Chapter 2
สัญญาณเตือน 2
เป็นเวลาเกือบตีห้าตรง ภัทรพลขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรมหรูเพื่อรับนรบดีที่ เพียงชายหนุ่มพาร่างเข้าไปด้านใน ก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอเขาอยู่ตรงลอบบี้แล้ว พร้อมที่จะออกเดินทางได้ทันที
“เห็นไหม ในที่สุดคุณก็มาไม่ทันผม”
นรบดีเปิดฉากโจมตีทันที เมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าตน ภัทรพลแสร้งทำผิวปากอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ผมมาช้า แต่มันอยู่ที่คุณตื่นเร็วไปต่างหาก คุณต้องคำนวณเผื่อผมตื่นนอนด้วย”
“อ้าว สรุปว่าผมผิดใช่ไหมครับคุณผู้หมวดรูปหล่อ”
นรบดีพับหนังสือพิมพ์ในมือจนเรียบร้อย ก่อนนำไปเก็บไว้ตามเดิม ภัทรพลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าเขาสมควรไปจากตรงนี้ได้แล้ว
“เอาเถอะ อย่ามัวเถียงกันเลย เดี๋ยวไข่มุกจะรอนาน”
“คุณมุกไปด้วยเหรอ”
“อืม…เธออยากไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ เห็นบ่นว่าไม่สบายใจ ผมก็เลยพาไป”
หัวใจของนรบดีถึงกับพองโตขึ้นมาในทันใด เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม ที่สำคัญหล่อนจะไปทริปเดียวกับเขาเสียด้วย ดูแล้วฟ้าช่างเป็นใจให้เขามีโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับหล่อนเสียจริง นรบดีคิดพลางยิ้มกริ่มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นผมขอเสียสละรับหน้าที่คอยดูแลเธอเอง คุณก็เป็นไกด์ไปก็แล้วกัน ดีมั้ย”
นรบดีจัดแจงเสียเสร็จสรรพ ขณะก้าวขึ้นมานั่งบนเบาะรถที่อยู่เคียงข้างคนขับ
“หากคุณคิดไม่ดีกับเพื่อนผม ผมจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
ภัทรพลแกล้งขู่ เขายังคงกังขาว่าจริง ๆ แล้วเพื่อนของเขาคิดจะทำตัวเหมือนหมาหยอกไก่ไปทั่วหรือไม่ แม้ไอรดาจะไม่ยอมรับไมตรีจากเขา แต่ก็ไม่อยากให้ใครมาทำให้หล่อนต้องเสียใจ เหมือนผู้ชายคนก่อนของเธอ
“คุณกำลังหวงก้างผมหรือเปล่า”
นรบดีหรี่ตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน เขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มข้าง ๆ จะไม่คิดอะไรกับหญิงสาวที่เขาพึงใจอยู่ ก็รังสีออร่าของหล่อนกระแทกสายตาเสียขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่หวั่นไหวเมื่อยามใกล้ชิด
“เหรอ…ผมไม่ยักรู้ตัวแฮะ”
“รีบไปเถอะ ผมอยากเจอหน้าเพื่อนของคุณจะแย่อยู่แล้ว”
“แล้วอย่าไปแหย่รังแตนเข้าล่ะ ผมขี้เกียจห้ามทัพ”
พูดจบจึงขับรถออกจากโรงแรมเพื่อไปยังจุดที่นัดไว้กับไอรดา โดยหล่อนให้คนขับรถมาส่งยังจุดนัดระหว่างทาง เพื่อที่ภัทรพลจะได้ไม่ต้องขับรถย้อนกลับไปรับเธอให้เสียเวลา รอไม่นานนักรถยนต์คุ้นตาก็แล่นปราดเข้ามาจอดตรงหน้าหล่อนอย่างน่าหวาดเสียว ตามนิสัยขี้เล่นของเจ้าของรถ ที่หล่อนชินเสียแล้ว
‘บ้าจริง หมวดเต้จะชวนมาทำไมนะ’
หญิงสาวคิดอยู่ในใจ เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ไม่อยากเจอกำลังส่งยิ้มผ่านกระจกรถ รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณไข่มุกอันดามัน”
นรบดีรีบเอ่ยทักทายก่อน เมื่อไอรดาเปิดประตูขึ้นมานั่งยังตอนหลังของรถ สายตาเพ่งมองใบหน้าของผู้หมวดหนุ่มผ่านกระจกส่องหลัง สื่อให้เขารู้ว่าหล่อนไม่ชอบใจที่ นรบดีมาด้วย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้อะไรด้วยเลย
“ฉันชื่อไข่มุกเฉย ๆ ย่ะ”
หญิงสาวทำปากยื่นใส่ชายหนุ่มตรงหน้า รู้สึกไม่ชอบใจในฉายาที่เขาตั้งให้
“ก็ผมอยากเรียกนี่ครับ ทำไมเหรอครับ ประเทศไทยเขามีกฎห้ามเอาไว้เหรอว่าห้ามหาคำมาต่อท้ายชื่อเล่นน่ะ”
นรบดีเอี้ยวตัวเพื่อหันไปปะทะคารมกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหลัง จริง ๆ แล้วเขาอยากย้ายที่ไปนั่งข้างหลังบ้าง แต่เพื่อนรีบดักคอเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
‘ให้มานั่งช่วยดูเส้นทาง กลัวหลง’
นั่นคือเหตุผลที่ภัทรพลอ้างกับเขา นรบดีรู้สึกว่ามันฟังไม่เข้าท่าเลยสักนิด
“ไหนครับ ข้อห้าม”
นรบดียังไม่ยอมลดละ ชายหนุ่มทำท่ายักไหล่อย่างยียวน
“ไม่มี แต่ฉันพอใจไม่ให้เรียก”
“ไข่มุกอันดามัน”
“ฝรั่งขี้นก”
“ไข่มุกอันดามัน”
“ผรั่งขี้นก”
“ไข่มุก…”
“เอาละ ๆ ผมว่าหยุดเถียงกันก่อนได้ไหม เกรงใจกระผมหน่อยเถอะครับ คุณนัท คุณเองก็คาดเข็มขัดสิครับ ตำรวจจับผมจะให้คุณจ่ายจริง ๆ”
ภัทรพลรีบแทรกขึ้นเพื่อห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าสงครามน้ำลายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ตำรวจที่ไหนจะกล้าจับผม”
“คุณนัท ท่องไว้ครับว่าคุณน่ะด็อกเตอร์นะครับ แล้วการที่มาเถียงเรื่องไร้สาระกับผู้หญิงเนี่ย มันเสียภาพพจน์ ด็อกเตอร์หมด เฮ้อ...”
ภัทรพลยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับเพื่อน อดที่จะปรายสายตาไปยังไอรดาที่นั่งตาขวางมองอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วไม่ได้ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น รีบหันกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่ข้างหน้า เพื่อเตรียมจะออกเดินทาง
“ผมอยากไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทยใจจะขาดอยู่แล้ว ว่าแต่เราจะไปไหนกันครับ คุณหมวดรูปหล่อ”
“เอาละครับ หมวดเต้รูปหล่อจะพาไปทัวร์เมืองกาญจน์ อันเป็นบ้านเกิดของผมเอง”
ภัทรพลแสร้งทำเสียงเลียนแบบพิธีการรายการท่องเที่ยว ก่อนเหยียบคันเร่งพาทั้งหมดมุ่งหน้าสู่กาญจนบุรี ที่จริงเขาตั้งใจจะแวะไปบ้านด้วย เนื่องจากหยุดงานคราวนี้ เขาได้แต่หมกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะนรบดีจองตัวเขาเอาไว้ เหตุนี้ชายหนุ่มจึงบินด่วนระหว่างกรุงเทพฯ กับแม่ฮ่องสอนเป็นว่าเล่น
นรบดีเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถ พลางยิ้มกริ่มออกมา ชายหนุ่มคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงชอบแหย่ให้หล่อนโกรธนัก
หากแต่บุคลิกของเขาที่แสดงออกมาต่อหน้าทุกคนในวันนี้ หล่อนไม่มีวันรู้ว่ามันคือบทบาทหนึ่งของการแสดงเท่านั้น มันคือภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาเคลือบฉาบภายในเอาไว้ ซึ่งภัทรพลและไอรดายังไม่รู้จักตัวตนในอีกแง่มุมหนึ่งของเขาแม้เพียงเศษเสี้ยว แง่มุมคนละขั้วที่น้อยคนนักจะได้เห็นมัน
ในเมืองไทยจะมีสักกี่คนที่รู้จักเขาในนามซีอีโอหนุ่มแห่งบริษัทไฟแนนซ์ที่ปล่อยเงินกู้ไปทั่วโลก โดยมีแพชชั่น วันอยู่เบื้องหลัง เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนให้คนส่วนใหญ่ได้รับทราบ การมาเยือนเมืองไทยคราวนี้ชายหนุ่มจึงมาในคราบนักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ขับรถเพียงชั่วอึดใจ ทั้งสามจึงเดินทางมาถึงกาญจนบุรีในยามเช้า ภัทรพลจึงพานรบดีและไอรดาแวะทานข้าวเช้าที่ตลาดของเมืองกาญจน์ นรบดีนั้นไม่เป็นปัญหาเรื่องการกินอยู่มากนัก เพราะอาชีพสายลับของเขานั้นแฝงตัวไปทั่วทุกมุมโลกในหลากหลายรูปแบบมาแล้ว
“คุณเคยเห็นพระธาตุกลับหัวมั้ย”
ภัทรพลเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งหมดพากันเดินกลับมาที่รถ หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองราคาไม่แพง แต่คุ้มค่าด้วยรสชาติแสนอร่อย เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองกาญจน์
“ผมไม่รู้จักวัดในเมืองไทยสักเท่าไหร่ ยอมรับว่าไม่เคยได้ยิน”
“เอาไว้วันหลังผมจะพาคุณสองคนไปลำปาง มันน่าทึ่งมาก ๆ แต่วันนี้เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น ไปดูวัดจมน้ำก่อนก็แล้วกัน…ไปครับคุณไข่มุกอันดามัน”
“หมวดเต้!”
ไอรดาทำเสียงดุใส่เพื่อนตน เมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มทำเนียนพลอยไปกับคนที่หล่อนไม่ชอบหน้า ภัทรพลหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ที่แหย่ให้หล่อนโกรธได้สำเร็จ
“มุกจะไม่พูดกับคุณอีกคน หากคุณยังซึมซับนิสัยที่ไม่ดีของคนบางคนแถวนี้มา”
“อ้าว อย่าพาลกันสิครับ คุณไข่มุกเมดิเตอร์เรเนียน”
“นี่…”
“ไม่เป็นไข่มุกอันดามัน ไปแถบเมดิเตอร์เรเนียนก็ได้”
นรบดียิ้มใส่ตาหญิงสาวที่นั่งหน้าง้ำราวม้าหมากรุกอยู่คนเดียวบริเวณด้านหลังรถ ก่อนที่หล่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเข่นเสียงรอดไรฟันออกมา
“สาบานได้ ว่ากลับจากวันนี้ไปแล้ว ฉันจะไม่ขอเจอหน้าคุณอีก”
“จริงหรือครับ”
“จริง”
หญิงสาวทำหน้าเชิด แสดงให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเสน่ห์ของเขาไม่ได้ทำให้หวั่นไหวแม้สักนิด นรบดีแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับท่าทีของหล่อน กลับหันไปหาแนวร่วมแทน
“คุณหมวดเต้รูปหล่อพ่อนายพล คุณคิดว่าผู้หญิงที่ชอบทำฉุนเฉียวใส่ผู้ชายหล่อ ๆ นี่ มันคืออะไรหรือครับ”
คนขี้แกล้งเริ่มหาแนวร่วม เมื่อจมูกรั้น ๆ ของหล่อนมันทำให้เขานึกมันเขี้ยว อยากยื่นมือไปบีบเบา ๆ เพื่อหยอกเย้า แต่ก็กลัวโดนตบกลับมา
“ถ้าถามผม เอาผมเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน หากมีผู้หญิงมาทำเหมือนรังเกียจผู้ชายที่สุดแสนจะเพอร์เฟค อย่างผม ผมคิดว่าเธออาจกำลังแอบรักผมอยู่ แต่ยังอายไง เลยต้องกลบเกลื่อนด้วยการทำตัวเป็นคนขี้โมโห”
“หมวด!”
“โอ๊ะ! ผมพูดอะไรออกไป ไม่ใช่นะครับไข่มุก ผมไม่ได้ว่าคุณ”
“เห็นไหม ขนาดหมวดเต้เขายังคิดแบบผม”
นรบดีพูดไปขำไป ในขณะที่หญิงสาวข้างหลังเขาไม่ขำด้วย
“อ้าว…เล่นผมแล้วไง คุณด็อกเตอร์เพื่อนรัก”
ภัทรพลกัดฟันพูดคนเดียวเบา ๆ เมื่อเพื่อนกำลังหาเรื่องให้เขา แต่ก็ต้องลอบยิ้มออกมา เมื่อมองผ่านกระจกส่องหลังแล้วเห็นไอรดานั่งหน้าง้ำอยู่เพียงลำพัง
“มุกโกรธคุณแล้ว”
หญิงสาวทุบพลั่กไปยังหัวไหล่ของภัทรพลอย่างแรง จนอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยด้วยไม่ทันได้ระวังตัว มือใหญ่คล้ำป้อย ๆ ไปยังบริเวณที่ถูกทุบ แรงของหล่อนทำเอาหัวไหล่เขาแทบเคล็ด เพราะมันหนักใช่ย่อย
“โกรธหมวดเขาเรื่องอะไรครับ”
“โทษฐานที่มีเพื่อนแบบคุณ”
“หากคุณรู้จักผมดีกว่านี้ อาจจะเปลี่ยนใจมาวิ่งเข้าใส่ก็ได้”
“เหอะ…รอให้น้ำท่วมหลังเต่าก่อนเถอะย่ะ”
“มันน้ำท่วมหลังเป็ดไม่ใช่เหรอคุณ”
นรบดีรีบแย้งขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะด้วยความขบขัน พลางคิดว่าขนาดหล่อนเป็นคนไทยแท้ ๆ ก็ยังใช้สำนวนไทยผิด เขาเสียอีกที่จำได้อย่างแม่นยำ
“ฮ่า ๆ”
ภัทรพลหัวเราะสมทบด้วยทนกลั้นเอาไว้ไม่ได้เช่นเดียวกัน ไอรดาได้แต่นั่งอ้าปากค้างที่เห็นสองหนุ่มพากันรุม ทำตัวเข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย รู้สึกว่าวันนี้ช่างโดดเดี่ยวยิ่งนัก ที่เขาเข้ากันได้ดีแล้วมีหล่อนอยู่คนเดียวที่เหมือนจะเป็นคนนอกไปโดยปริยาย
“ฮ่า ๆ คุณมุกครับ หากน้ำท่วมหลังเต่า คุณก็คงเสร็จคุณด็อกเขาเสียแต่วันนี้เลยนะครับเนี่ย”
“ลามปามแล้วครับหมวด ด็อกเตอร์ครับ ไม่ใช่ด็อก”
นรบดียื่นมือไปสะกิดไหล่เพื่อนเป็นเชิงปราม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มทำเนียนหลอกกระทบ
“อ้าวเหรอ ขอโทษครับ ฮ่า ๆ”
“นี่คุณ ผมขอถามหน่อยเถอะ ว่าเรียนมาจากไหน ผมอยากตามไปเผาสถาบันจริง ๆ”
ไอรดาหน้าม้านด้วยความอับอาย เมื่อสองหนุ่มชวนกันประสานเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน นึกอายเพื่อนใหม่ต่างแดนขึ้นมาทันที ที่เขาเป็นลูกครึ่งเสียเปล่า แต่กลับรู้จักสำนวนไทยได้ดีกว่าเธอ
“ขอให้ขำจนกรามค้างกันทั้งคู่นั่นแหละ”
ไอรดาหมดปัญญาที่จะโต้เถียง หญิงสาวจึงเอนกายพิงเบาะรถยนต์เพื่อขอสงบศึกชั่วคราว สายตาเหม่อมองไปยังวิวด้านนอก สภาพภูมิประเทศแถบนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งหล่อนก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันเป็นเช่นนี้ไปจนตราบชั่วลูกชั่วหลาน อย่าให้มีใครต้องมาทำลายลงไป