ภารกิจแรกฟื้นฟูความจำ

1471 คำ
กู้เฉียวจิงรู้สึกได้พักเต็มอิ่ม จนกระทั่งเกือบเที่ยงจึงมีฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู สัมผัสของเธอยังเฉียบคมทำให้นางลืมตาขึ้น สักพักก็มีเสียงใสกระจ่างขานจากข้างนอก “ท่านแม่..ข้าเข้าไปนะขอรับ” เด็กน้อยไม่รอคำตอบ เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาหยุดฝีเท้ายืนอยู่ข้างเตียงมองมารดา กู้เฉียวจิงรีบหลับตาและรับรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายพินิจอยู่ มือน้อย ๆ มาแตะที่แขนของเธอพลางเขย่าเบา ๆ “ท่านแม่..ท่านพ่อบอกข้าเอาไว้ว่า หากเที่ยงแล้วท่านยังไม่ตื่นให้มาปลุกท่าน ท่านตื่นขึ้นมาทานอะไรสักหน่อยเถอะขอรับ” หญิงสาวคล้ายพยายามลืมตาขึ้น นางมองเด็กชายน้อยตรงหน้า นี่คือบุตรชายของนาง กู้ซวิน ทั้งที่ความทรงจำไม่ใช่ของเธอทว่ากลับมีความอบอุ่นสายหนึ่งวิ่งไปทั่วร่าง นางปรายสายตามองไปยังมือน้อย ๆ ใช่แล้วมันถ่ายทอดมาจากตรงนั้น นางลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อเจ้า ยังไม่กลับมาอีกหรือ” เด็กน้อยส่ายหน้า “ท่านพ่อสั่งความไว้ วันนี้จะเข้าป่าลึกอาจจะกลับมาตอนตะวันตกดินขอรับ ท่านพ่อต้มโจ๊กหมูเอาไว้ ข้าอุ่นไว้ตลอดเวลา เดี๋ยวข้าไปยกน้ำมาให้ท่านแม่ล้างหน้าล้างตาจะได้ทานข้าวนะขอรับ” กู้เฉียวจิงไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นนี้มาก่อน จึงอดตื้นตันซาบซึ้งไปกับเด็กน้อยไม่ได้ อดีตนักฆ่าอย่างกู้เฉียวจิงจึงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ลำบากเจ้าแล้ว” เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปเอาน้ำ พลางคอยปรนนิบัติมารดาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จากนั้นก็ออกไปตักโจ๊กใส่ถ้วยรอกู้เฉียวจิง ดูน่ารักน่าเอ็นดู ในขณะที่ทานโจ๊ก กู้เฉียวจิงพลางนึกถึงชะตาของกู้ซวิน หลังจากเข้าตระกูลเสิ่น ทว่ารายละเอียดตัวประกอบเล็ก ๆ มีน้อยมากกล่าวถึงไม่กี่ฉาก นางจำได้ว่าเด็กคนนี้ออกรบกับเสิ่นเยี่ยหง ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต ตอนนั้นเองที่กู้เฉียวจิงคลั่งเกือบเสียสติ เด็กที่แสนดีขนาดนี้กลับต้องมาตาย นักเขียนชะตาโหดร้ายไม่เบา หลังจากทานอิ่มแล้ว พักผ่อนครึ่งค่อนวัน เรี่ยวแรงพลังก็ได้คืนมาหลายส่วน กู้เฉียวจิงบิดตัวไปมา “แม่จะออกไปเดินดูสวนเสียหน่อย” กู้ซวินรีบออกมาห้ามปราม “ไม่ได้นะขอรับท่านแม่ ท่านจะไม่สบายเอาได้ ท่านพ่อสั่งเอาไว้ให้ท่านพักผ่อนอยู่ที่เรือนเท่านั้น” กู้เฉียวจิงเอามือลูบแขนบุตรชายเบา ๆ “แม่เบื่อที่จะอยู่ในห้องแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่จะรับผิดกับพ่อเจ้าเอง” “ข้าไม่ได้กลัวท่านพ่อจะดุ แต่กลัวท่านไม่สบาย” “แม่เข้าใจแล้ว ถ้าแม่รู้สึกเหนื่อยจะรีบพักไม่ฝืนตนเองเด็ดขาดได้หรือไม่” กู้ซวินรู้ไม่อาจจะห้ามปรามมารดาจึงพยักหน้าและเดินตามออกไป แม้ตัวเรือนจะหลังเล็กทว่าก็เก็บกวาดสะอาดสะอ้าน กู้เฉียวจิง พลางมองไปรอบ ๆ นางไม่คิดจะปรับเปลี่ยนสิ่งใดของที่นี่ เพราะคืนนี้หลังเสิ่นเยี่ยหงฟื้นความทรงจำ ภายใน 1-2 วันเธอจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงกับเขาและแน่นอนที่นี่ไม่มีสิ่งที่ควรคู่จะนำไปด้วย ทุกอย่างล้วนมีพร้อมในจวนตระกูลเสิ่น ในขณะที่กู้เฉียวจิงนั่งเล่นเอนกายอยู่บริเวณกลางเรือน กู้ซวินก็เอาผ้าห่มที่นอนของนางออกมาผึงแดดไม่มีท่าทีเกียจคร้านหรือเคืองมารดาแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกรักใคร่เด็กน้อยมากขึ้นไปอีก ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ มันใกล้จะลับขอบฟ้า เสิ่นเยี่ยหงก็กลับมาถึงเรือน เมื่อประตูเข้ามา เห็นกู้เฉียวจิงยืนรอรับอยู่ ใบหน้าคมคายเข้มก็ระบายเต็มไปด้วยความอบอุ่น บุรุษในความทรงจำกับได้มาเห็นตรงหน้าให้ความรู้สึกลึกซึ้งแตกต่างกัน ที่สำคัญชายผู้นี้หาได้มีความเย็นชาเฉกเช่นในนิยายบรรยาย กลิ่นอายไม่มีรัศมีเข็นฆ่าอย่างที่แม่ทัพเสิ่นควรจะเป็นแม้แต่น้อย เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่เธอได้ผ่านช่วงเวลาเร้าร้อนสัมผัสใกล้ชิดกัน เป็นสามีที่อ่อนโยนอบอุ่นให้ภรรยาและบุตรชาย ดวงตาที่จ้องมองมาทำให้หัวใจของเธออุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ พลันใจของกู้เฉียวจิงก็รู้สึกสั่นคลอน หากอยู่ที่นี่ด้วยกันเช่นนี้ต่อไปชีวิตคงสงบและดีไม่น้อย นางอดขำตนเองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจิตวิญญาณของกู้เฉียวจิงคนเดิมกลืนกินนางไปแล้วกระมั้ง “คิดอะไรอยู่หรือ” เสิ่นเยี่ยหงเดินเข้ามาปัดปอยผมตรงหน้าของภรรยาด้วยความมืออันแผ่วเบาอ่อนโยน “เปล่าเจ้าค่ะ...ข้าแค่รู้สึกโชคดีที่มีท่านอยู่” “ข้าก็เช่นกัน...เจ้ามาดูสิ ในที่สุดข้าก็จับจิ้งจอกได้ เฝ้ารอมาตั้งนานก็สำเร็จหนังของมันจะเอาทำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกกันหนาวให้เจ้าได้แล้ว” กู้เฉียวจิงยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่...แต่ว่าหนังจิ้งจอกขายได้ราคายิ่งนัก ท่านเอาไปขายเถอะ มันล้ำค่าจนเกินไป” “ได้อย่างไร...ข้าตั้งใจนำมาให้เจ้านะ สำหรับเจ้าไม่มีสิ่งใดล้ำค่าเกินไป...เจ้าไม่ต้องกังวลเนื้อไก่ป่าพวกนั้น ก็ขายได้ราคา” “ท่านพ่อ พรุ่งนี้ท่านจะเข้าไปในเมืองหรือไม่ขอรับ” “ไปสิ เราจะไปขายไก่ป่ากัน” “ข้าไปด้วยนะขอรับ” “อืม..ไปด้วยกัน ไว้โตกว่านี้สักหน่อย พ่อจะพาไปล่าสัตว์ด้วย” ครอบครัวสุขสรรค์อบอุ่นยิ่งนัก นัยน์ตาของกู้เฉียวจิงแววหมองหม่นหลุบต่ำลง หลังจากเสิ่นเยี่ยหงคืนความทรงจำ ทุกอย่างก็อาจจะสลายไป นางรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง “ข้าจะต้มข้าว ท่านพี่ไปอาบน้ำเถอะ...” “ได้ ๆ ซวินเอาไก่พวกนี้ไปขังไว้ วันนี้พ่อจะย่างเนื้อจิ้งจอกให้พวกเจ้ากิน” หลังจากทานข้าวเสร็จเตรียมจะเข้านอน กู้เฉียวจิงก็หยิบยาออกมาในฐานะเป็นนักฆ่าเรื่องวางยาไม่ใช่เรื่องยาก “ท่านพี่ดื่มน้ำเสียหน่อยเจ้าค่ะ” เสิ่นเยี่ยหงรับน้ำมาจากภรรยา พลางส่งสายตาหวานซึ้งเจตนาในแววตาชัดเจนคืนนี้เขาจะเคี้ยวกร่ำนางเช่นเคยกู้เฉียวจิงยิ้มเอียงอาย ความจริงนางไม่ได้อ่อนแอ่อันใด เพราะแต่ละคืนนางไม่ได้พักผ่อนเลยต่างหาก ขณะที่เสิ่นเยี่ยหงกำลังดื่มน้ำ กู้เฉียวจิงพลันรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็น นางปลอบให้ใจสงบลง นี่คงเป็นนิสัยของเจ้าของเดิม “น้องหญิงเข้านอนกันเถอะ” หลังจากดื่มน้ำเสร็จ เสิ่นเยี่ยหงก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาพร้อมจะขึ้นเตียงแล้วเมื่อโน้มกายทับร่างมือใหญ่ของเขาก็ลูบไล้ไปทั่วร่างของหญิงสาว กู้เฉียวจิงสั่นสะท้านถึงจะอย่างไรเสิ่นเยี่ยหงก็นับว่าเป็นบุรุษแปลกหน้า ทำให้การแสดงออกดูเขินอายและไร้เดียงสา กระตุ้นอารมณ์ของเสิ่นเยี่ยหงให้ฮึกเหิม ทว่าไม่ทันที่เขาจะสอดประสานพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง “โอ้ย!!” ชายหนุ่มเอามือกุมหัวที่เหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ กู้เฉียวจิงเบิกตากว้างอย่างตกใจนางไม่คาดว่าเสิ่นเยี่ยหงจะมีอาการตอบสนองเช่นนี้ “ท่านพี่..ท่านเป็นอะไร” สิ้นคำถาม เสิ่นเยี่ยหงก็หมดสติไป กู้เฉียวจิงจะเขย่าอย่างไรก็ไม่ได้สติ หลังจากตรวจดูอาการดูเหมือนว่าจะแค่หมดสติไปเท่านั้น กู้เฉียวจิงถอนหายใจโล่งอก นางหยิบยาขึ้นมาอ่านว่ามีคำเตือนหรือไม่ ข้างขวดมีตัวหนังสือเล็ก ๆ อยู่ ๆ เมื่อเพ่งดูก็เห็นอักษรชัดเจนเขียนเอาไว้ อาการข้างเคียง ปวดหัวอย่างรุนแรง กู้เฉียงจิงสบถคำหยาบในใจ แต่ก็ช่างเถอะเป็นนางเองที่ไม่ระวัง หลังจากนั้นนางก็นำขวดยากลับไปวางที่เดิม นั่งไปเฝ้าไปเกือบสองชั่วยามเสิ่นเยี่ยหงก็ยังไม่ได้สติ กู้เฉียวจิงจึงคล้อยหลับไป จวบจนกลางดึก เสิ่นเยี่ยหงก็ลืมตาขึ้น แววตาชายหนุ่มหาได้เป็นเช่นเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม