงๆ ก็คนมันลืมนี่นา ฮือ “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นปัญหา” แล้วรู้ไหม อยู่ๆ พี่อาร์ที่เงียบเป็นเป่าสากมานานก็แทรกขึ้นมา ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ตกหลุมรักซ้ำๆ ด้วยรอยยิ้ม พ่อพระของน้อง~ “...” ฉันเพ้อแล้วยิ้มอย่างดีใจ แต่ทว่า... “คนไม่มีความรับผิดชอบ ก็แค่ไม่ต้องเรียน” อ้าว...คดีพลิก! “...” ฉันเงียบไปเลย ก้มหน้ามองเท้าตัวเองอีกครั้ง พี่อาร์ใจร้ายชะมัดเลยอ่า หลอกให้เราคิดว่าจะช่วย ที่ไหนได้ดันเทซะไม่เหลือซาก ดูสิ ยัยพวกนั้นหัวเราะชอบใจใหญ่แล้ว “นั่นสิ เช็กขาดเลยดีไหม” ครูแม็กทำเสียงดุและเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่อาร์พูด ฉันเลยทำสายตาอ้อนวอนเต็มที่ “ให้หนูทำอะไรก็ได้น้า ไม่เช็กขาดสิ” ฉันโอดครวญหนักมากและเหลือบมองพี่อาร์แวบหนึ่ง พี่เขาน่ะยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิมเลย “นะๆๆ หนูยอมรับผิดแล้วเนี่ย” ฉันยกมือไหว้แล้วถูไถไปมา นาทีนี้เพื่อคะแนนเข้าเรียนแล้วฉันสู้ตายมาก เพราะคะแนนสอบออกมาไม่ดีไง อะไรที่ช่วยอัพเกรดฉันก็ทำหมดนั่นแหละ “ว่าไงดีอาริยะ” ครูแม็กหันไปถามพี่อาร์ที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างๆ ซึ่งพี่แกก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่แคร์สื่อ ท่าทางคงรำคาญน่าดู “งั้นก็เรียนมันทั้งชุดนักเรียน” “ขอบคุณค่า!” ฉันกระดี๊กระด๊าใหญ่ ยกมือไหว้พี่อาร์หนึ่งครั้งอย่างสวยงามเป็นการขอบคุณ แต่พี่เขาดันทำหน้าเหมือนฉันเป็นผีบ้าแล้วเลื่อนสายตาไปทางอื่นแทน ฉันมองหน้าคนหล่อพักหนึ่งอย่างดีใจ ถึงจะเย็นชา ปากร้ายและเนือยไปกับทุกสิ่ง แต่จริงๆ เขาก็ดูใจดีเหมือนกันนะ ถึงจะกลั่นออกมาจากความรำคาญก็เถอะ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็วิ่งไปรวมตัวกับพวกเพื่อนๆ และฟังพี่อาร์อธิบายโน่นนี่อย่างตั้งอกตั้งใจ อื้อหือ...คนอะไรทำไมเสียงถึงเซ็กซี่ขยี้ใจได้ขนาดนั้น ถึงจะดูห้วนๆ แหบๆ เหมือนไม่เต็มใจพูดก็เถอะ แต่แบบ...ฟังแล้วมดลูกสั่นสามสิบริกเตอร์เลยค่ะ ฉันมองหน้าพี่อาร์แล้วยิ้มเขิน เนื้อความที่เขาพูดออกมามีอะไรบ้างนี่แทบไม่ได้ฟัง จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิด มือไม้ม้วนเป็นเลขแปดเลยทีเดียว พอเป็นแบบนั้นสมองมันก็ดันทุรังนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนที่เขาจูบฉัน...สัมผัสเถื่อนๆ กับความเปียกชื้นตรงริมฝีปาก อา... “เข้าใจแล้วก็ลองทำทีละคน” เสียงนิ่งๆ ติดห้วนของพี่อาร์ทำให้ฉันได้สติคืนมาอีกครั้ง จึงพบว่าตอนนี้เขาสอนเรื่องการชู้ตบาสอย่างถูกวิธี ซึ่งบรรดาชะนีนางอื่นก็กระดี๊กระด๊าวิ่งพรวดเข้าไปเอาลูกบาสในมือพี่อาร์อย่างออกนอกหน้านอกตา คือพี่แกจะให้แต่ละคนลองชู้ตบาสตามวิธีที่เขาสอนน่ะ ปกติยัยพวกรักสวยรักงามนั่นไม่ได้ชอบกีฬาเสียเหงื่อนักหรอก (เดี๋ยวหน้าเยิ้ม) แต่คงเป็นข้อยกเว้นสำหรับครั้งนี้ล่ะมั้งคะ “ทำยังไงแล้วนะคะ แพรวลืม...” นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ ยัยแพรวขนตาสามชั้นก็เอ่ยเสียงอ่อย การวางเท้าก็ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่านั่นเสแสร้งหรือไม่รู้จริงๆ กันแน่ แต่ถ้าให้เดาคงเป็นอย่างแรกมากกว่า “ที่พูดไปไม่ได้ฟังเหรอ” ฉันยกมือปิดปากขำแทบไม่ทันเมื่อพี่อาร์ตอกกลับยัยแพรวเสียงนิ่ง สายตาของเขาดูเหนื่อยหน่ายไปหมด ถ้าด่าได้เขาคงด่าไปแล้วล่ะ “ขะ ขอโทษค่ะ” ยัยแพรวเอ่ยเสียงอ่อน หน้าซีดหน้าเซียวอย่างน่าสงสาร สุดท้ายแล้วแผนการอ่อยพี่อาร์ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ฉันยืนดูยัยพวกนั้นอยู่ท้ายๆ ของแถว แม้แต่ยัยส้มเปรี้ยวเองก็ทำหน้าสะใจแบบไม่ปกปิด “สมน้ำหน้าว่ะ” ไม่เพียงสีหน้าที่แสดงออกมา แต่แม่นางยังยกมือป้องปากแล้วยื่นหน้ามากระซิบข้างหูฉันอีกต่างหาก ถ้าไม่เห็นแก่หน้าคนครูแม็กนะ ฉันว่าป่านนี้มันคงหัวเราะจนลิ้นไก่สั่นแล้วค่ะนี่จะไม่อยากจะพูด “คิกๆ” ฉันเองก็หัวร่อต่อกระซิกตามไป ท่าทางดัดจริตนิดหน่อย... แต่สักพักก็กลับมาทำตัวเป็นปกติเมื่อพี่อาร์ตวัดตามาทางนี้พอดิบพอดี คงเพราะเสียงหัวเราะมันดังมากเกินไปล่ะมั้ง พอทุกอย่างกลับมาเรียบร้อยแล้ว พี่อาร์ก็หันหน้ากลับไปสนใจเด็กนักเรียนคนอื่นต่อ เขามองทุกคนอย่างไม่คลาดสายตา แต่แววตายังดูเนือยไม่หยุด ก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าเมื่อยไปทำไม เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ กระทั่งคิวรันมาถึงฉันแบบพอดิบพอดี สองขาก็รีบก้าวฉับไปยืนอยู่ตรงจุดที่ติดเทปไว้อย่างกระตือรือร้น ตอนนี้ยัยพวกผู้หญิงในห้องมองมาที่ฉันเป็นตาเดียวเลย แถมรังสียังฆ่าฟันแบบสุดๆ ด้วย “รับบอล” เสียงพี่อาร์ปลุกฉันจากภวังค์ ฉันจึงรีบหันกลับไปมองร่างสูงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลและรับลูกบาสมาถือไว้ ไม่ลืมส่งยิ้มหวานเป็นการสำทับ “ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงอ่อนละมุนแล้วตั้งท่าตามที่พี่อาร์บอก ความจริงตอนที่เขาพูดฉันน่ะไม่ได้ฟังเลยเพราะเอาแต่จ้องหน้าเขาอย่างเดียว แต่อย่างที่บอก...ฉันชอบพี่เขา ดังนั้นเราจึงเรียนรู้ในสิ่งที่เขาชอบด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลนั้นแล้ว การวางท่า การชูตอย่างถูกวิธี ฉันศึกษามาหมดแล้วไม่ต้องห่วง อิๆ แต่...ในจังหวะที่ฉันกำลังส่งแรงดันไปยังลูกบาส สมาธิที่สั่งสมมาพังพินาศจนหมดสิ้นเพราะฝ่ามือเย็นๆ คละความอุ่นแบบแปลกๆ ของใครสักคนแตะที่ข้อศอกฉันเบาๆ เขาบังคับให้ฉันยกศอกขึ้นสูงกว่านี้... “ต่ำไป” เขากระซิบ น้ำเสียงของเขายังนิ่งงันตามสไตล์ แต่เพราะระยะห่างของเรามันใกล้กว่าเดิมมากจึงรับรู้ได้ถึงลมหายใจรุ่มร้อนของเขา โอ๊ย จะบ้าแล้ว “ระ รับทราบค่ะ” ฉันตอบรับเสียงสั่น สติสตางค์กระจัดกระจายไปกันคนละทิศละทางและเก็บกลับมาประกอบกันแทบไม่ติดแล้วจริงๆ “รู้แล้วก็ยก” เขาเอ่ยเสียงรำคาญ ฉันลนลานแล้วรีบยกขึ้นทันที ก็เขาเล่นเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้นี่นา ใครมันจะควบคุมสติตัวเองได้เล่า คนหล่อไม่เคยเข้าใจหัวอกสาวน้อยน่ารักอย่างฉันหรอก “จะ จ้า...” ฉันตอบรับอีกครั้งแล้วเล็งตรงห่วงไว้อย่างแม่นยำ ไม่นานก็ส่งแรงดันให้ชูตลงห่วงตามที่ต้องการทันที หากทว่า พึ่บ... ไม่ลง ไม่ลงไม่เท่าไรหรอก แต่ประเด็นคือมันอยู่ห่างไกลจากห่วงแบบโคตรๆ เลยไง ทั้งที่ตอนเล็งก็เล็งไว้อย่างแม่นยำแล้วแท้ๆ กะจะโชว์เท่ต่อหน้าพี่อาร์สักหน่อย บ้าจริง! “ไม่เข้าท่าสักคน” พี่อาร์หันไปพูดกับครูแม็ก สีหน้าดูเบื่อหน่ายออกแนวประมาณว่าที่ทำไปมันไม่มีประโยชน์ ก็นะ...พี่เป็นนักบาสนะ แล้วพวกหนูเป็นแค่คนธรรมดา จะให้เก่งกาจแบบพี่ได้ยังไง อีกอย่างถ้าอยากให้เก่ง...ก็แค่สอนแบบตัวต่อตัวไปเลยสิ ง่ายออก... “ลิลินดา!” ช่วงพักเบรกของคาบถูกทำลายด้วยเสียงเรียกของครูแม็ก และแน่นอนว่ามันทำให้การเม้าท์ของฉันกับยัยส้มเปรี้ยวหยุดลง กำลังถึงจุดพีคแล้วแท้ๆ ฉันหน้าบึ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบวิ่งไปหาแกทันทีเพราะคิดว่าต้องเรียกใช้งานอีกแน่ๆ “ค่าครู มีอะไรให้หนูรับใช้คะ” ฉันถามอย่างรู้ทัน แต่ก็เบาเสียงลงเมื่อเห็นว่าพี่อาร์ยืนอยู่ข้างๆ เขาเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงสีเข้ม เท่บรรลัยสุไหงโกลกมาก! “พอดีห้องน้ำของยิมมันกำลังซ่อมแซม ครูวานให้เธอพาอาริยะไปห้องน้ำใหม่ใกล้ๆ นี่หน่อยได้ไหม” พะ พาไปห้องน้ำเหรอ จริงสินะ ตอนนี้ห้องน้ำในยิมกำลังซ่อมแซม และใกล้ๆ นี้ก็มีห้องน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ไม่กี่วันด้วย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่แกไม่ใช่เด็กและเส้นทางก็ไม่ได้คดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต ทำไมต้องใช้ฉันพาพี่เขาไปด้วย ที่ถามเนี่ยไม่ใช่อะไรนะ แต่การปล่อยให้ฉันอยู่กับพี่อาร์สองคนมันแบบ... “ได้ค่ะครู” พูดจบเท่านั้น...ฉันก็เดินนำพี่อาร์ไปยังทางออกของโรงยิมทันที ผ่านสายตาของเหล่าผองเพื่อน (กัดฟันพูด) โดยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคนไปแล้ว รังสีความอิจฉานี่เก็บกันไม่มิดเลยสินะ ถ้าฆ่าด้วยสายตาได้ ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้วมั้ง ฉันเดินนำหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร และการอยู่ข้างหน้าแบบนี้ก็ดีตรงที่ว่าผู้ชายเบื้องหลังไม่มีทางเห็นรอยยิ้มของฉัน รวมถึงแก้มที่ร้อนผ่าวและกลายเป็นสีแดงเหมือนเนื้อแตงโมนี่ ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าของเราสองคนดังประสานในจังหวะที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไร พี่อาร์ก้าวเท้าช้าๆ ในขณะที่ฉันทั้งเร็วและฉับไว คงเพราะตื่นเต้นมากเกินไปอีกแน่ๆ “ถึงแล้วค่ะพี่อาร์” ฉันเอ่ยเมื่อเดินนำมาถึงห้องน้ำใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่กี่วัน ถึงพี่อาร์จะมาเล่นบาสตรงสนามกลางแจ้งบ่อย (สนามบาสกลางแจ้งเป็นสนามหลัก แต่โรงยิมส่วนใหญ่จะใช้เป็นพื้นที่นันทนาการมากกว่า) แต่พี่เขาคงไม่เคยใช้บริการห้องน้ำใหม่ของโรงเรียนแน่ๆ “อือ” เขาตอบรับเสียงเนือยแล้วเดินผ่านไหล่ไปเลยค่ะ ขอบคุณสักคำไม่มี ห้วนจริงอะไรจริงนะ ฉันยู่ปากตามแผ่นหลังกว้าง กระทั่งพี่อาร์หายเข้าไปในห้องน้ำนั่นเองจึงถอนหายใจออกมา ยกสองมือตบแก้มตัวเองเบาๆ แต่ในระหว่างที่ฉันจมอยู่ในความรู้สึกเคอะเขินและบ้าบออยู่นั้น ปลายจมูกมันได้กลิ่นแปลกๆ ลอยออกมาจากห้องน้ำชาย กลิ่นควัน...กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม