บทที่ 8 โกรธ

2046 คำ
ใจดวงน้อยสั่นไหว ตัวเล็กที่กำลังวิ่งเข้ามาหาทำให้เธอทรุดเข่าลง ขณะเดียวกันคนเป็นพ่อที่เพิ่งได้สติ เขาเดินออกจากห้องเพื่อจะได้คุยกับเธอให้รู้เรื่อง ทว่ากลับเห็นบุตรชายวิ่งมาหาหญิงสาวพร้อมกับหุ่นยนต์ซูเปอร์แมนในมือ “แม่มิน…” เด็กน้อยในวันสามขวบ เขาตัวโตขึ้นกว่าเดิมมากแม้ว่าจะผ่านไปเพียงแค่สามเดือน อาจจะเป็นเพราะร่างกายที่ปราศจากโรคภัยทำให้เขาเติบโตได้อย่างเต็มที่ กรุงโรมดวงตาใสแป๋วมองคนเป็นแม่ด้วยความใคร่รู้ ใคร่รู้ว่าตนฝันไปเหมือนกับทุกคืนหรือเปล่า “กรุงโรม....อึก” มินตราพึมพำชื่อลูกชาย เธอกลืนน้ำลายที่เหนียวเหนอะหนะลงลำคอ ตัวเล็กสดใสขึ้นมาก ผมสีน้ำตาลแดงไหวเล็กน้อยยามเขาขยับตัว ขนตาเป็นแพงอนยาวใต้เปลือกตาบางกำลังกะพริบมองเธออยู่ ตัวเล็กวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “แม่ฮะ…” กรุงโรมเอื้อมมือป้อมเล็กสัมผัสใบหน้านวลด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ เขาเกิดความสับสนในใจโดยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ขณะเดียวกันที่ฝ่ามือเล็กนุ่มของคนเป็นลูกทำให้มินตราหลั่งน้ำตาออกมา เธอยกมือขึ้นกุมมือเล็กนั้นแนบใบหน้าตัวเอง ซึมซับความรู้สึกของเขาผ่านร่องรอยการสัมผัส แม้เขาจะยังพูดไม่ได้ทุกคำ อธิบายความรู้สึกคิดถึงไม่ได้ ทว่าเธอสัมผัสมันได้ กรุงโรมเอียงคอสงสัย เขาขยับเข้าใกล้ก่อนจะค่อย ๆ ยกแขนป้อมสั้นโอบรอบคอคนเป็นแม่ ตัวเล็กทำแบบนี้ในความฝัน เขามองเห็นเธอทีไรต้องวิ่งเข้าหา ทว่ายามนี้กลับได้กลิ่นที่คุ้นเคย “โรม ฮึก...” มินตราไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำไหนออกมาได้ เธอโอบกอดเขาจนตัวเล็กจมหายไปในอ้อมกอด ซึ่งภาพที่เห็นทำให้คนที่มองอยู่กระตุกยิ้ม คาลเวิร์ตยืนพิงกรอบประตูมองเธอที่โอบกอดลูก ใบหน้าของมินตราเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เธอกดปลายจมูกลงที่แก้มแดงระเรื่อ ขณะที่กรุงโรมเริ่มสัมผัสได้ถึงความจริงที่อยู่ตรงหน้า “พ่อบอกแม่มินอยู่ในฝัน...” มินตราพยักหน้ารับ มันเหมือนกลับมาที่เดิม เธอร้องไห้จนใจจะขาดเหมือนกับวันนั้น ซึ่งวันนี้มันไม่ต่างเลยสักนิด “โรมฝันแบบนี้เหรอ” “ครับ...” เขาตอบเพียงแค่นั้น กรุงโรมมีสีหน้ามึนงง ก่อนที่หญิงสาวจะดึงลูกเข้ามากอดอีกครั้ง เธอคิดถึงเขาได้แต่มองตัวเล็กผ่านรูปถ่ายที่มาร์โคส่งให้ ในทุก ๆ วันเธอจะเปิดรูปเขาดูทุกครั้ง และวันนี้ที่เธอได้แจอลูกตัวเป็น ๆ ทว่า “แต่โรม...แม่ต้องไปแล้วนะ” ทางนี้คงดีที่สุด แม้จะอยากอยู่กับลูก แต่ความรักที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกับเขา เธอไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยง หญิงสาวไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเขารักเธอไหม “ไปไหนฮะ ผมไปด้วย” มินตราเม้มริมฝีปาก เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออก และดวงตาที่แดงก่ำของคนเป็นลูกทำให้เธอพูดไม่ออก “แม่มิน มิน ๆ ...” “หึ...แม่อยู่นี่ไงครับ” มิน ๆ คือชื่อที่ตัวเล็กชอบเรียกตามเพื่อนของเธอ มินตรากลืนน้ำลายลงคอ เธอสับสนไปหมด อยากโอบกอดลูกไว้ให้นานที่สุด แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ พรึ่บ! มินตราลุกขึ้นยืนในทันที เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับก้าวขาเดิน ทว่าฝ่ามือป้อมเล็กของคนเป็นลูกกลับดึงชายกระโปรงของเธอไว้ “โรม...แม่แค่เดินไปตรงนั้น” “ไปด้วย...” กรุงโรมเบ้หน้าคล้ายจะร้องไห้ พอคนเป็นพ่อเห็นอย่างนั้นเขาถึงเดินมาอุ้มกรุงโรมขึ้น “ชู่วว~” ชายหนุ่มเป่าลมออกจากปาก เขาลูบศีรษะของกรุงโรมอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม ก่อนจะอุ้มลูกเดินเข้าไปในห้องนอน ถึงกระนั้นดวงตาของกรุงโรมยังคงมองแผ่นหลังของคนเป็นแม่ผ่านไหล่หนาของพ่อเขา มินตรากำมือเข้าหากันแน่น เธอย้ำกับตัวเองในใจว่าจะไม่หันหลังไปมอง ทว่า พรึ่บ! ความรักที่มีก็ไม่อาจทำให้เธอทิ้งโอกาสนี้ไปได้ “เดี๋ยวก่อนค่ะ...” คาลเวิร์ตยกยิ้มทันที เขาหมุนตัวหันมาหาเธอเช่นเดียวกับกรุงโรมที่หันมามองตาม ตัวเล็กสะอื้นไห้ออกมาเสียงดัง เขากำเสื้อของคนเป็นพ่อจนยับไปหมด กรุงโรมเอื้อมมือไปข้างหน้าราวกับกำลังจะขอให้เธอมาอุ้มเขาไป “คุณบอก...อึก ว่าอยากให้ฉันกลับไปใช่ไหมคะ” “_” “ตอบสิคะ” มินตราไม่ชอบความเงียบของเขาเอาเสียเลย ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็พยักหน้าให้เธอพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ราวกับคาดหวังในคำตอบของเธอ ทว่า “ฉันจะกลับ กลับไปในฐานะแม่ของโรม แต่ไม่ใช่เมียคุณ” คำตอบของเธอก็ทำเอาชายหนุ่มต้องหุบยิ้มทันที มินตราก้าวขาเดินเข้าหาเขาก่อนที่เธอจะยื่นเรียวแขนไปอุ้มกรุงโรมมาอยู่ในอ้อมกอด เสียงร่ำไห้ของคนเป็นลูกทำให้เธอไม่อาจเดินหนีเขาไปได้ มินตราลูบแผ่นหลังเล็กของเขา “โอ๋ แม่ไม่ได้ไปไหนเลยเห็นไหม แม่อยู่ตรงนี้ ฮึก...นะโรม” กรุงโรมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง เขาผงกศีรษะราวกับเข้าใจทั้งหมดที่คนเป็นแม่พูด ก่อนที่ตัวเล็กจะโอบกอดรอบคอแม่ของตนอีกครั้ง... มินตรากลับมาเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่บ้านของลินิน หลังจากที่ตกลงกับพ่อกรุงโรมว่าเธอจะกลับไปในฐานะของแม่กรุงโรมและลูกตัวน้อยในท้องเพียงเท่านั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่เธอจะกลับอิตาลี “แกจะอยู่ที่นี่กับพ่อแม่ก่อนว่างั้น แล้วเขายอมหรือไง” “ไม่รู้ ไม่เห็นเขาว่าอะไร” มินตราตอบกลับเพื่อนสาว คาลเวิร์ตเขาเป็นคนช่างคิด นิ่งเพื่อคิด คิดว่าจะทำอย่างไรกับเธอดี อันนี้เธอพอมองออก “แกจะไม่ใจอ่อนเลยเหรอ มันก็ดีหรือเปล่า แกยังรักเขาแล้วก็...” “ไม่หรอกนิน ฉันเจ็บแค่ไหนฉันรู้ตัวดี ฉันไม่เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นอีกครั้งหรอก” “แต่...” “ช่างเถอะ ขอบใจแกมากที่เป็นห่วง” ลินินพยักหน้ารับ เธอมองเพื่อนสาวเก็บของเข้ากระเป๋า ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกเธอก็ต้องชะงักให้กับชายที่เธอเพิ่งพูดถึง “เอ่อ...ยัยมินอยู่ข้างในค่ะ กำลังเก็บของ” คาลเวิร์ตพยักหน้ารับ ชายหนุ่มยังไม่ตัดสินใจเรื่องที่เธอขออยู่ที่ประเทศไทยก่อน เขาอยากกลับอิตาลีแทบแย่ “งั้นฉันขอตัวนะคะ” ลินินพูดไม่เต็มเสียง ชายตรงหน้าเขามีสายตาน่ากลัว เขาทำให้เธอหายใจติดขัดทุกครั้งเวลาเผลอสบตา แต่ก่อนที่เธอจะเดินจากไป “เดี๋ยว...ฉันมีอะไรจะถาม” “คะ?” ลินินชะงักฝ่าเท้า เธอเอี้ยวตัวหันหลังไปมองเขา “มินตราโกรธฉัน...เธอคงหายโกรธใช่ไหม” ลินินขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับเขา “เธอไม่เคยยกโทษให้ใครที่ทำใหเธอเจ็บหรอกค่ะ ยัยมินจำฝังใจเลยล่ะค่ะ” “เหรอ คงเว้นฉันคนหนึ่งมั้ง” “ไม่นะคะ ยัยมินเคยขึ้นศาลด้วยค่ะ” ลินินตอบกลับเขาทันควัน ทำเอาคนตั้งคำถามไม่เข้าใจในทันที “คือ ฉันหมายถึง ยัยมินน่ะค่ะ เธอเคยฟ้องศาลห้ามไม่ให้แฟนเก่าเข้าใกล้ค่ะ เธอไม่เคยให้อภัยใครเลยนะคะ ระวังจะโดนเธอฟ้องถ้าหากคุณคุกคามเธอ...” หญิงสาวรู้จักเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอเป็นอย่างดี มินตราเด็ดขาดแค่ไหนเธอรู้ ขณะเดียวกันที่สิ่งที่ได้ยินทำให้คาลเวิร์ตรู้ตัวว่าเธอคงไม่หายโกรธเขาง่าย ๆ อย่างที่ใจคิดเป็นแน่ “ยังไงก็...พยายามเข้านะคะ” ลินินอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาหน้าถอดสี เธอเดินเลี่ยงเขาไปเพื่อกลับไปหาลูกตัวน้อยในห้องเด็กเล่น ปล่อยให้คาลเวิร์ตจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เธอคงเล่นตัวอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มคิดอย่างนั้น... แม้จะอยู่บนคันรถเดียวกันแต่มิล่ากลับไม่พูดไม่จาเลยสักคำ เธอเอาแต่นั่งเงียบปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งพูดอยู่คนเดียว “ฉันชอบผมทรงนี้ของเธอนะ” “_” “มิล่า...” “ถ้านายชอบฉัน ฉันจะไปต่อผมเดี๋ยวนี้แหละ” ทว่ารอบนี้เธอกลับตอบกลับเขา เคเรนด์ยกยิ้มเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกไม่ชอบเดี๋ยวเธอก็โกรธอยู่ดี ปากเธอไม่ตรงกับใจตลอด” “ชิ๊ หยุดพูดได้แล้วเคเรนด์ ไม่งั้นฉันจะลงข้างทางตรงนี้เลย” มิล่าชักจะหงุดหงิด เขารู้จักเธอทุกเรื่องแบบนี้ก็ทำให้เธอทำอะไรได้ยาก “หึ เธอจะลงจริงเหรอ ทางด่วนนะ” “...ก็ถ้านายไม่หยุดพูด” “วิลเลี่ยม...” มิล่ายังพูดไม่จบ เขาก็เอ่ยตัดหน้าแถมยังเอ่ยปากเรียกลูกน้องคนสนิททำเอาคนที่กลัวจะได้ลงจากรถหันไปมองทันควัน “ฉันไม่ลงนะ ไม่ต้องจอด” “หืม...” “นายจะบอกให้วิลเลี่ยมจอดรถแล้วปล่อยให้ฉันลงไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องทำหน้าสงสัย” “หึ เปล่า ฉันไม่ทิ้งเธอหรอกน่า” เคเรนด์กลั้นขำให้กับท่าทีหัวเสียของเจ้าหล่อน เขาทิ้งเธอไม่ได้หรอก “นายยิ้มอะไร หยุดยิ้มเลยนะ” มิล่าเลื่อนมือไปหยิกต้นขาแกร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หุบยิ้มเสียที ราวกับกำลังขำให้กับสิ่งที่เธอพูด “โอ๊ย! เจ็บ...” มิล่าอ้าปากเหวอ เธอไม่ได้หยิกเขาแรงขนาดที่เขาต้องร้องออกมาเสียงดังลั่นอย่างนี้ “เว่อร์แล้วเคเรนด์ นายมัน...” “ฉันเจ็บจริง ๆ นะ เล็บเธอยาวนิ” มิล่าส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับการเล่นเหมือนเด็กของเขา ทว่า “ไม่เชื่อหรือไง หรือเธอจะดู หืม...” เขาว่าพร้อมกับเลื่อนมือปลดหัวเข็มขัด การกระทำของเขาทำให้เธอตาโต “นายจะทำอะไร หยุดนะ!” “ก็จะให้เธอดูแผลไง” “แล้วทำไมต้องแก้ผ้าด้วย” “ไม่แก้ผ้าเธอจะเห็นหรือไง ไม่ต้องเขินหรอก เธอเห็นของฉันหมดแล้วนิ” “เคเรนด์!!” มิล่าร้องออกมาเสียงดังลั่น เขาพูดไม่อายลูกน้องของเขาแถมยังทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวอีก ท่าทีของเธอทำให้เขายิ้มออกมาเสียมากกว่าเดิม ชายหนุ่มไม่ได้แก้ผ้าแล้ว เขาเพียงแค่อยากแกล้งเธอ “อยากกินอะไร” “จิ๊ นายทำให้ฉันไม่หิว” มิล่าพ่นลมหายใจออกมา เขาแกล้งเธอจนเธอไม่มีอารมณ์จะกินข้าว ทว่าทันทีที่เครื่องยนต์แล่นลงทางด่วน “โอ๊ะ! อยากกินขนมจีน ตรงนั้น” มิล่าชี้นิ้วไปที่ร้านขนมจีนข้างถนน ทำเอาคนที่หันไปมองตามชะงักไป “ไปกินในร้านอาหารก็ได้” “ไม่ ฉันอยากกินตรงนั้น” “แต่...” “แต่อะไร” “ฉันไม่เคยกินที่แบบนี้นะ เธอก็รู้...” มิล่ายักไหล่ เขากินไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา “นายก็ไปกินร้านอาหารของนายไง” “แล้วฉันจะได้กินกับเธอหรือไง” “ก็ไม่ไง...” “มิล่า...โอเค กินก็กิน” มิล่าฉีกยิ้มกว้าง เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าเขาตามใจเธอ ก่อนที่เคเรนด์จะเอ่ยปากบอกวิลเลี่ยมให้จอดรถ ลูกน้องของเขาวันนี้เอาแต่นั่งเงียบ เห็นคุยกับเลขาฯสาวของเขาตั้งแต่เช้า สงสัยอยู่ในช่วงตกหลุมรักสาวซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม