7

1535 คำ
“น้องแทนอาการกำเริบอีกแล้วหรือคะ เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ ทำไมถึงป่วยขึ้นมาอีก โธ่ น้องแทน” เสียงปริ่มจะขาดใจของพบขวัญที่รีบบึ่งรถตรงมาที่โรงพยาบาลหันมาถามพี่เลี้ยงวัยเกือบห้าสิบที่เธอจ้างให้ดูแลลูกชาย เธอกำลังขับรถกลับบ้านด้วยความหวาดกลัวเพราะกลัวใครบางคนจะตามมาแต่สายพิณก็โทรเข้ามาบอกเสียก่อนว่าแทนคุณเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคปอดอักเสบ “คุณหมอบอกว่าโตขึ้นก็จะหายมีเด็กจำนวนมากเป็นโรคนี้ ถ้ายังไงน้องแทนโตขึ้นให้พาไปว่ายน้ำบ่อยๆ ออกกำลังกายเยอะๆให้ปอดขยายก็จะหายเร็วขึ้น ตอนนี้คุณขวัญต้องเข้มแข็ง มีกำลังใจมากๆนะคะ อย่าท้อไม่อย่างนั้นน้องแทนจะไม่เหลือใคร” พบขวัญพยักหน้ารับอย่างคิดได้ ยกมือป้ายน้ำตาออก เธอจะอ่อนแอไม่ได้ เธอยังมีลูกน้อยที่ต้องเลี้ยงดูให้เติบใหญ่หากขาดเธอไปสักคนลูกชายจะเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่รู้ทำไมยามอากาศเปลี่ยนที่ไร หนูน้อยจะมีอาการหอบบ่อยๆ สังเกตง่ายๆ คือชายโครงที่มีการยุบขยายตัวผิดปกติ คนเป็นแม่ก็จะต้องรีบหอบลูกไปโรงพยาบาลเพื่อพ่นยาเป็นอันดับแรกแล้วหนูน้อยก็จะหวาดกลัวร้องเสียงดัง ก่อนจะรักษาอาการอื่นตามลำดับต่อไป “ขอบคุณป้าพิณมากนะคะที่เตือนสติขวัญแล้วนี่น้องแทนหลับไปนานหรือยังคะ” “หลับไปก่อนคุณขวัญมาถึงครู่เดียวเองค่ะ เดี๋ยวนี้มีหมอเก่งมากมาย หยูกยาก็ทันสมัยยังไงน้องแทนก็ต้องหาย” สายพิณพูดปลอบใจอีกครั้ง แต่ในใจก็คิดหางานใหม่ไปด้วย ถึงจะสงสารเด็กแต่ก็รักตัวเองมากกว่า ระยะหลังมานี้คุณแม่ยังสาวผู้เป็นนายจ้างมักจ่ายค่าเลี้ยงดูล่าช้าจนนางไม่ค่อยชอบใจเท่าไร ตอนนี้เพื่อนของนางที่ทำงานเป็นแม่บ้านในโรงงานโทรมาบอกว่ามีแม่บ้านลาออกกำลังขาดคนอยู่ นางจึงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจแต่ที่ยังไม่ไปกะทันหันเพราะยังนึกเห็นใจอยู่เพราะพบขวัญก็ไม่ได้ใจจืดใจดำไม่เคยพูดจาดูถูกเลยสักครั้งติดแค่ปัญหาเรื่องเงิน ร่างเพรียวบางละสายตาจากลูกชายที่นอนหลับพริ้มอยู่มาพึมพำขอบคุณพี่เลี้ยงสูงวัย ร่างเล็กป้อมอยู่ในชุดคนไข้ลายตุ๊กตาหมีน่ารักแต่เธอไม่อยากให้ลูกชายต้องอยู่ในชุดแบบนี้เลยหากเลือกได้ แต่ทำอย่างไรได้เธอกำหนดชะตาชีวิตให้ลูกหรือแม้แต่ตัวเองไม่ได้ แทนคุณป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ หมอตรวจพบตั้งแต่คลอดออกมาได้หนึ่งเดือนและเป็นซ้ำอยู่บ่อยๆ หมอบอกว่าติดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งทำให้หลอดลมอักเสบจากนั้นก็ลงปอด ปอดจะเริ่มเป็นฝ้าขาว เธอตกใจกับสิ่งที่คุณหมอบอกในเวลานั้นแล้วเร่งหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ลูกชายทันที ค่าใช้จ่ายเกือบห้าหมื่นบาทต่อการรักษาหนึ่งครั้งบางครั้งหากต้องนอนหลายวันก็มากกว่านั้น เงินเดือนเธอสูงก็จริงแต่เจอค่ารักษาพยาบาลแบบนี้บ่อยๆ พบขวัญก็ชักหน้าไม่ถึงหลังเช่นกัน บางเดือนเธอต้องใช้วิธีรูดบัตรเครดิตไปก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง จะหวังพึ่งญาติพี่น้องเธอก็เป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ บุพการีทั้งสองเสียชีวิตลงแล้วจากอาการป่วยหนัก บิดาเครียดจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างล้มละลายจนทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตขณะส่งโรงพยาบาล ส่วนมารดาก็ตรอมใจจากเรื่องบิดาและป่วยด้วยโรครุมเร้าเสียชีวิตตามไปอีกคนในอีกหนึ่งเดือนถัดมาทิ้งให้เธอต้องอยู่คนเดียวโดยไร้ที่พึ่ง ตอนนั้นเธอกลับถึงเมืองไทยแล้ว เธอเสียใจเรื่องบิดามารดาอยู่นานเป็นเดือน จนพบว่าตัวเองตั้งท้องได้สามเดือน นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่เจอเรื่องหนักที่สุด สมองของเธอวนเวียนระหว่างความคิดชั่วร้ายถ้าไม่อยากอับอายก็ต้องทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแต่ในที่สุดสมองฝ่ายดีบอกว่าแม้แต่สัตว์มันยังรักลูกของมันแต่เธอเป็นคนทำไมไม่รักลูก ทารกในครรภ์ไม่มีความผิดเธอต่างหากที่เป็นคนผิดเขาคือของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้หลังเสียบิดามารดาไป พบขวัญจึงเปลี่ยนเป็นคิดบวก ยอมให้ทุกคนซุบซิบนินทาโดยไม่สนใจถ้อยคำเหล่านั้นแล้วเลือกอุ้มท้องทั้งๆที่ไม่มีพ่อ จากนั้นเธอจึงเริ่มออกหางานทำ โชคดีที่เธอเรียนจบเมืองนอก ภาษาอังกฤษนับว่าแข็งแรงมากจึงเป็นที่ต้องการของหลายบริษัทฯ แต่พอเธอบอกว่ากำลังตั้งครรภ์นี่สิ ที่เป็นปัญหา เพราะไม่มีบริษัทฯไหนรับเธอเข้าทำงานสักที่ จนเจตนิพัทธ์ที่ตามกลับมาเมืองไทยรู้ข่าวเข้า เขาก็ช่วยเหลือโดยรับเธอเข้าทำงานในบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของทันที พบขวัญรู้ว่านั่นจะเป็นการเปิดช่องให้เจตนิพัทธ์ได้สานต่อแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเพราะต้องการเงินไว้ใช้จ่าย อีกทั้งเธอคิดว่าถ้าเจตนิพัทธ์รู้ว่าเธอท้องเขาคงไม่มายุ่งอีกแล้ว ทว่าผิดคาดเขายังต้องการแต่งงานกับเธอเหมือนเดิม คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกเสียดแทงในอก ทำไมไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเจตนิพัทธ์ไปนะ เขารักเธอมาก เธอกับน้องแทนจะได้สบายไม่ต้องหาเงินงกๆอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอไม่ได้รักเจตนิพัทธ์ เธอไม่อยากได้สามีเบอร์สองแม้ว่ากับเบอร์หนึ่งเธอไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนั้นเขาเรียกอะไรความรักเฉียบพลันความหลงใหล หรือเธอใจง่าย ส่วนหนึ่งพบขวัญไม่อยากยอมรับว่าเธอยังแอบคิดถึงเขาอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าการเจอหน้าเขาจะทำให้เธอต้องหนีไม่คิดชีวิตเพราะกลัวเขารู้ในสิ่งที่เธอปกปิด เธอมีแทนคุณเป็นสิ่งเดียวในชีวิตและจะไม่ยอมเสียลูกไป เธอจึงไม่ติดต่อพ่อของลูก เธอไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่อยากใช้เรื่องลูกเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องให้เขามาสนใจหรือรับผิดชอบ พบขวัญจับกำปั้นน้อยๆของลูกเคล้นคลึงเบาๆอย่างรักใคร่ มองด้วยความรักเต็มเปี่ยมก่อนหันมาหาคนที่ยืนอยู่ร่วมห้องด้วยนานแล้ว ดวงตาของแทนคุณโตใสแจ๋วมาก “ตาโตจริงนะเรา หน้าตาเหมือนพ่อไม่มีผิด ทำไมไม่หน้าเหมือนแม่นะ แม่อุตสาห์อุ้มท้องเรามาตั้งเก้าเดือน แต่หนูถอดพิมพ์ใบหน้าเขามาจนหมด” พบขวัญอมยิ้มเมื่อคุยกับหนูน้อยที่มองตอบกลับแถมยิ้มหัวเราะชอบใจราวกับจะรู้เรื่อง เสียงกระแอมราวกับไม่พอใจ ทำให้คนที่เล่นกับลูกเพลินหันไปมอง พี่เลี้ยงสูงวัยทำหน้ามุ่ยเหมือนง่วงพบขวัญจึงรีบพูด “ป้าพิณกลับบ้านได้เลยจ้ะ ขวัญจะนอนเฝ้าน้องแทนเอง” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยเช่นไร เธอจึงไม่ไว้ใจให้อยู่เฝ้า สายพิณเลี้ยงดูลูกชายเธออย่างดีก็จริงแต่ต้องแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างอย่างงาม บางครั้งก็ต้องมีเงินพิเศษให้ด้วย ซึ่งระยะหลังเธอไม่มีให้อีกฝ่ายก็เลยปล่อยปละละเลยลูกชายเธอ “ก็ดีค่ะ ป้าเลี้ยงมาทั้งวันแล้ว ที่เหลือคุณดูเองแล้วกันนะคะ ป้าเหนื่อย” พบขวัญพยักหน้า เธอมีเสื้อผ้าติดรถไว้พร้อมแล้วจึงสามารถนอนเฝ้าได้เลย “งั้นป้าพิณเอาเงินค่าแท็กซี่ไปด้วยค่ะ” พบขวัญบอกแล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งพันบาทไปให้ “เป็นค่ารถตอนป้าพาน้องแทนมาแล้วก็เป็นค่ารถกลับค่ะ” สายพิณมองเงินนั้นอย่างดูแคลน เบ้ปากเล็กน้อย มันช่างน้อยนิดกับการที่นางเสียเวลาอยู่รอถึงดึกดื่น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นางรีบพับเงินเก็บใส่กระเป๋าแล้วลากลับ “ถ้าอย่างนั้นป้ากลับก่อนนะคะ” พบขวัญพยักหน้า ได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังแล้วถอนหายใจออกมา เธอแทบไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยหลังจากให้สายพิณไป ตอนนี้รอแค่ให้ถึงสิ้นเดือนเร็วๆ เพื่อจะได้มีเงินมาหมุน พบขวัญถอนใจหันกลับมามองหน้าลูกที่นอนหลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อย่างไรเธอก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด บางทีเธออาจหางานสอนภาษาอังกฤษเป็นงานพิเศษเพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มเพราะช่วงนี้มีคนต้องการเรียนภาษาอังกฤษกันมาก พรุ่งนี้เธอจะโทรไปถามเพื่อนที่เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษดูว่าพอจะมีงานพิเศษให้เธอทำไหม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม