คืนนี้:EP2

1465 คำ
ฟังแล้วกูจะร้องไห้ ไม่ใช่ซึ้งหรืออะไรหรอกนะ แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมารวมถึงคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ต่างพากันหันมามองผมเป็นตาเดียว หน้าด้านยังไงกูก็เขินเป็นนะโว้ย ผมรีบตักข้าวเข้าปากเร็ว ๆ จะได้ไปจากตรงนี้เสียที ทว่าพวกเพื่อนกลับเคลิ้มไปกับเสียงเพลงเพราะ ๆ ที่พวกมันเป็นคนพิมพ์เสนอเข้าไป โดยที่ไม่ตักข้าวกินสักคำ “กินสิโว้ย” ขนาดผมตะโกนกรอกหูคนที่เอาแต่ร้องเพลงตามอย่างไอ้เอ็ม มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด ยังคงร้องตามโดยที่มีเสียงเคาะโต๊ะจากไอ้คุณ เห็นแบบนี้แล้วกูกลุ้ม! ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ กระทั่งเพลงจบลง พวกมันถึงได้กลับมาเป็นปกติ! “พวกกูอุตส่าห์ช่วยให้พริกรู้ว่ามึงยังคิดถึงอยู่เสมอ แทนที่จะขอบคุณเสือกตาขวาง ไอ้เวร” หมอกส่ายหน้าคล้ายกับระอา ท่าทางแบบนั้นผมควรเป็นผู้ทำหรือเปล่า “มึงไม่แสดงออกให้พริกรู้เลยว่ามึงเสียใจที่เลิกกับเขา” คุณพูดต่อ “แล้วเขาจะรู้กับมึงหรือไง แบบนี้เขาถึงไม่กลับมาหามึงเลย” แล้วต่อด้วยเอ็ม “กูก็ไม่ได้อยากให้กลับมานิ เลิกก็เลิกไปดิ” ผมยกไหล่ขึ้นสูงราวกับไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับต้องการประท้วงว่าคำพูดของผมมันสวนทางกับความรู้สึก “หรา” เสียงลากยาวของพวกมันที่ประสานกันดังลั่นอย่างน่าหมั่นไส้เรียกสายตาจากคนรอบข้างให้หันมามองทางผม จังหวะนั้นผมจึงถอนหายใจออกมาพรืดยาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หากยังอยู่ตรงนี้ก็จะถูกมองไม่เลิก ทว่ากลับมาคนมายืนขวางผมไว้ไม่ให้ขยับไปทางไหน “มึงคิดว่าพริกอยากรู้หรือไงว่ามึงมีแฟนใหม่หรือไม่มี” คิ้วของมันยกขึ้นสูงอย่างยียวน ผมหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม บุคลิกและการแต่งกายของมันก็ดูดี ทว่าสิ่งที่ผมได้รับรู้มามันไม่ได้ดีแบบนี้เลยสักนิด “ก็ไม่แน่” ผมแสยะยิ้มให้นักศึกษาแพทย์ที่กำลังจะมีสถานะเป็นแฟนใหม่ของดีเจสาวที่กำลังพูดเสียงหวานอยู่ในตอนนี้ “บางทีพริกอาจจะอยากรู้แต่ไม่แสดงออกก็ได้” ผมปลุกความเดือดดาลของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด “ยังไงพริกก็ไม่กลับไปเอามึง” มุมปากของผมยกขึ้น รอยยิ้มเยาะเย้ยของผมทำให้คนตรงหน้าไม่มีความมั่นใจอย่างคำพูดที่เอ่ยออกมา แววตาของมันสั่นระริก ผมตบบ่าไอ้นายแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป ฟู่วววว พ่นลมออกจากปากทันทีที่พ้นสายตาของพวกนั้น ไม่อยากให้มันเห็นว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจอะไรเลย “ไม่ลองคุยกับพริกดูวะ” ไอ้หมอกเอ่ยออกมา มันถือแก้วที่ยังมีน้ำอยู่เต็มแก้วออกมาด้วย แล้วยกขึ้นดูดอย่างกระหาย “มีไรให้คุย” “อ้าว ที่มึงไปตามสืบเรื่องไอ้นายนี่มึงแค่อยากรู้เฉย ๆ เหรอวะ” เอ็มถามด้วยความแปลกใจ “อือ ให้พริกไปรู้ด้วยตัวเอง กูไม่เกี่ยว” “มึงไม่ห่วงพริก?” คุณเลิกคิ้วขึ้นถาม ผมก็เลยหยักหน้าส่ง ๆ เป็นคำตอบ “พริกเลือกที่จะเดินทางนั้นเอง” ผมเอ่ยเสียงเรียบ แหงนมองลำโพงที่ติดอยู่มุมตึก เสียงของพริกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง… แม้ปากจะพร่ำบอกใครต่อใครว่าไม่ได้คิดจะง้อกลับมา ทว่าสมองและหัวใจกลับตรงกันข้ามกับคำพูดเหล่านั้น จนในที่สุด ผมก็ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ… ผมพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าตึกคณะนิเทศซึ่งเป็นอาคารเรียนของพริก ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าก็จะเลิกเรียนแล้ว หลายคนมองผมด้วยความสงสัย… “มาทำไม” รวมถึงนักศึกษาปีสามที่อยู่ในชุดเสื้อสีขาวสะอาดและกระโปรงทรงเอ ทั้งชุดรัดรูปเสียจนกังวลว่าจะปริขาด สายตาคู่คมของผมไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าผมไม่พอใจในการแต่งตัวของเธอ “ถามว่ามาทำไม หูตึงเหรอ” น้ำเสียงหวานของคนถามค่อนไปทางหงุดหงิด อาจจะหงุดหงิดกับสายตาที่ไล่มองเธอมากกว่าการที่ผมมาที่นี่ ผมดึงสายตาตัวเองกลับมาที่ใบหน้าสวย แก้มป่องของเธอมีสีชมพูประกายวิงค์ในยามที่แสงส่อง ริมฝีปากกระจับแต่งแต้มสีชมพู และดวงตากลมโตก็มีคอนแทคเลนส์อยู่ เธอยังเหมือนเดิม… สวยเหมือนเดิม… “ถามเนี่ย” ดวงตาคู่โตถลึงใส่ผม น้ำเสียงยิ่งบ่งชัดถึงระดับความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้น “เกี่ยวไรกับเตงล่ะ” ผมแอบขำในใจและแสดงสีหน้านิ่งเรียบใส่อีกฝ่าย เธอง้างมือขึ้นคล้ายกับอยากจะฟาดลงที่หลังของผมจนแอ่น คำพูดกวนตีนของผมทำให้พริกรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าแตกชนิดที่หมอน่าจะไม่รับเย็บ “เตงบ้านแกสิ” พริกสะบัดผมสลวยที่ดัดลอนใส่ผม ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวฉับ ๆ ไปทางรถที่จอดอยู่ด้านข้างอาคาร “ว่าที่แฟนไม่มารับหรือไง” “มีรถย่ะ” “ตอบไม่ตรงคำถามอะ” ผมรีบวิ่งไปดักหน้าเธอไว้ คนตัวเล็กมุ่ยหน้าแล้วจ้องผมด้วยสายตาเชือดเฉือน “ไปให้พ้น!” “ไปกับเตงได้ป้ะ” “โอ๊ค!” “เรียกเตงเหมือนเดิมดิ” “ไม่!” “ทำไม?” “จะอ้วก!” “เตงเป็นคนบอกให้เราเรียกแทนกันว่าเค้าเตงเองนะ จะมาอ้วกอะไร” พริกกลอกตาไปมาแล้วยกมือข้างซ้ายขึ้นเท้าเอว “ใจเย็นดิวะ คุณหนูขี้วีนนะเราอะ” ผมสะกิดปลายคางมนของคนตรงหน้า ซึ่งเธอก็รีบปัดออกด้วยความรังเกียจ! ผมก็เลยพูดระโยคที่ทำให้พริกเบิกตาโตแล้วหยุดยืนนิ่งราวกับถูกสาปไว้ “คิดถึงเลยมาเจอหน้า” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พริกจะรู้สึกยังไง ผมรู้แค่ว่าหัวใจตัวเองมันพองโตที่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดมาตลอดหลายเดือน ตั้งแต่ที่เราเลิกกัน ไม่มีวันไหนที่ไม่คิด… “ไปกินข้าวกันไหม” “ไม่” พริกตอบกลับทันทีแบบไม่ใช้ความคิดเลยสักวินาทีเดียว เธอเดินผ่านผมไปที่รถของตัวเอง ผมได้แต่ชั่งใจคิดว่าจะเอายังไงต่อ จะเดินตามไปหรือจะหยุดยืนนิ่ง อยู่ตรงนี้ สุดท้ายแล้วก็เดินเข้าไปหาแล้วเอามือดึงประตูไว้ไม่ให้เธอปิด “ขับรถดี ๆ นะเตง” “เออ!” “เตงไม่อ่อนโยนเลยอะ” “เราเลิกกันแล้วนะโอ๊ค” พริกพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะเหนื่อยใจกับการกระทำของผม ดวงตาคู่คมจึงมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนที่นั่งอยู่ภายในรถ “เลิกแล้วเป็นห่วงไม่ได้หรือไง?” “…” “เลิกแล้วคิดถึงไม่ได้ มาเจอหน้าไม่ได้ ใครจะไปใจแข็งได้เท่าเตง บอกเลิกแล้วตัดขาด ใจดำ!” ผมปิดประตูดังปึงแล้วหมุนตัวหันหลังให้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ เพราะรู้ดีว่าพริกจะต้องรู้สึกอะไรกับคำพูดตัดพ้อและต่อว่าของผมอย่างแน่นอน แต่มันดันผิดจากที่คิดไปมาก เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิดเลยสักนิด “โอ๊ค! ปิดประตูแรงขนาดนี้มือหรือเท้า อยากรุนแรงก็ไปใช้กับรถตัวเองดิ” มีแต่ความโมโหซะงั้น ผมหันไปยิ้มแห้งแล้วเกาท้ายทอยแกรก ๆ ด้วยความกระดากเขิน นักศึกษาที่อยู่แถวนี้ต่างพากันมองเป็นตาเดียว “อย่าโวยดิเตง” “ทำไมจะโวยไม่ได้ ก็โอ๊คปิดประตูโคตรแรง มันไม่…” “คนอื่นเขาจะคิดว่าผัวเมียทะเลาะกัน” ผมรีบพูดแทรกก่อนที่พริกจะพูดจบประโยค พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อให้พริกมองตาม เมื่อเธอเห็นสายตาของคนอื่น ๆ แล้ว เธอก็รีบเข้าไปนั่งในรถอย่างเดิม แต่ก็ไม่วายที่จะลดกระจกลงแล้วถลึงตาดุใส่ผม “ขับรถดี ๆ นะครับเตง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม