“อุ้ย!” เสียงอุทานของภรรยาดัง ปกรณ์ละสายตาจากจอไอแพดหันไปมอง
“มีอะไรครับ”
“ก็นี่ไงคะ คุณอลินเธอติดแฮ็กแท็กด้วยค่ะ”
“เรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ปกรณ์รู้สึกเฉยกับเรื่องนี้เพราะเขาที่ตามข่าวของอลินมาหลายปีมันเรื่องปกติมาก ๆ ของดาราสาวคนดังกับคู่จิ้นที่ลงเอยด้วยคู่จริง ทว่าไม่มีใครรู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง
“ไม่ปกติตรงที่คุณอลินออกมาสารภาพว่าเธอไม่ได้เป็นแฟนทิกเกอร์และทิกเกอร์ไม่ใช่พ่อเด็ก กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งสองคนโดนโจมตีอย่างหนัก โอ๊ย นี่อัญถูกหลอกเหรอเนี่ย ทำไมทำกับแฟนคลับที่รักทั้งคู่แบบนี้นะ เอาความรักของแฟนคลับมาล้อเล่นได้ไงกัน แล้วใครเป็นพ่อเด็กที่แท้จริง” อัญชันบ่นพลางนั่งอ่านความคิดเห็นต่าง ๆ ในโซเชียล ขณะที่ปกรณ์เริ่มไม่อยู่นิ่ง ภายในใจเริ่มร้อนรน เขาต้องหาวิธีออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ผมไปสั่งงานลูกน้องก่อนนะ”
“อ้าว ไหนว่าจะทานข้าวด้วยกัน แม่บ้านกำลังเตรียมอาหารนะคะ น่าจะอยู่คุยเรื่องอลินสักหน่อย”
“งานด่วนเข้ามา คุณทานได้เลย ไม่ต้องรอผม”
“ค่ะ” อัญชันพยักหน้ารับ ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องแท็บเล็ตในมือ เธอไม่ได้ใส่ใจสามีนัก เขาอยากทำอะไรอยากไปไหนก็เรื่องของเขา เธออยากทำอะไรอยากไปไหนก็เรื่องของเธอเช่นกัน ตอนนี้เรื่องใหญ่คือเรื่องที่ดาราในดวงใจออกมาแฉตัวเอง เธอชื่นชอบอลินมาตั้งหลายปี พอเป็นแบบนี้เสียความรู้สึกที่สุด
“เช็กมาว่าอลินไปอยู่ที่ไหน หายไปจริง ๆ หรือแค่เล่นละคร” เมื่อเข้ามานั่งในรถปกรณ์สั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม ทั้งที่ตกลงกันดิบดี นี่อลินคิดจะทำบ้าอะไร คิดว่าจะหนีพ้นหนีไง คนอย่างอลินน่ะเหรอจะหนีเขาพ้น
“เสี่ยครับ” ลูกน้องคนสนิทเริ่มลนลาน เพราะมั่นใจว่าคุณอลินน่าจะหนีไปแล้ว เพราะก่อนที่เสี่ยจะเข้ามานั่งในรถ ธเนตรต่อสายหาคนที่คอยส่งข่าวคุณอลินให้เขาเพื่อรายงานเสี่ยอยู่เป็นประจำ
“ยังไง มึงจะพูดก็พูด” ปกรณ์กดเสียงต่ำ ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมานานมีเหรอสีหน้าแบบนี้จะเดาไม่ออกว่ามันทำงานพลาด
“ตั้งแต่ผมเห็นข่าวผมก็เช็กมาเรียบร้อยแล้วครับ คุณอลินเธอหายไปจากคอนโดเมื่อเช้ามืดนี้ กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ครับ”
“คอนโดหรูขนาดนั้นทำไมจะจับภาพไม่ได้ มึงอย่าบอกนะว่ากล้องเสีย”
“ครับ” ธเนตรพูดเสียงเบา ก็กล้องมันเสียงจริง ๆ ไม่รู้ว่าเสียเพราะเงินหล่นทับหรือเสียเพราะอะไร
“ใคร ใคร ใครมันกล้าลองดีกับกู!” กำปั้นทุบลงที่เบาะรถ ใบหน้าดุดันเกิดจากอารมณ์โมโห
“...” ลูกน้องเงียบกริบเพราะลูกพี่กำลังดิ้นเป็นหมาบ้า หากธเนตรพูดอะไรผิดไปสักนิดชีวิตคงได้จบสิ้นในวันนี้
ปกรณ์กดโทรเข้าเบอร์อลินหลายต่อหลายรอบ กดโทรทั้งที่ปลายสายพูดว่า ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’ เขาแทบอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง
“ไปส่งกูที่บ้านแล้วพวกมึงไปตามหาอลินให้พบ ไม่เจอไม่ต้องเสนอหน้ากลับมา!” ปกรณ์สั่งเสียงเข้ม คิ้วเข้มขมวดมุ่น นิ้วนวดขมับสองข้างแสดงออกถึงความเครียด
แต่เสี่ยสั่งไม่เคลียร์ทำให้ความตึงเครียดตกมาอยู่ที่ลูกน้องทั้งสอง
ภายในรถธเนตร ธเรศลูกน้องทั้งสองเกี่ยงกันไปมาทางสายตา สุดท้ายก็เป็นธเรศที่ถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “บ้านหลังไหนครับเสี่ย”
เสี่ยมีตั้งหลายบ้าน เกิดไปส่งไม่ถูกหลังก็ไม่พ้นถูกต่อว่าอีกตามเคย
ปกรณ์มองตาขวางก่อนจะตอบ “บ้านหลังที่กูอยู่กับอลิน”
“ละ… แล้วหลังไหนครับ” เสี่ยอยู่กับคุณอลินตั้งสามหลัง
ปกรณ์มองหน้าลูกน้องพลางผ่อนลมหายใจแรง ๆ นี่พวกมันตั้งใจกวนประสาทเขาหรือไง ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้แค่อลินคนเดียวเขาก็จะบ้าแล้ว “หลังที่เป็นชื่ออลินไงวะ นี่พวกมึง...”
“ครับ ๆ” ธเรศรีบขานรับคล้ายเข้าใจ ความจริงแล้วปัญหานี้ยังไม่เคลียร์แต่ก็ต้องขับรถออกมาก่อน ไม่งั้นเสี่ยจะอารมณ์เสียกว่านี้ ที่บอกไม่เคลียร์ก็เพราะบ้านที่เสี่ยซื้อในชื่อของคุณอลินมีสองหลัง คราวนี้ก็เป็นลูกน้องที่ต้องเดาใจว่าบ้านหลังไหนที่เสี่ยอยากไป