“อึก!”
ชายหนุ่มกัดเนื้อผ้า พลางกดปลายมีดแหลมคมลงบนต้นขา กรีดลงไปในเนื้อสดๆ เพื่อเอาลูกตะกั่วออกมาจากเนื้อเหวอะ ที่อาบชุ่มไปด้วยเลือดสีสดจำนวนมาก เมื่อเอาลูกตะกั่วสีเงินออกมาจากร่างกายได้แล้ว เขาก็รีบจัดการห้ามเลือด แล้วเย็บแผลสดๆ ด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผ่ากระสุน แต่เป็นครั้งที่สอง ในรอบสิบปี ครั้งแรก คือสิบปีก่อน ตอนที่ไปช่วยเพื่อนสนิทอย่าง ‘ไอ้ดิน’ แต่สุดท้ายก็ถูกรวบเข้าคุก สิบปีต่อมา ก็โดนยิงอีกในตอนที่พยายามแก้แค้นแทนมัน
ทว่าครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมกลับเข้าไปในคุก!
จนกว่าจะได้ฆ่า ‘ไอ้เมฆา’ หัวหน้าแก๊งคู่อริ
“อึบ!”
กายแกร่งชันตัวลุกขึ้นยืน ทั้งที่ไม่มีเนื้อผ้าปกปิดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว สายตาคู่คมกวาดมองรอบห้องสี่เหลี่ยม ที่มีขนาดเล็กเท่าแมวดิ้นตาย ก่อนจะเดินเข้าไปล้างเลือดตามเนื้อตัวในห้องน้ำ แล้วกลับออกมาเช็ดเลือดบนพื้นให้เจ้าของห้อง ตอนแรกว่าจะรีบออกไปจากที่นี่ แต่พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกแล้ว ขอนอนพักอีกสักวันก่อนก็แล้วกัน เพราะยังไม่รู้ว่า จะหนีไปอยู่ที่ไหน ลูกน้องก็ดันโดนจับไปแล้ว
“เฮ้อ…”
ร่างใหญ่กำยำ ทิ้งตัวนอนลงบนฟูก ทว่าที่นอนกลับมีขนาดเล็กมาก ท่อนขาเลยไปเกือบครึ่งข้อ แต่มีกลิ่นหอมขนมหวานจากเจ้าของห้องติดเนื้อผ้า เขาเลยหยิบผ้าห่มสีชมพูมาดมกลิ่นแล้วผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น (ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น)
กรึบ~
เสียงเปิดประตูห้อง ปลุกคนบนฝูกให้ลืมตาตื่นทันที
“พะ พี่!”
สาวเจ้าเนื้อตกใจรอบสอง แล้วรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง คิ้วเข้มขมวดติดกันก่อนจะชันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก้มมองอวัยวะที่กำลังแข็งตัวยามเช้า แล้วหันขวับกลับไปมองเจ้าของห้องที่กำลังจะวิ่งหนี เขาเลยรีบลุกขึ้นไปห้ามโดยการกอดจากทางด้านหลัง แต่ไอ้กระปู๋เจ้ากรรม มันดันจิ้มเข้าร่องก้นอวบอั๋นพอดี ขนาดใส่กางเกงยีนขายาว ก้นยังนุ่มมากเลย
ปัง!
เขาผลักประตูปิด แล้วงัดท่อนแขนแกร่งกร้าน ดันพุงน้อยๆ ให้สาวเจ้าเนื้อถอยห่างจากประตู แต่ทว่าเธอดิ้นไปมา ทำให้การเสียดสีเกิดขึ้น ตัวเธอนุ่มนิ่มแทบจะทุกจุด แถมยังมีกลิ่นตัวหอม เหมือนกลิ่นขนมหวานที่เขานอนสูดดมมาทั้งคืน
“พะ พี่อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”
“พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก ขอแค่เธอฟัง”
เสียงทุ้มเข้มบอกกับสาวเจ้าเนื้อ แต่กลับเผลอซุกสันจมูกคม ดอมดมกลิ่นแชมพูบนเรือนผมอ่อนนุ่มสีน้ำตาล ที่ส่งกลิ่นหอมละมุนคล้ายกลิ่นกาย ยิ่งเธอดิ้นเร้า กายเราก็ยิ่งก็เบียดเสียดเข้าหากันทำให้เขาปึ๋งปั๋งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พะ พี่คะ”
สุ้มเสียงสั่นกลัว เรียกชายหนุ่มที่กำลังกอดรัดเรือนร่างอวบอั๋นเอาไว้ในอ้อมแขน ที่เต็มไปด้วยลายสัก เมื่อเจ้าตัวได้ยินเสียงเรียกนั้น จึงรีบเก็บซ่อนกามอารมณ์ของชายชาตรี แล้วจับไหล่นวลของสาวเจ้าเนื้อให้หันกลับมาประจันหน้ากัน
ดวงหน้ากลมมนแก้มซาลาเปา ก้มหลบสายตาคนตัวสูง แต่ก็ไม่กล้ามองต่ำ เพราะเขายังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า เธอเลยต้องจำใจเงยหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าพอได้เห็นหน้าค่าตาในระยะประชิด กลับรู้สึกว่า ‘ผู้หญิงคนนี้น่ารักฉิบหายเลย’
นัยน์ตาเฉียบคมดุจเหยี่ยว มองสาวเจ้าเนื้อตรงหน้า ที่ไม่กล้าสบสายตา เขาเลยเป็นฝ่ายเชยชมความน่ารัก โดยการยกสองมือหยาบใหญ่ ประคองดวงหน้ากลมมนให้เงยขึ้น แล้วจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่ม สีชมพูน่าจูบ เป็นจุดแรก ก่อนจะไล่สายตามองปลายจมูกจิ้มลิ้ม และดวงตาสีน้ำตาลสุขสกาว แม้จะไม่เห็นทรงคิ้วเพราะเธอตัดหน้าม้า แต่ก็ดูเข้ากับใบหน้าอ่อนเยาว์ แล้วยิ่งไปกว่านั้น พวงแก้มของเธอยังนิ่มยิ่งกว่าผิวกาย จนเขาเผลอเกลี่ยวนนิ้วโป้งไปมา แล้วจิ้มแก้มบุ๋ม
“น่ารักขนาดนี้ มาเป็นเมียพี่ไหม?”
ดวงตาหวั่นกลัวเบิกโต แล้วสั่นหัวปฏิเสธทันที
“ทำไมอะ พี่ใช่สเปคของเธอเหรอ?”
“คะ คือว่า หนูเพิ่งอายุสิบแปดเอง”
“แล้วไง ต่อให้สิบขวบพี่ก็จะขอคบ”
ม่านตาสีน้ำตาลสวย เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ไม่ดิ ขอคบมันไก่อ่อนเกินไป งั้นเอาพี่ไปเป็นผัวเลยดีไหม พี่จะดูแลเธอทุกอย่าง และจะทำหน้าที่ผัว ให้ดีที่สุดเลย”
เด็กสาวตรงหน้ายืนอึ้ง เพราะตกใจกับคำพูดของเขา
“ไม่ตอบแปลว่าตกลง งั้นขอจูบหน่อยนะ”
พอเห็นริมฝีปากน่าจูบแล้วมันอดไม่ไหว เลยโน้มตัวลงไปกะจะจูบให้หายอยาก ทว่าสาวเจ้าเนื้อกลับถอยหนีจากอุ้งมือทั้งสองข้าง แล้วรีบวิ่งไปหยิบชุดนักเรียนที่แขวนอยู่ในตู้
“นะ หนูหวังว่ากลับมาจะไม่เจอพี่อีกนะคะ ขอตัวค่ะ”
พูดจบ เธอก็รีบชิ่งหนีออกไปจากห้อง เขาจะตามไปคว้าตัว แต่แผลที่ขายังไม่หายตึง เลยวิ่งตามไม่ทัน ใครจะคิดว่าแบกหน้าอกหน้าใจใหญ่โตขนาดนั้น จะวิ่งเร็วเหมือนลิงลม
พูดถึงหน้าอก ขนาดใส่เสื้อยืดยังใหญ่กระแทกเบ้าตา
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะอายุแค่สิบแปด เด็กเดี๋ยวนี้ โตไวเนอะ
“หนูหวังว่ากลับมาจะไม่เจอพี่อีกนะคะ หึ ฝันหวานไปเถอะอีหนู พี่ไม่มีที่ไป ยังไงหนูก็ต้องดูแลผัวคนนี้ไปก่อนนะ~”
เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปาก แล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้ที่พอจะใส่ได้ ออกมาใส่ ซึ่งขนาดตัวเหมือนจะใกล้เคียงกัน ต่างกันแค่ส่วนสูง แต่ แต่ แต่! ที่แหล่มไปกว่านั้นคือเสื้อชั้นใน แม่เจ้าโว้ย! คัพอะไรทำไมใหญ่ฉิบหาย เห็นแล้วกระปู๋แข็งเลย
[ ไรท์ : พระเอกเรื่องนี้เป็นโรคจิต อีพี่ผามันจิต (-0-!) ]
TAKE : ตุ้ยนุ้ย
โรงเรียนแห่งหนึ่ง
“วันนี้เรามีนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่นะทุกคน มาสิ”
อาจารย์ประจำชั้น กวักมือเรียกนักเรียนใหม่ให้เข้ามาแนะนำตัว ขณะที่สาวเจ้าเนื้อประจำห้อง กำลังถูกกลุ่มแก๊งเด็กนักเรียนที่ชอบแกล้ง นั่งล้อมหลังผลัดกันปาก้อนกระดาษใส่หัว แล้วหันไปหัวเราะคิกคัก โดยที่ไม่มีใครคิดจะห้ามปราม
“แนะนำตัวได้เลยนะ”
อาจารย์บอกกับนักเรียนใหม่ เจ้าของร่างสูงโปร่ง และมีหน้าตาหล่อเหลา จนสาวสาวในห้อง ต่างพากันส่งยิ้มหวาน
“อาจารย์ไม่คิดจะห้ามเด็กพวกนั้นหน่อยเหรอครับ?”
เด็กใหม่พูดพลางยิงสายตาคู่คมไปที่กลุ่มนักเรียนหลังห้อง ซึ่งคนเหล่านี้ กำลังสนุกสนาน กับการกลั้นแกล้งเธอ
“เฮ้ย! อาจารย์บอกให้แนะนำตัว ไม่ใช่ให้มาเสือกเรื่องของคนอื่น ย้ายเข้ามาปีสุดท้าย หัดอยู่ให้เป็นหน่อยดิวะ!” หัวโจกชื่อว่า ‘คิริว’ ลูกครึ่งไทย – ญี่ปุ่น หลานชายผอ. โรงเรียนตะโกนตอบกลับ ซึ่งอาจารย์ก็ไม่คิดที่จะห้ามคนคนนี้ เช่นเคย
“หึ! สวะฉิบหาย”
“มึงว่าไงนะ โครม!”
คิริวล้มโต๊ะเรียนด้วยความเดือดดาล จนโต๊ะล้มมากระแทกเก้าอี้ที่เธอกำลังนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปหน้าห้องแล้วมองคนที่ตัวสูงกว่าหลายสิบเซนด้วยสายตาเอาเรื่อง
จะว่าไปแล้ว เด็กใหม่คนนี้ หน้าตาเหมือนใครบางคนที่เธอเคยเห็นไปหมาดๆ สีผมสีตา ส่วนสูง ดูคล้ายกันมากเลย
“มึงชื่ออะไรวะ ไอ้เด็กใหม่?”
คิริวเค้นเสียงเดือดดาล ถามเด็กใหม่
“ลองไปถามพ่อมึงดิ เผื่อจะได้คำตอบ”
“มึง!”
คิริวง้างหมัดเตรียมชก ทว่าอีกฝ่ายกลับรับหมัดด้วยฝ่ามือแล้วง้างหมัดสวน แต่อาจารย์ดันเข้ามาห้าม แล้วดุเด็กใหม่ว่า ‘จะก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกทำไม อยากโดนไล่ออกเหรอ'
ฟังเหมือนสองมาตรฐาน แต่เชื่อสิ เธอผ่านมันมาแล้ว
“ไม่ต้องแนะนำตัวแล้ว รีบไปหาที่นั่งซะ!”
อาจารย์วัยชราตะคอกใส่ เด็กใหม่เลยปัดมือคิริวที่กำลังกำคอเสื้อตนเองให้ปล่อย แล้วเดินตรงมาหาที่นั่ง พอถึงที่ที่เธอนั่ง เขาก็ยกโต๊ะข้างหลังขึ้นตั้ง แล้วนั่งตรงนั้นแทนคิริว
ฮือฮ่าาา!
นักเรียนในห้องต่างพากันฮือฮายกใหญ่ กับการกระทำของเด็กใหม่ ที่กล้าท้าทายหัวโจกประจำห้องอย่างคิริว จากที่เธอเป็นเป้าหมายหลักเพียงคนเดียว ตอนนี้ก็มีคนมาเพิ่ม ซึ่งเธอไม่อยากให้ใครต้องโดนแกล้ง ในแบบที่เธอโดน
“นี่เธอ”
คนข้างหลังสะกดไหล่เรียก พอสาวเจ้าเนื้อหันหน้าไปมอง เราสองคนก็ตกเป็นเป้าสายตาในทันที ทว่าเด็กใหม่กลับคลี่ยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วแนะนำตัว ด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“เราชื่อแผนเมือง ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เธอหันกลับ ไม่กล้าตอบรับเพราะกลัว
“เฮ้ย~ พวกมึง กูว่าพวกเราได้ของเล่นชิ้นใหม่แล้วว่ะ”
คิริวที่ย้ายไปนั่งข้างๆ พูดพลางยกขาเตะไปที่เก้าอี้ของเด็กใหม่ ทำเอาเธอสะดุ้งตัวโหยงจนไม่กล้าหันกลับไปอีก
หลังจากนั้น คนที่ถูกเพ่งเล็งก็กลายเป็นเด็กใหม่ พออาจารย์เดินออกจากห้อง กลุ่มแก๊งเด็กนักเรียนที่แกล้งเธอสิบกว่าคน เริ่มยืนล้อมโต๊ะ ตั้งแต่โต๊ะเธอไปจนถึงโต๊ะเด็กใหม่
“มึงชอบอีอ้วนนี่เหรอวะ ไอ้เด็กใหม่?”
คิริวยืนหน้าโต๊ะเธอ แล้วพูดจาสอดเสียดถึงรูปลักษณ์
“หน้าตาเหมือนปลาดุกอย่างมึง ไม่น่าดูถูกใครได้เลยนะ” แผนเมืองตอบโต้ด้วยคำด่า ทำเอาคิริวเลือดขึ้นหน้าทันที
“มึงคิดว่ามึงหล่อนักหรือไงวะ!”
“เอ๋~ แต่ดูจากสายตาสาวๆ ในห้องที่มองกูแล้ว กูว่ากูหล่อกว่ามึงหลายเท่าเลยนะ จริงไหมครับ คนสวย” แผนเมืองหันไปถามนักเรียนหญิง ร่วมห้อง ที่พยักหน้าตอบอย่างลืมตัว
แต่พอเจอสายตาของคิริว ก็รีบก้มหนีหน้าเพราะกลัว
“เฮ้! ใช้สายตาข่มคนอื่น มันไม่เท่หรอกนะ”
“แล้วมึงมีปัญหาอะไรกับกูไหม ไอ้เด็กใหม่!”
คิริวกำหมัดแล้วมองผ่านหัวเธอ ด้วยสายตาเอาเรื่อง
“จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มี”
“มึงอย่ามากวนตีน ไม่งั้นอีอ้วนจะโดนแบบนี้ ผลัวะ!”
คิริวตบเข้าที่ขมับซ้าย จนสาวเจ้าเนื้อตัวเซไปข้าง
“มึงกล้าตบผู้หญิงเลยอ้อวะ!” แผนเมืองลุกขึ้นทันที
แต่เธอยกแขนขึ้นกั้นทางไม่ให้เขาไปมีเรื่องกับอีกฝ่าย
“หึ! กูกล้าทำมากกว่านี้อีก ไม่เชื่อมึงก็ลองถามอีอ้วนดูสิ ว่าตั้งแต่มอหนึ่งจนถึงมอหกมันโดนอะไรมาบ้าง แต่บางเรื่องมึงก็ไม่จำเป็นต้องถามนะ เพราะกูเล่นมึงแน่ อยากกวนส้นตีนดีนัก ต้องเจอตีนคนอย่างกู” คิริวแสยะยิ้มให้แผนเมือง ก่อนจะพาพรรคพวกเดินออกไปจากห้อง พอกลุ่มนั้นออกไปแล้ว เธอถึงจะเงยหน้าที่มีรอยแดงบริเวณกกหู คิริวก้มมองด้วยแววตาข่มอารมณ์ แล้วจับข้อมือเธอพาไปที่ห้องพยาบาล
“ยะ หยุดก่อน”
เธอหยุดชะงัก เมื่อถึงหน้าห้องพยาบาล
“หยุดทำไม เธอต้องให้พยาบาลตรวจนะ ถ้าเป็นอะไรไป จะได้เอาผลไปแจ้งอาจารย์หรือผอ. ให้จัดการพวกมันซะ”
แผนเมืองพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว คิ้วขมวดเป็นปม
“อย่าเลย มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์ เธอโดนตบเลยนะ”
“เชื่อฉันสิ นายอย่าไปยุ่งกับพวกนั้นเลยนะ”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะป๊า…”
เขาชะงักคำพูดที่เหมือนหลุดปาก ก่อนจะหันไปเปิดประตูห้องพยาบาล แล้วดันหลังให้สาวเจ้าเนื้อเข้าไปตรวจบริเวณที่โดนตบ ซึ่งครูพยาบาลก็ทำสีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อเห็นหน้าเธอ แต่เมื่อแผนเมืองเค้นเสียงให้ตรวจ ครูพยาบาลถึงทำ
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอกลับไปเรียนได้แล้ว”
“หมายความว่ายังไง กกหูแดงขนาดนี้เนี่ยนะ!?”
แผนเมืองทักท้วงเสียงดังลั่น จนครูพยาบาลตกใจ
รวมถึงเธอ เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดจาแบบนี้
“โรงเรียนไร้จรรยาบรรณไม่ควรตั้งอยู่ในเขตนี้จริงๆ รอก่อนเหอะ เฮียได้เขตนี้กลับคืนจากป๊าเมื่อไหร่ ที่นี่โดนยุบแน่”
“พูดจาเหลวไหลอะไรของเธอ นี่คงเป็นเด็กใหม่สินะ”
“ใช่ ผมเป็นเด็กใหม่ ที่รังเกียจโรงเรียนขยะแบบนี้ที่สุด ไปเหอะ ขอให้หมาช่วยยังดีกว่าขอให้คนไร้จรรยาบรรณช่วย”
“นี่เธอ…!”
แผนเมืองไม่รอฟัง จับข้อแขนขาวนวล พาสาวเจ้าเนื้อออกไปจากห้องพยาบาล แล้วเดินผ่านโรงอาหารเพื่อออกไปจากโรงเรียน ทุกสายตามองมาที่เรา โดยเฉพาะกลุ่มแก๊งคิริว
“ดะ เดี๋ยว ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลยนะ”
“ช่างมันดิ! เธอต้องไปโรงพยาบาลก่อน”
“ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“เป็น โดนตบขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องไปแจ้งความ”
“บะ บ้า เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งความให้ใหญ่โต”
“แต่มันแกล้งเธอมาตั้งหลายปีแล้วนะ จะยอมเหรอ?”
“อีกแค่ปีเดียว ฉันก็จะเรียนจบแล้ว ช่างมันเถอะนะ”
“ฮะ? เธอจะทนให้มันแกล้ง จนเรียนจบเลยเนี่ยนะ?”
“ชะ ช่วยมองข้ามไปทีได้ไหม เดี๋ยวนายจะแย่เอานะ”
“หึ! เราไม่กลัวเว้ยเธอ เราอยู่เหนือกว่ามันหลายเท่า”
แผนเมืองพูดพลางกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วปล่อยมือ
“เธอจะทนก็ทนไป แต่ถ้ามันแกล้งเธอเมื่อไหร่ เจอดี”
เด็กสาวเอียงคอสงสัยกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ เพรามันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องมาปกป้องเธอหรือออกรับแบบนี้