สกุนนาตื่นมาในตอนสายของอีกวัน หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นอนที่ยับยู่ยี่อย่างทุลักทุเล กลางกายสาวตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งช้ำเพราะพิษรักของชายหนุ่มที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกายเธอ
หญิงสาวกลั้นใจอดทนกับความเจ็บปวดลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องอย่างยากลำบาก เพื่อล้างคราบไคลที่เกิดขึ้นจากเกมรักเมื่อคืนออกจากร่างกาย
หญิงสาวใช้เวลาล้างตัวไม่นานก็เดินออกมา พบว่าเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืนฉีกขาดไม่มีชิ้นดีจนเธอไม่สามารถสวมใส่เดินออกไปได้แน่นอน
สกุนนาจึงเดินไปหยิบเอาเสื้อผ้าของตฤณขึ้นมาสวมใส่แทนชุดของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะตัวใหญ่จนหลวมโคร่งก็ตามที แต่เมื่อพับขาพับแขนไปแล้วมันก็ดูไม่ค่อยหน้าเกลียดเท่าไหร่
หญิงสาวแต่งตัวจนคิดว่าเรียบร้อยดีแล้วก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ทันที และตั้งปฏิญาณไว้ว่าเธอจะไม่กลับมาเหยียบที่โรงแรมนี้อีกแล้ว เธอจะฝังความทรงจำของคืนที่ผ่านมาไว้ที่นี่ให้หมดสิ้น หญิงสาวรีบออกไปนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน เพราะไม่รู้ป่านนี้ยายของเธอจะเป็นยังไงบ้างที่เธอไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน
เมื่อรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้านสกุนนาพึ่งคิดได้ว่ากระเป๋าตังเธออยู่ที่ล็อกเกอร์เก็บของที่โรงแรมแล้วเธอจะเอาตังที่ไหนจ่าย เธอบอกแท็กซี่ให้รอก่อนจะวิ่งลงจากรถกำลังจะเข้าบ้านแต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน มือเล็กควานหาอยู่สักพักก็เจอเข้ากับโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกง
“เอ๊ะ โทรศัพท์ ตายแล้วนี่เราเอาของเขามาทำไมเนี่ย! ”
สกุนนารีบกดตัดสายทิ้งทันทีก่อนที่จะกดปิดเครื่องเอาไว้แล้วล้วงหาอย่างอื่นอีกเผื่อมีติดมาอีก
“คุณ ได้รึยัง ผมจะไปขับรถต่อ”
คนขับแท็กซี่ตะโกนเรียกหญิงสาวที่เอาแต่ยืนล้วงนั่นล้วงนี่แต่ไม่ยอมจ่ายค่าแท็กซี่สักที
สกุนนาล้วงมือไปเจอกับกระเป๋าตังของชายหนุ่มที่ติดมากับกางเกงที่เธอใส่อยู่จึงแอบเปิดข้างในแล้วหยิบแบงก์พันออกมาจ่ายค่าแท็กซี่ทันที
เมื่อได้เงินแล้วแท็กซี่ก็ขับออกไปส่วนหญิงสาวก็เดินเข้าบ้านไป
“นา! ไปไหนมาลูก ยายเป็นห่วงหนูทั้งคืนเลย นี่ก็ว่าจะให้ตาต้นมารับไปแจ้งความ โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย ไปไหนมา”
ยายดารีบเอ่ยถามหลานสาวทันทีที่เจอหน้าเพราะเมื่อคืนหญิงสาวไม่ได้กลับมานอนบ้านเพราะถ้าเธอมีงานเธอก็จะโทรมาบอกแต่นี่กลับหายเงียบไปเลยโทรไปก็ไม่รับสาย
“พอดีเมื่อคืนมีเรื่องมานิดหน่อยนะยาย เดี๋ยวนาเล่าให้ฟังแต่ตอนนี้นาขอตัวไปอาบน้ำก่อนได้ไหมจ๊ะ เดี๋ยวนามาเล่าให้ยายฟัง”
สกุนนาบอกออกไป เธอไม่เคยคิดจะปิดบังเรื่องทุกอย่างในชีวิตที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นยายอยู่แล้วเพราะชีวิตเธอตอนนี้มีเพียงยายเท่านั้นที่เหลืออยู่ พอพูดเสร็จหญิงสาวก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำ
หญิงสาวอาศัยอยู่บ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ที่ยายเธอเอาเงินเก็บที่ได้จากการเกษียณราชการก่อนกำหนดมาซื้อไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนและยังคงพอมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่เมื่อไม่นานมานี้ยายของเธอล้มป่วยลงด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมทำงานขายของไม่ได้เพราะเดินลำบากเงินที่เก็บไว้ใช้ก็เริ่มหมดลงเพราะค่ารักษา ถึงแม้หญิงสาวจะทำงานแทบจะไม่ได้หยุดก็ตาม เธอคิดว่าจะเก็บเงินสักก้อนพายายไปผ่าตัดหัวเข่าเธออยากให้ยายเธอเดินได้สะดวกไม่ทรมานอย่างนี้
ยายดาที่มองตามหลังจองหลานสาวไปรู้สึกใจไม่ดีเพราะการแต่งตัวของสกุนนานั้นดูก็รู้ว่ามันชุดผู้ชาย แล้วหลานเธอไปเอามาใส่ได้ยังไง เธอได้แต่นั่งรอให้หลานสาวกลับมาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวเธอกันแน่
สกุนนาอาบน้ำไปร้องไห้ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น นานแล้วที่เธอไม่เคยต้องมาเสียน้ำตามากมายอะไรแบบนี้หลังจากที่เธอเคยถามเรื่องพ่อแม่ของเธอแล้วทะเลาะกับยายใหญ่โตเธอก็ไม่เคยเสียน้ำตาอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้
แต่เหตุการณ์ที่เจอครั้งนี้มันหนักหนาสาหัสกว่ามากนัก หญิงสาวจึงร้องออกมาจนแทบไม่เหลือน้ำตาที่จะไหลออกมาแล้ว เมื่อร้องไห้จนพอใจ เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปคุยกับยายที่คงรอฟังเรื่องราวจากเธออยู่
สกุนนาเดินลงมาชั้นล่างหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้ามานั่งข้างๆยายแล้วจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดที่พบเจอมาเมื่อคืนก็ถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาว
ยายดาได้แต่ดึงหลานสาวเข้ามากอดเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอเลี้ยงดูหลานสาวเพียงคนเดียวของเธอมาอย่างดี เรื่องพวกนี้สกุนนาไม่เคยคิดที่จะอยากลอง แต่ที่เสียไปนั้นเพราะความผิดพลาดและมีน้ำใจของหลานสาวเธอ แท้ๆ
“แล้วนาจะไปเอาเรื่องเขารึเปล่าละลูก”
เมื่อเห็นหลานสาวเริ่มหยุดร้องบ้างแล้วเธอจึงถามขึ้น
“ไม่คะยาย นาอยากลืมมัน มันเป็นแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นาจะไม่ขอจำมันอีก อะไรที่เสียไปแล้วก็ช่างมันเถอะคะนาไม่ถือ เสียแล้วเสียไปขอแค่ยายเข้าใจนาก็พอแล้ว”
สกุนนาบอกออกมาก่อนที่จะกอดยายของเธอเอาไว้อย่างอยากหาหลักยึดเหนี่ยวทางใจให้เธอเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป
เมื่อทุกอย่างได้ระบายออกมาและยายเธอก็เข้าใจไม่ได้โกรธอะไรเธอแล้ว ความเครียดที่มีก็เริ่มเบาบางลง วันนี้หญิงสาวมีเข้าทำงานรอบบ่ายเธอคิดว่าจะขอนอนพักเอาแรงก่อนที่จะออกไปทำงานต่อ
สกุนนาเดินกลับขึ้นมาบนห้องก่อนจะเห็นเสื้อผ้าของชายหนุ่มที่เธอสวมใส่มา เธอเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่มีมือถือเครื่องเล็กกับกระเป๋าตังของเจ้าของเสื้อผ้านี้อยู่
เธอลองเปิดกระเป๋าตัวใบเล็กที่ติดมาด้วยออกดู พบว่าในกระเป๋าใบนี้มีแต่บัตรเครดิตกับเงินจำนวนหนึ่ง มือเล็กหยิบบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของกระเป๋าขึ้นดู
“นายตฤณ เทวทัต งั้นเหรอ เห้ย!! นี่มัน..... ”
เมื่อหญิงสาวอ่านดูชื่อของเจ้าของกระเป๋าแล้วถึงกับต้องตกใจออกมาเพราะแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าของโรงแรมสุดหรูในเครือเทวทัต ที่ชื่อตฤณเลยสักคน
“ทำไม ทำไม ตัวจริงไม่เหมือนในรูปละ”
สกุนนายังคงตกใจไม่หายที่ผู้ชายที่รังแกเธอเมื่อคืนคือคนเดียวกันกับเจ้าของโรงแรมที่เธอแอบไปทำงานพิเศษมานั่นแหละ
หญิงสาวนั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวว่าควรจะลืมๆมันซะ ไม่ใช่มานั่งคิดอยู่แบบนี้ จากนั้นเธอจึงล้มตัวลงนอนเพราะเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนพึ่งมาได้พักตอนเกือบเช้านี่เอง