โซ่รักคนโฉด 2. คนเห็นแก่ตัว

1774 คำ
นฤภรไม่คิดว่ามื้อเย็นวันนี้สามีจะกลับบ้านมาทานมื้อเย็นกับตนและพ่อของเขาที่บ้าน ทั้งๆ ที่ปกติเขาควรจะไปฉลองอิสรภาพกับกัลยา แฟนสาวของเขา แต่วันนี้เขากลับเลือกกลับบ้านมาทานมื้อเย็นฝีมือของเธอแทนทานอาหารร้านอาหารหรูๆ ด้านนอกที่มักไปทานกับแฟนสาวของเขาเป็นประจำ “วันนี้ทำไมถึงมาทานข้าวกับหนิงกับคุณพ่อได้คะ” เธอถามสามีที่อาบน้ำเสร็จเดินออกจากประตูห้องน้ำมาคลานขึ้นเตียงนอนที่เธอนอนรออยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้ว “ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านล่ะ” ฤกษ์คลานขึ้นมานอนซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับอดีตภรรยาแล้วนอนพลิกตัวตะแคงหน้าถามคนที่นอนข้างตน “ก็วันนี้เราหย่ากัน หนิงคิดว่าคุณจะไปฉลองอิสระกับคุณกัลยาซะอีกค่ะ” “ใช่ เราหย่ากัน แต่ใช่ว่าฉันต้องไปฉลองสักหน่อย อีกอย่างฉันกับกัลยา เราเลิกกันแล้ว” มือใหญ่ยกเท้าหัวตัวเองยกขึ้นแล้วจ้องมองคนที่หันหน้ามาสบตาตัวเองและตอนนี้กำลังหลบสายตาตัวเอง “ทำไมถึงหลบตาฉัน?” “ปะ...เปล่าสักหน่อยค่ะ คุณฤกษ์เลิกกับคุณกัลยาทำไมคะ เมื่อเช้าก็เห็นคุยกันดีๆ ที่เขตอยู่เลยนี่คะ” “น่าเบื่อน่ะ ฉันว่าฉันคงทนต่อไม่ไหวแล้วแหละ อีกอย่างกัลยาไม่เหมือนเธอ เธอไม่เคยทำให้ฉันต้องรำคาญและเบื่อเวลาอยู่ด้วย” ‘แปลก คบมาหลายปี อยู่ๆ ก็มาบอกว่ากัลยาน่าเบื่อ น่ารำคาญ’ นฤภรพึมพำกับตัวเองในใจ “ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียดายเธอแล้วสิหนิง ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่หย่ากับเธอ” แล้วเขาก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้เท้าหัวตัวเองยื่นไปลูบไล้แก้มนวล แต่ใบหน้าสวยของอดีตภรรยาบิดเบือนหนีสัมผัสวาบหวามของเขา “ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะคุณฤกษ์” “ทำไมหนิง เราหย่ากันก็จริง แต่เราก็ยังนอนเตียงเดียวกันนี่ตอนนื้ เรา...” “อย่าทำแบบนี้ดีกว่าค่ะ ตอนนี้คุณฤกษ์กำลังสับสน คุณฤกษ์เลิกกับคุณกัลยาไม่ได้จริงๆ หรอกค่ะ คบกันมาตั้งนาน อยู่ๆ จะมาเลิกง่ายๆ แบบนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” เธอขยับถอยห่างเขาไปนอนชิดอีกฝั่งของเตียงนอน ฤกษ์เห็นท่าทางที่ห่างเหินของอดีตภรรยาที่แสดงต่อตนแล้วก็เม้มปากแน่น นฤภรไม่เคยเป็นแบบนี้และไม่เคยปฏิเสธเขา แต่ตอนนี้เธอกำลังต่อต้านและขยับตัวถอยห่างเขาออกไป “ทำไมหนิง เธอรังเกียจฉันแล้วเหรอ ที่ผ่านมาเราแต่งงานกัน ฉันไม่เคยนอกกายเธอสักครั้ง เธอก็รู้นี่ แม้ฉันจะมีกัลยาเป็นแฟน แต่ฉันก็ให้เกียรติเธอในฐานะเมียตลอด และฉันขออีกครั้งก่อนเราจะแยกจากกันไม่ได้เชียวเหรอ” “คนเห็นแก่ตัว!” นฤภรตอบกลับเสียงห้วนแข็ง “เห็นแก่ตัว? ให้ตายสิ เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนิง” เขาไม่อยากเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากศรีภรรยาอย่างนฤภร ที่ตอนนี้เป็นอดีตภรรยาของตนไปแล้ว “คุณมันไม่มีหัวใจและเห็นแก่ตัว และหนิงก็เป็นของหนิงแบบนี้มาตั้งแต่แรกจนตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาที่คุณไม่เคยได้ยินเพราะฉันเก็บมันไว้ในใจค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บมันไว้แล้ว คุณควรรู้ไว้ว่าตัวคุณมันก็ไม่ต่างจากผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิงหรอกค่ะคุณฤกษ์ อีกอย่างคุณบอกไม่เคยนอกกายฉันตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คุณจะให้ฉันเชื่อเหรอคะ ทั้งๆ ที่คุณออกไปมีความสุข ทานข้าวเที่ยงกับคุณกัลยาตลอด แต่ฉันก็แสร้งปิดหูปิดตาไม่สนใจ เพราะเราแต่งงานกันด้วยเงื่อนไขจากพินัยกรรมของพ่อฉัน” นี่คือความรู้สึกของนฤภรที่มีต่อเขาและมองเขามาตลอดงั้นสินะ เขาขบกรามแน่นแล้วก็ขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่นอนชิดเตียงอีกฝั่งแล้วตวัดแขนโอบเอวเล็กคอดแล้วกอดรั้งเข้ามาหาตัวเอง ว้าย! นฤภรยกมือทั้งสองเท้าดันหน้าอกแกร่งของอดีตสามีทันทีเมื่อถูกกอดรั้งเข้าไปหาแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าฤกษ์จะทำแบบนี้กับตน “คุณจะทำอะไรคุณฤกษ์?” “คนเห็นแก่ตัวไร้ใจคนนี้จะทำตามที่ตัวเองต้องการยังไงล่ะ ยังไงซะ เราก็เป็นผัวเมียกันว่าไหม อีกอย่างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองก็ควรจะสั่งลากันหน่อยดีไหมหนิง” เขาพูดพร้อมเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่วมาคร่อมทับกักร่างน้อยของอดีตภรรยาไว้ใต้ร่างใหญ่ตนเอง “ยะ...อย่านะคุณฤกษ์” “เธอไม่เคยปฏิเสธฉันนี่ และครั้งนี้เธอก็จะตอบสนองฉันเหมือนกันหนิง ถึงเราจะหย่ากัน แต่เธอก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมียฉันอยู่รู้ไว้ซะด้วย! อะ...อื้อ” แล้วปากหนาก็ทาบทับปิดเสียงที่จะโต้เถียงตนกลับทันที “อะ...อื้อ” นฤภรพยายามบิดเบี่ยงหน้าหลบหนีปากหนา แต่ก็หนีไม่รอดเมื่อปากหนาจอมโอหังเคลื่อนไหวตามมาบดจูบเอาแต่ใจ สองมือที่เท้าดันอกแกร่งก็ถูกจับรวบด้วยมือใหญ่มือเดียวรั้งไว้เหนือหัว “อ่า...อื้อ” ความหวานของปากอดีตภรรยายังคงฉ่ำเย็นเหมือนทุกครั้งที่ได้บดจูบ แม้ว่าเธอจะต่อต้านขัดขืนไม่สมยอม แต่เขารู้ดีว่าอีกไม่นานปากน้อยจะอ่อนช้อยคล้อยตามปากของเขาที่กำลังรุกเร่าเรียวลิ้นสากอุ่นร้อนที่สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากน้อยของสาวเจ้า “อ่า...อื้อ” มือที่ผลักไสอ่อนแรงไร้แรงต่อต้านและเธอก็กำลังพ่ายแพ้แรงปรารถนาของคนเหนือร่างในตอนนี้ และเกลียดตัวเองที่ไม่ใจแข็งมากพอ ใจของเธอมันหวั่นไหวและเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทุกครั้งเวลาร่างใหญ่ของฤกษ์เสียดสีคร่อมทับเหนือร่าง ตอนนี้ก็เหมือนกัน เสื้อผ้าชุดนอนตัวบางของเธอถูกปลดเปลื้องออกไปกองที่พื้น และเขาเองที่ใส่เพียงกางเกงนอนขาสั้นตอนนี้ก็ปลดเปลื้องเปลือยเปล่าคร่อมทับร่างเปลือยของเธอที่เขาเปลื้องผ้าออกให้ “อ่า...ร่างกายของเราสองคนมันเข้ากันได้ดีหนิง” เขาผละออกมาเอ่ยรดลมหายใจเป่าใบหน้าหวานชื้นเหงื่อของคนใต้ร่างแล้วก็ก้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอระหงของคนใต้ร่างและครั้งนี้นฤภรก็แอ่นเด้งยกร่างตอบสนองเขา “อ่า...อื้อ ไม่รู้ว่าในอนาคตเราสองคนจะเป็นยังไง แต่วันนี้ฉันอยากทำหน้าที่ ‘ผัว’ เธอก่อนที่เราจะแยกกันไปใช้ชีวิตหนิง อ่า...สวยเหลือเกิน อื้ม...” เขาขูดไถเคราสากกับซอกคอระหงเคลื่อนไล้มายังเนินอกอวบอูมเต็มไม้เต็มมือที่แอ่นเด้งยกเร่าเสียดสีปลายจมูกโด่งคมสันของตนในตอนนี้ “อื้อ...คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุดคุณฤกษ์ อะ...อื้อ” ปากกับร่างกายของนฤภรกำลังสวนทางกัน มือของหล่อนกดหัวทุยซุกซบอกอวบอูมของตนที่ใบหน้าของเขาและปลายจมูกกับเรียวลิ้นสากอุ่นร้อนกำลังลากถูไถไล้เลียตามร่องอกอวบชื้นเหงื่อของเธอในตอนนี้ “ตรงไหนที่ผมเห็นแก่ตัว ถ้าผมเห็นแก่ตัว ผมจะไม่สนใจว่าคุณมีความสุขกับ ‘เซ็กซ์’ ของเราหรอกนะหนิง” เขาเงยหน้าขึ้นจากอกอวบมาเอ่ยบอกเจ้าของเต้าอวบใหญ่ที่ตนซุกซบถูไถเคราสากลากลิ้นหยอกเย้ายอดอกที่แข็งตึงของเธอ “ฉันนึกว่าเราจะจบกันด้วยดี แต่รู้ไหมว่าคุณทำให้ฉัน ‘เกลียด’ คุณมากแค่ไหนตอนนี้คุณฤกษ์ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยนึกเกลียดหรือขยะแขยงคุณ แต่ตอนนี้คุณทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นแล้วคุณฤกษ์ ฉันเกลียดคุณ อะ...อื้อ” แล้วเธอก็หลับตาไล่น้ำตาให้ไหลอาบทางหางตาแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีของธรรมชาติของมนุษย์ชายหญิง และเธอจะไม่มีวันบอกเขาเรื่อง ‘ลูก’ ที่กำลังจะเกิดมา เมื่อต้องแยกจากกันแล้วก็ไม่ควรให้เขารับรู้การมีอยู่ของลูกน้อย ฤกษ์ตื่นมาในตอนเช้า เขาก็ไม่เห็นคนตัวเล็กที่นอนซุกอกตัวเองมาตลอดทั้งคืนแล้ว เขาลุกลงจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำแล้วมองแปรงสีฟันที่ตอนนี้ไม่ได้บีบยาสีฟันไว้ให้ตนเองเหมือนทุกเช้าที่ตื่นมาเจอ และมันก็ย้ำชัดเจนว่าตอนนี้เขาและนฤภรได้ ‘หย่า’ กันแล้ว เฮ้อ! “เธอเก็บเสื้อผ้าไปไหนของเธอแต่เช้า ทั้งๆ ที่บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของเธอ” เขาพึมพำเมื่อเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าไม่มีกระเป๋าเดินทางของนฤภรหรือเสื้อผ้าของเธอติดไว้ในตู้เสื้อผ้า มีเพียงของตัวเองที่เหลือติดตู้เสื้อผ้าเท่านั้น ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาละทิ้งความสนใจจากตู้เสื้อผ้าเดินกลับไปที่เตียงคว้าหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมากดรับสาย “มีอะไรกัลยา” “คุณจะเลิกกับกัลยาจริงๆ เหรอคะ อึก! ฮือ...” น้ำเสียงสั่นเครือดังส่งกลับมาในสาย “ผมเคยพูดเล่นเหรอกัลยา ผมบอกคุณแล้วไงว่าคบกันอย่างี่เง่า ผมไม่ชอบ” “กัลยาขอโทษนะคะ อย่าเลิกกับกัลยาเลยนะคะ เมื่อวาน...” “เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ฉันยุ่ง” แล้วเขาก็กดวางสายจากกัลยาทันทีแล้วก็กดต่อสายหาอีกคนที่ทิ้งตนไปไม่ร่ำลาแม้แต่คำเดียว ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก’ “ให้ตายสิวะ! ปิดเครื่องงั้นเหรอ” แล้วเขาก็ปาโทรศัพท์ในมือทิ้งลงบนเตียงด้วยความเดือดดาลแล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ เข้าห้องน้ำเพื่อใช้น้ำเย็นดับอารมณ์เกรี้ยวกราดของตน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม