Chapter 2
สัญญาณเตือน
บรึ้มมม!
“เสียงอะไร!”
นรบดีเหลียวมองไปรอบกาย แววตาฉายแววตื่นตระหนก เมื่อเสียงดังลั่นจนผิดปรกติดังมาจากด้านหนึ่ง ภัทรพลมีท่าทีไม่ต่างกันมากนัก ด้วยสัญชาตญาณที่มีติดตัว ทั้งสองรีบผลุนผลันไปยังเสียงที่มาด้วยความรวดเร็ว
“กรี๊ดด!”
เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อแรงระเบิดได้อัดทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีจนแหลกเป็นจุล รวมทั้งร่างของนักท่องเที่ยวผู้เคราะห์ร้ายอีกหลายรายด้วย โดยตอนนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ ว่าหนึ่งในนั้นจะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงนี้หรือไม่
“เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ!”
นรบดียืนนิ่งราวกำลังใช้ความคิด ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่านี่ไม่ใช่การวางระเบิดธรรมดา มันคือการสื่อสารบางอย่างเพื่อส่งผ่านไปยังใครบางคนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับ
ฟาร์มแห่งนี้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่ามาเยือนฟาร์มแห่งนี้วันแรกก็มีงานใหญ่มาดักหน้า รอให้เขาตามไปแก้ไขปริศนาเสียแล้ว สายเลือดนักล่าทำให้ชายหนุ่มเก็บทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นรอบกาย เพื่อนำไปวิเคราะห์เพราะมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับเขาในอนาคต
“ขอความร่วมมือให้ทุกคนรีบออกนอกพื้นที่ด้วยครับ อย่าเข้ามาครับ!”
ภัทรพลรีบตะโกนห้ามบรรดาไทยมุง ที่พากันกรูกันเข้ามาห้อมล้อมสถานที่เกิดเหตุด้วยความสนใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะคว้าวิทยุที่อยู่ในกระเป๋า ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที
“หมวดเต้ เกิดอะไรขึ้น!”
“ระเบิดครับไข่มุก! ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ไอรดาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพลางทำหน้าตาตื่น ตรงมายังเพื่อนนายตำรวจเพื่อเอ่ยถามเรื่องราวทั้งหมดด้วยความตกใจ มือนุ่มทาบไว้บนอก เมื่อหัวใจหล่อนกำลังเต้นแรงจากสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ฟาร์มแห่งนี้ไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้มาก่อน หญิงสาวจึงทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
เพียงสายตาเหลือบไปเห็นร่างที่นอนแน่นิ่งท่าม กลางกองเลือด และซากความเสียหายเบื้องหน้า หญิงสาวถึงกับขาอ่อนขึ้นมาทันที ร่างอิ่มเซถลาไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกคับแน่นบริเวณหน้าอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหงื่อกาฬเริ่มซึมออกมาตามไรผม ขัดกับร่างกายที่เริ่มเย็นเฉียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“อ๊ะ! คุณ”
นรบดีอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ล้มพับลงต่อหน้า ด้วยความว่องไว ชายหนุ่มรีบประคองร่างของหล่อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันที
“เพื่อนคุณเป็นลม ผมจะพาเธอไปพักก่อน”
“ผมจะอยู่เคลียร์สถานการณ์ทางนี้ คุณไปคนเดียวได้นะ”
“อืม…”
นรบดีพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ ก่อนกระชับร่างในอ้อมแขนเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ถนัดมากยิ่งขึ้น ร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังอาคารที่แลเห็นเบื้องหน้าด้วยความรวดเร็ว เพื่อช่วยปฐมพยาบาลคนเป็นลม...
ไอรดานอนกลอกตามองฝ้าเพดานไปมา เมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง หญิงสาวนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ด้วยความมึนงง สักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ หล่อนจึงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“โอ๊ะ คุณคนสวยครับ กรุณานอนลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
นรบดีปราดเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มรีบเอามือดันไหล่ของหล่อนเอาไว้ เพื่อกดให้หล่อนนอนราบลงไปตามเดิม
“เอ๊ะ! อะไรกันคุณ ฉันจะลุก มาขวางเอาไว้ทำไม”
น้ำเสียงขุ่นมัวมาพร้อมกับสายตาขุ่นขวางที่จับจ้องมาทางนรบดีอย่างไม่พอใจ ที่กล้าขัดใจแถมยังหลอกแต๊ะอั๋งหล่อนด้วย ในความคิดของไอรดาฟ้องว่าอย่างนั้น เพราะดูจากสายตาของเขาที่มองมานั้น มันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
แววตาของเขาฉายแววกรุ้มกริ่มอยู่ตลอดเวลา หากให้จัดอันอับ เธอจะจัดให้เขาอยู่ในเบอร์ต้น ๆ ของผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้ สมควรหลีกให้ไกล
‘ตาฝรั่งบ้า อย่ามาคิดลึกกับฉันนะ’
หญิงสาวพยายามส่งกระแสจิตไปให้เขา ขณะจ้องตอบกลับไปตาเขม็ง
“มองผมทำไมครับ”
นรบดีรีบก้มลงเพื่อสำรวจตัวเอง เมื่อเห็นว่ากำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาแปลก ๆ ของหญิงสาวตรงหน้า เขากำลังคิดว่าอาจแต่งตัวไม่เรียบร้อย หรืออาจลืมรูดซิปกางเกง หล่อนจึงใช้สายตามองว่าเขาเป็นคนโรคจิตที่ไม่น่าไว้ใจ
‘ฉันไม่ชอบลูกครึ่งแบบนายหรอก ให้อย่างไรก็ไม่ชอบ สเปคของฉันคือชายไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นย่ะ’
ไอรดาแลบลิ้นใส่หน้าคนที่กำลังงุนงง เมื่อรู้ตัวก็รีบเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายในกิริยาของตนเมื่อสักครู่
“อย่าบอกนะว่าคุณเป็นลมจนไปสับเปลี่ยนดวงวิญญาณกับใครเขาเข้า ถึงได้ทำอะไรแปลก ๆ ออกมา”
ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ เมื่อเห็นอาการของหล่อน ขณะเดินมาหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างกันอย่างถือวิสาสะ
“อย่ามาฉวยโอกาสนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมาแอ้มได้ง่าย ๆ ลุกไปเลย”
ไอรดารีบพาร่างออกห่าง เมื่อรู้สึกไม่ไว้ใจเขาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่กำลังอยู่ในอาณาเขตของตน ใช่ว่าใครจะมาทำเรื่องไม่ดีกันได้ง่าย ๆ และถึงหากเขาทำ หล่อนเชื่อว่าตนเองสามารถเอาตัวรอดได้ เพราะเขาคงยังไม่รู้ ว่ากีฬาที่หล่อนโปรดปรานอย่างหนึ่งก็คือ มวยไทย
“แน่ใจแล้วว่าคุณหายดี ถึงได้มีฤทธิ์ขึ้นมาอีก ผมขี้เกียจนั่งปฐมพยาบาลอีกรอบ”
นรบดีแสร้งไม่ใส่ใจในท่าทีของหล่อน เขากลับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงแทน แววตากรุ้มกริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอาทร สื่อผ่านความห่วงใยมายังเธอ
“ใครใช้ให้มายุ่งล่ะคะ จุ้นไม่เข้าท่า”
“แทนที่จะขอบคุณ แต่กลับว่าผมจุ้น สาวไทยมีนิสัยแล้งน้ำใจเหมือนคุณกันหมดหรือเปล่า”
ถ้อยคำเชิงตำหนิที่เอ่ยออกมา ทำให้ไอรดาหน้างอง้ำด้วยความไม่ชอบใจ เขากล้าต่อว่ากันแม้เพิ่งรู้จัก ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ชอบหน้าเขามากขึ้น
“ฉันจะแล้งน้ำใจเฉพาะคนบางคนเท่านั้น และคุณก็คือหนึ่งในนั้น”
“เขาว่าผู้หญิงขี้หงุดหงิดคือผู้หญิงมีปมด้อยเรื่องความรัก ไม่มีผู้ชายมาจีบหรือไม่ก็ถูกทิ้ง ก็เลยแสร้งทำท่าทีแข็งกร้าวออกมาเพื่อไว้ข่มผู้ชาย แสดงให้ผู้ชายได้รู้ว่าสามารถอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ได้ จริงมั้ย”
นรบดีทำท่ายักไหล่อย่างยียวน สายตาพร้อมรอยยิ้มล้อเลียนที่เผยออกมา ทำให้ไอรดาแทบเต้นเร่าด้วยความโกรธที่เขาจี้ใจดำของตนเข้าอย่างจัง เมื่อรักครั้งก่อนใจหล่อนยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ยอมรับว่าตอนนี้ไม่ไว้วางใจผู้ชายคนไหนอีกต่อไป
“นี่! จะรู้ดีเกินไปแล้วนะ”
หญิงสาวแหวขึ้นในทันใด เพื่อกลบเกลื่อนที่ถูกเขาจี้ใจดำ รู้สึกว่าด็อกเตอร์หนุ่มเบื้องหน้าจะรู้ดีเกินคนอื่นเสียแล้ว
“ก็ผมเป็นด็อกเตอร์ผู้รอบรู้นี่คร้าบบบ”
“เหอะ ด็อกเตอร์ปลอมน่ะสิ ซื้อใบปริญญามาหรือเปล่า บอกตามตรง บุคลิกของคุณมันไม่ให้เลยสักนิด”
“แล้วแต่คุณจะคิด แต่อย่าตัดสินคนจากภายนอกสิครับ ผมเห็นมาเยอะแล้ว คนที่ต้องพ่ายแพ้เพราะคิดแบบคุณ ถ้าให้ไปรบ ก็คงตายก่อนใครทั้งหมด”
“เรื่องของฉัน”
นรบดีเลือกที่จะเงียบ ด้วยไม่อยากทะเลาะกันให้เรื่องยาว เพราะเห็นว่าหล่อนเองก็กำลังมีเรื่องรอให้ต้องสะสางกันอีกมาก และเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย หลังจากนี้คงกระทบกับรายได้ของฟาร์มมากพอดู เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องไม่ไว้วางใหญ่เรื่องความปลอดภัยของที่นี่อีกต่อไป
“ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”
ไอรดาผลุนผลันลุกขึ้นยืน เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าต้องรีบออกไปยังสถานที่เกิดเหตุ เพราะป่านนี้บิดากับมารดาของหล่อนคงกำลังวุ่น ที่ต้องมาพบกับเรื่องร้ายโดยไม่คาดฝัน “ตำรวจกำลังเคลียร์กันอยู่ คุณคงต้องถูกเชิญไปให้ปากคำที่โรงพักพร้อมกับครอบครัว”
“ฉันไม่เคยมีเรื่องกับใคร ทำไมถึงมีระเบิดมาซุกอยู่ที่นี่ได้”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ขณะพากันเดินออกมาด้านนอก เพื่อไปสมทบกับคนอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุ
“คุณลองนึกดูให้ดี อาจจะขัดแย้งกันเรื่องผล ประโยชน์ก็ได้ สาเหตุอาจจะมาจากทางคุณพ่อคุณแม่ของคุณ”
“ฉันไม่รู้…ยังไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น”
ไอรดาก้าวเดินฉับ ๆ หนีไป นรบดีมองตามร่างของหล่อนไปพร้อมคำถามมากมาย เบื้องหลังฟาร์มแห่งนี้มีอะไรซุกซ่อนอยู่ นั่นคือโจทย์อีกข้อหนึ่งที่ชายหนุ่มจะต้องบันทึกเอาไว้ในหัวสมอง เพราะมันอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของเขาก็เป็นได้
ภายในห้องชุดแสนหรูหราของนรบดี ที่อยู่ชั้นบนสุดของโรมแรมดังในกรุงเทพฯ โดยมีทิวทัศน์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยาแสนกว้างใหญ่ ซึ่งหลังจากที่ท่องเที่ยวจนพอใจแล้ว นรบดีได้นั่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจตัวใหม่ที่เขาจะมาลงทุนที่เมืองไทย เพื่อเริ่มงานสายลับตามที่ได้รับคำสั่งมาจากต้นสังกัด
เบื้องหน้าของเขาที่สายตาโลกรับรู้ก็คือ ซีอีโอหนุ่มแห่งบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่เพิ่งเติบโตในแวดวงธุรกิจได้ไม่นาน และกำลังจะนำเงินต่อเงิน โดยการลงธุรกิจฟาร์มโคนมแบบครบวงจรในเมืองไทย และสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งชายหนุ่มได้เล็งเพื่อที่จะขอซื้อที่ดินแถวจังหวัดสระบุรีเอาไว้ เพราะมีพื้นที่ราบกว้างใหญ่โอบล้อมไปด้วยภูเขา สามารถปลูกไร่องุ่นและทุ่งทานตะวันควบคู่กันไปได้ในขณะเดียวกัน ที่สำคัญ การเดินทางยังถือว่าไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก
การที่เขามาเยือนฟาร์มโอภาวัฒน์ในคราวนี้ คือการลงพื้นที่จริงเพื่อมาสำรวจตลาด ซึ่งชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่า จะมาพบกับชนวนเหตุปริศนาที่จะนำพาไปสู่เรื่องร้ายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ข้อมูลในมุมกว้างของฟาร์มโอภาวัฒน์ถูกส่งให้หน่วยข่าวกรองของ แพชชั่น วัน ในเวลาต่อมา เพื่อสืบประวัติบุคคลที่ร่วมหุ้นและเกี่ยวข้องกับฟาร์มแห่งนี้ รวมถึง ไอรดา โอภาวัฒน์ ด้วย
“คุณเสร็จผมแน่ แม่ไข่มุกอันดามัน หึ ๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ ขณะนั่งเคาะปากกากับโต๊ะไปมา กาแฟหอมกรุ่นในแก้วถูกยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด นรบดีวางแก้วลงกับโต๊ะตามเดิม ก่อนเอนหลังพิงพนักเอ้าอี้หนานุ่มพลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบมา
นึกไปถึงตอนปะหน้ากับหล่อนครั้งแรก หัวใจเจ้ากรรมของเขากลับเต้นแรงจนผิดปรกติ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนพบดินแดนอันน่าอัศจรรย์ รอให้เขาเข้าไปค้นหาสิ่งล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในนั้น ไอรดาทำให้เขารู้สึกอยากเป็นฝ่ายรุก มากกว่าที่จะเป็นฝ่ายรับเหมือนที่ผ่านมา บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้กับหล่อนขึ้นมาได้
อีกใจหนึ่งก็คิดแย้งกัน ชายหนุ่มรู้สึกสับสนอยู่ในหัวใจยิ่งนัก เนื่องจากอาชีพของเขานั้นไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบความรักให้กับใคร เพราะมันหมายถึงผล กระทบกับงานสายลับที่จะตามมา หากวันข้างหน้าเขาคิดจะจริงจังกับไอรดาขึ้นมาจริง ๆ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ท้ายที่สุดแล้วความรักของเขาจะทำให้งานสายลับต้องสะดุดลงหรือไม่
แค่คิดก็เล็งเห็นถึงความยากลำบากในวันข้างหน้าเสียแล้ว
ชายหนุ่มยิ้มหยันให้กับชะตาชีวิตของตนเอง หากมีความรัก เขาก็ไม่อยากลงเอยด้วยการแยกทางกัน เหมือน กับตัวของเขาเอง ที่บิดากับมารดาต้องเลิกกันโดยที่เขาไม่มีวันรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่ามันเกิดจากอะไร เพราะมารดาของเขาเลี่ยงที่จะตอบมาโดยตลอด เขาจึงไม่อยากรื้อฟื้นมันออกมาให้ใครต้องเจ็บปวดอีก
“ตื้ด…”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้นรบดีตื่นจากภวังค์ เพียงเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ ชายหนุ่มรีบกดรับก่อนกรอกเสียงไปยังต้นสายด้วยความคุ้นเคย
“”ไฮ…”
“คุณด็อกเตอร์คุณนัทครับ ยูจะโกทูโฮมวันไหนกันครับ”
เสียงจากปลายสายเอ่ยถามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภัทรพล
“คงอีกหลายวันน่ะ ดูก่อน ยังไม่แน่ใจ”
“กู๊ด ไอว่าจะชวนยูไปยังสถานที่หนึ่ง รับรองว่ายูต้องเวรี่แฮปปี้”
“นี่ คุณหมวดเต้ครับ ผมเองก็คนไทยคนหนึ่ง ภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ครับ ผมขี้เกียจแปลอังกฤษเป็นไทยของคุณ”
“ไม่ได้ครับ ผมมีเพื่อนอินเตอร์ ก็ต้องทำตัวอินเตอร์บ้าง ฮ่า ๆ”
ภัทรพลหัวเราะร่วนกลับมาด้วยความชอบใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าเพื่อนของเขานั้นพูดไทยและฟังภาษาไทยได้อย่างแตกฉาน แม้จะเป็นลูกครึ่งและอาศัยอยู่ที่อเมริกามานานก็ตามที
เขายังรู้ว่าเพื่อนภูมิใจในความเป็นไทยมาก รวมทั้งชอบสาวไทยด้วย อันนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้เพื่อนของเขาชอบมาเมืองไทย เป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับนรบดีได้รู้จักกันโดยบังเอิญ เนื่องจากเคยช่วยเหลือไว้เมื่อตอนที่นรบดีหลงทางในเมืองไทยแล้วพาไปพักที่บ้าน จนกระทั่งความ สัมพันธ์แนบแน่นกลายมาเป็นเพื่อนรักกันโดยไม่รู้ตัว
“ว่าแต่…คุณจะชวนผมไปไหน”
“ผมจะพาคุณไปพบกับสิ่งมหัศจรรย์ติดอันดับของเมืองไทย เอาเป็นว่า พรุ่งนี้พบกันนะครับคุณเพื่อน ตีห้าตรง ห้ามเลท”
“ขอสักหกโมงเช้าได้ไหมครับคุณเต้จอมบงการ ไอขี้เกียจตื่น”
“คุณอย่าเอานิสัยเก่ามาใช้สิครับคุณด็อกเตอร์ ตีห้านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ยูจะได้ไปสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ยามเช้าที่ให้ความรู้สึกแบบคันทรี่ เอาเป็นว่า ตกลงตามนี้นะ”
“อืม…”
นรบดีรับคำนัดในลำคออย่างเสียมิได้ ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายกดวางสายหนีไป
“เผด็จการชะมัด”
นรบดีเข่นเสียงใส่โทรศัพท์ ก่อนวางมันไว้กับโต๊ะตามเดิม จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ เนื่องจากเหลือบดูเวลาแล้วก็พบว่า เขาเหลือเวลานอนอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น รู้ดีในความเป็นคนตรงต่อเวลาของเพื่อน ตามความเคยชินที่ถูกฝึกมาจนติดเป็นนิสัย