ว่ากันว่าปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ แต่เรือนของเธอไม่ได้ตามใจเธอและเขาสักนิด เป็นการปลูกเรือนตามใจของผู้ใหญ่ ใครๆ ก็บอกว่าแต่งๆ ไปก็รักกันเอง แต่วันนี้เธอพิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าจะแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันนานแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของสามีมีเธอ เพราะยิ่งนานวันหัวใจของฤกษ์ ประกอบการทรัพย์ วัย 31 ปี ก็ยิ่งว่างเปล่าไร้ที่ให้เธอยืน
“ทำไมยังไม่นอนอีกหนิง?” เสียงทุ้มเข้มดังลอดออกจากริมฝีปากหนาเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเห็นภรรยานั่งรอตนบนเตียง
“เหลือเวลาหนึ่งเดือนแล้วนะคะคุณฤกษ์”
“แล้วไง” เขาพยักหน้ารับรู้พร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออกทีละเม็ดแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ
“เกือบสองปีที่อยู่ด้วยกันแบบผัวเมีย คุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับหนิงจริงๆ เหรอคะ?” เธอถาม เพราะอยากจะมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจเด็ดขาด
“ฉันต้องรู้สึกยังไงกับเธอหนิง ในเมื่อเราต่างก็รู้กันดีว่าการแต่งงานของเรามันเป็นเพียงการแต่งงานตามข้อสัญญาของผู้ใหญ่เท่านั้น” ฤกษ์บอกภรรยาพร้อมหยุดมือที่กำลังปลดกระดุมอยู่แล้วเดินกลับมายังเตียงหาภรรยาที่นั่งรอตนบนเตียง
ที่ทำกันทุกวันมันก็แค่ ‘เซ็กซ์’ แค่ทำหน้าที่ของสามีเท่านั้นเอง เขาทำหน้าที่บนเตียงของเขาได้ดี ไม่เคยขาดตกบกพร่องสักอย่าง เขาคือผู้ชายที่น่าชื่นชมเสียจริง เขามันก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป เห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ความสุขตัวเอง ไม่คิดถึงจิตใจของคนอื่น แม้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะแต่งงานกันตามสัญญาสองปีเท่านั้น พอครบกำหนดก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตามแพลนที่วางไว้
“ทำไมเงียบล่ะหนิง?” เขาถามเมื่อเธอไม่พูดตอบกลับตน
“คุณกับคุณกัลยาเป็นยังไงมั่งคะ?” เธอถามถึงเขากับแฟนสาวของเขาที่คบกันมาตั้งแต่ก่อนเธอและเขาจะแต่งงานกันจนตอนนี้ก็ยังคงคบกันเป็นแฟนอยู่
“ก็ดี เราสองคนเข้ากันได้ดีทุกอย่าง” ฤกษ์ตอบยิ้มๆ เมื่อพูดถึงกัลยา แฟนสาวของตน
นฤภรยิ้มแห้งหม่นๆ ให้สามีแล้วก็สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ฉันขอถามคุณสักคำถามได้ไหมคะ และคุณก็ตอบฉันมาตรงๆ ได้เลยค่ะ”
“ถามมาสิ มีอะไรที่ฉันไม่ตอบเธอตรงๆ มั่งล่ะ”
“นอกจากเธอแล้ว ในอนาคตคุณ มีฉันบ้างไหม?”
“ไม่!” เขาตอบเสียงหนักแน่นโดยไม่ปล่อยให้คนถามต้องรอนาน
เธอซาบซึ้งจนพูดไม่ออก แต่ก็ฝืนความจุกแน่นในอกยิ้มแห้งๆ แล้วตอบกลับ
“งั้นขอให้คุณกับเธอโชคดีนะคะ”
“ขอบคุณ เธอก็ด้วยนะ ขอให้โชคดีหลังจากที่เรา ‘หย่า’ กันก็แล้วกัน มีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่มี ฉันจะอาบน้ำแล้ว เหนื่อย” ฤกษ์เอ่ยตอบกลับหน้านิ่ง
“อีกเรื่องค่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันว่าเราไปหย่ากันให้จบๆ กันไปเถอะค่ะ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องหย่ากันอยู่ดีนี่คะ”
“เป็นความคิดที่ดี เป็นพรุ่งนี้เลยไหม สะดวกรึเปล่า”
‘เขาคงอยากหย่าใจแทบขาดสินะ’ เธอพึมพำกับตนเองในใจแล้วก็ยิ้มแห้งตอบกลับ
“สะดวกค่ะ ช้าเร็วยังไงก็ต้องหย่ากันอยู่ดี”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าหลังทานมื้อเช้าแล้วกันนะ”
“ค่ะ”
ฤกษ์หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนนฤภรก็ได้แต่นั่งข่มความเสียใจของตนไว้ในอก หากเขาลังเล เธอก็พร้อมจะบอกเขาเรื่อง ‘ลูก’ น้อย แต่เมื่อเขารีบตอบโดยไม่ลังเล เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะบอกเขาเรื่อง ‘ลูก’ ของตนและเขา มือน้อยลูบกุมท้องเล็กแบนราบตัวเองพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นมองบนเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
วันจบความสัมพันธ์สามีภรรยาสองปีก็มาถึง แม้จะ ‘หย่า’ ก่อนกำหนดเวลาหนึ่งเดือน แต่ก็จะมีประโยชน์อะไร จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ทั้งสองตอนนี้เป็นอดีตของกันและกันไปแล้ว ต่างก็ถือใบหย่าออกมาจากสำนักงานคนละใบ
“ขอบคุณที่เหนื่อยมาตลอดสองปี” ฤกษ์เอ่ยกับอดีตภรรยา
“ขอบคุณที่ทำหน้าที่สามีที่ดีมาตลอดเหมือนกันค่ะ” แม้จะเจ็บปวด แต่ก็ฝืนยิ้มให้กับอดีตสามี นฤภรมองดูผู้หญิงที่เดินมาหาอดีตสามีตนเองแล้วก็เม้มปากแน่น
“ขอบคุณนะคะคุณหนิงที่ทำตามสัญญา” ผู้มาใหม่เดินมาเกาะแขนแฟนหนุ่มของตัวเองที่ได้รับอิสระกลับมาเป็นชายโสดเหมือนเดิมพร้อมขอบคุณอดีตภรรยาของแฟนหนุ่มตน
นฤภรได้แต่ยิ้มแห้งรับคำขอบคุณของแฟนสาวของอดีตสามี เธอมองดูแขนที่กอดเกาะแขนของฤกษ์แล้วก็เอ่ย
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“อือ...แล้วเจอกันที่บ้านเย็นนี้ คุณไม่ต้องย้ายออกหรอก อย่างที่บอก ผมจะยกบ้านหลังนี้ให้คุณ ผมจะย้ายกลับไปอยู่บ้านกับพ่อ” ฤกษ์บอกอดีตภรรยา
“ขอบคุณนะคะ” แล้วนฤภรก็ถือซองใบหย่าจากไป
ฤกษ์รู้สึกใจหวิวๆ เมื่ออดีตภรรยาเดินจากไป เขาแกะมือน้อยของแฟนสาวที่กอดเกาะแขนตัวเองออกแล้วยกมือขึ้นกุมอกซ้ายตัวเองที่มันรู้สึกหวิวหน่วงแปลกๆ โดยที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกภายในใจของเขากันแน่
“เป็นอะไรคะคุณฤกษ์?” กัลยาเอ่ยถามแฟนหนุ่มของตนเอง
“ไม่มีอะไรหรอก ผมต้องเข้าบริษัทไปทำงาน คุณก็ไปทำงานของคุณเถอะ”
“เราไม่ไปฉลองอิสระกันเหรอคะวันนี้”
“ผมงานยุ่งน่ะกัลยา แล้วเราค่อยนัดกันก็ได้ เรามีเวลาด้วยกันอีกนาน”
แม้รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ยิ้มรับ
“งั้นคืนนี้...”
“คืนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมีเวลาผมนัดคุณเอง คุณไปทำงานของคุณเถอะ ผมก็จะไปทำงานของผม อีกอย่างผมเพิ่งหย่าจะให้ผมรีบฉลองไปไหน เดี๋ยวก็ตกเป็นขี้ปากนักข่าวอีกหรอก ผมรู้ว่าคุณอยากมีตัวตนและผมก็อยากให้คุณมีตัวตนเหมือนกัน” ฤกษ์เอ่ยบอกแฟนสาว
“กัลยาขอโทษนะคะที่ไม่คิดถึงเรื่องนี้”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ อีกอย่างวันนี้ผมก็บอกคุณแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณก็ยังมา คุณน่าจะคิดถึงจิตใจของหนิงบ้าง” ฤกษ์ตำหนิแฟนสาว
“คุณโกรธเหรอคะที่กัลยามาวันนี้” หล่อนโวยวายกลับเมื่อแฟนหนุ่มคิดถึงแต่ความรู้สึกของอดีตภรรยา
“ใช่! ผมโกรธ ผมรู้ว่าคุณอยากมีตัวตน ไม่อยากเป็นคนในความลับ แต่อดทนรออีกหน่อยไม่ได้รึไงกัลยา ยังไงซะ วันนี้ผมก็หย่ากับหนิงแล้ว”
“คุณแคร์ความรู้สึกของเมียเก่ามากกว่ากัลยาเหรอคะ?”
“เขาอยู่กับผมมาสองปี เป็นเมียผม ผมก็ต้องแคร์เขามั่งสิ”
“ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นมาทีหลังกัลยาน่ะเหรอคะ”
“ถ้ามันวุ่นวายนักก็เลิกกันไปเลย ผมเองก็เหนื่อยจะทะเลาะกับคุณเรื่องหนิงแล้วเหมือนกัน หนิงเขาอยู่ของเขาดีๆ คุณทำไมต้องไปเอาเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผมตั้งแต่แรกเหมือนกันกับผมนั่นแหละ แต่ที่เราแต่งงานกันก็เพราะพินัยกรรมของพ่อเธอ”
“คุณเบื่อกัลยาแล้วใช่ไหมถึงอยากจะเลิกกับกัลยา” หล่อนกระชากแขนแข็งแรงของแฟนหนุ่มเต็มแรงโกรธ
“ใช่ ผมเบื่อ เบื่อที่คุณเป็นแบบนี้ ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปทำงาน ที่ผมพูดว่า ‘เลิกกัน’ ผมพูดจริง” แล้วเขาก็สะบัดแขนดึงออกจากมือของหล่อนแล้วเดินไปยังลานจอดรถ ส่วนกัลยาได้แต่ยืนกระทืบเท้าร้องกรี๊ด ไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมา
เสียดายลูกสะใภ้ดีๆ อย่างนฤภร แต่ทำยังไงได้เมื่อสองปีแล้วลูกชายและลูกสะใภ้ก็ยังไม่รักกันจึงยอมให้ทั้งสองหย่ากันตามที่ได้ทำข้อตกลงก่อนแต่งงานกัน ทั้งสองแต่งงานกันตามพินัยกรรมของเพื่อนรักอย่างเสกสรร ก่อนจากไปได้ทิ้งพินัยกรรมในการบังคับลูกสาวของตัวเองกับลูกชายของตนให้แต่งงานกันและตนก็ได้เป็นพยานในครั้งนี้ด้วย และภายในระยะเวลาสองปีหากทั้งสองยังไม่รักกันก็ให้ทั้งสองแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตกับคนที่ตนรัก และวันนี้ก็มาถึง วันที่ไม่อยากจะคิดถึง
“หนูหนิง”
“คะ คุณพ่อ” นฤภรเอ่ยขานพร้อมกับยิ้มให้ท่านที่เดินใช้ไม้เท้าพยุงเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้าน
“ตอนที่ฤกษ์มันบอกพ่อว่าวันนี้ลูกทั้งสองไปหย่ากัน พ่อใจหาย ทำไมลูก เราทั้งสองก็เห็นอยู่ด้วยกันดีๆ ไม่เคยทะเลาะมีปากเสียงกัน แล้วทำไมถึงหย่ากันล่ะลูก” เขาหย่อนก้นนั่งกับโซฟาแล้วเอ่ยถามลูกสะใภ้ที่นั่งพับผ้าอยู่บนโซฟาตัวยาวตรงข้ามตน
“คุณพ่อก็รู้ว่าทำไมเราต้องแต่งงานกัน อีกอย่างไม่วันนี้หรือวันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดีค่ะ คุณฤกษ์มีคนของคุณฤกษ์อยู่แล้วค่ะ หนิงเลยว่าหย่ากันตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกับรอให้ถึงกำหนดสัญญาอีกหนึ่งเดือนที่จะถึงค่ะ”
“แล้วหนูล่ะหนูหนิง สองปีที่ผ่านมา หนูไม่คิดอะไรกับลูกชายพ่อมั่งเลยเรอะ?”
นฤภรยิ้มแห้งๆ ก้มหน้ามองผ้าที่หน้าตักตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นตอบท่าน
“หนูคิดก็ไร้ประโยชน์ค่ะคุณพ่อ เพราะคุณฤกษ์มีคนของใจเขาอยู่ก่อนแล้วค่ะ”
เฮ้อ!
ชายชราถอนหายใจแล้วก็เอ่ย
“เอาเถอะ ยังไงพ่อก็เคารพการตัดสินใจของลูกทั้งสองคน แล้วเนี่ยหนูจะทำยังไงต่อหนูหนิง”
“หนิงว่าจะไปอยู่ต่างประเทศ ไปเรียนต่อค่ะ”
“อือ...ดี อายุยังน้อย ไปเรียนต่อน่ะดีแล้ว อย่าลืมนะว่าหนูยังมีพ่อกับไอ้ฤกษ์อยู่ ถึงแม้เราจะหย่ากับลูกชายพ่อแล้ว แต่หนูก็ยังคือสะใภ้ของพ่ออยู่ และบ้านหลังนี้...”
“คุณฤกษ์บอกว่ายกให้หนูค่ะ”
“มันเป็นของหนูตั้งแต่แรกแล้ว และเรื่องมรดกทุกอย่างพ่อให้ทนายจัดการให้หนูนะลูก และไปอยู่ต่างประเทศ หนูก็ไม่ต้องกลัวลำบาก พ่อจะซัพพอร์ตหนูทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม” ชายชราบอกอดีตลูกสะใภ้
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ” นฤภรเคลื่อนตัวจากโซฟาที่นั่งคลานเข่าไปกราบเท้าท่าน
“หนูก็เป็นเหมือนลูกสาวของพ่อ จำไว้ว่าหนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีอะไรมาหาพ่อได้ที่บ้านประกอบการทรัพย์เสมอ เข้าใจไหมลูก” ฤทธิ์มองหน้าลูกสาวของเพื่อนรัก
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ เย็นนี้อยู่ทานมื้อเย็นที่นี่นะคะคุณพ่อ” นฤภรเอ่ยชวนท่าน
“แล้วไอ้ฤกษ์มันจะกลับมาไหม?”
“หนิงไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าวันนี้คุณฤกษ์จะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านไหมค่ะ” ที่เธอไม่แน่ใจ เพราะว่าเขาอาจจะไปทานมื้อค่ำฉลองอิสรภาพของเขากับแฟนสาวของเขาก็ได้
“อือ...ผู้หญิงคนนั้นคงเกาะมันเป็นปลิงเหมือนเคยสินะ เย็นนี้พ่อจะทานข้าวกับหนูก่อนค่อยกลับ ไม่ต้องทำเยอะนะลูก ทานกันสองคนเอง”
“เดี๋ยวหนูไปดูในครัวก่อนนะคะว่ามีของสดอะไรมั่งและถ้าขาดเหลืออะไร หนูจะได้ไปตลาดค่ะ”
“ตามสบายเถอะลูก พ่อจะไปนั่งสมาธิในห้องพระสักหน่อย” ชายแก่ลุกขึ้นจากโซฟาโดยมีอดีตลูกสะใภ้ลุกขึ้นประคองลุกขึ้นยืนช่วยอีกแรง
“ขอบใจมากลูก พ่อเดินไปเองได้” ฤทธิ์ก็เดินใช้ไม้เท้าค้ำพยุงตัวเองเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องพระ
นฤภรมองตามหลังพ่อของอดีตสามีแล้วก็เดินไปอีกทางเพื่อจะไปห้องครัวดูว่าในครัวมีของสดอะไรติดตู้เย็นมั่ง และขาดเหลืออะไรมั่งจะได้ออกไปซื้อ