เจตนิพัทธ์เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทฯที่เธอทำงานอยู่ ใครหลายคนคงมองว่าเธอโชคดีที่ได้หัวใจเขามาครองแต่พบขวัญกลับรู้สึกหนักใจเหลือเกินเพราะไม่อาจร่วมทางเดินไปกับเขาได้ในสิ่งที่เขาคาดหวัง
จริงๆแล้วเวลานี้พบขวัญควรต้องรีบขับรถกลับบ้าน กลับไปอยู่กับลูกชายตัวน้อยของเธอแต่เจตนิพัทธ์กลับรั้งเธอไว้และทำในสิ่งที่เธอบอกปฏิเสธไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนนั่นคือเธอไม่สามารถแต่งงานกับใครได้อีกเนื่องจากเธอไม่ใช่คนตัวเปล่า พบขวัญซาบซึ้งใจที่อีกฝ่ายไม่รังเกียจว่าเธอเป็นผู้หญิงมีตำหนิ ซ้ำยังไม่เคยคาดคั้นถามถึงพ่อของลูกแต่ถึงอย่างไรเธอก็รับความปรารถนาดีของเขาไว้ไม่ได้ เจตนิพัทธ์ควรพบคนที่ดีกว่า เขาไม่ควรเสียเวลากับเธอและลูกอีก
พบขวัญมองหน้าเจตนิพัทธ์นิ่งอยู่สักพัก ก่อนริมฝีปากสวยได้รูปจะขยับตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่นแบบไม่ให้ความหวัง
“ขวัญแต่งงานกับเท็ดไม่ได้ ขวัญไม่ได้รักเท็ดแบบชู้สาว เท็ดเป็นคนดีควรเจอผู้หญิงที่คู่ควรกัน ไม่ใช่ผู้หญิงมีตำหนิอย่างขวัญ ใครรู้เข้าเขาคงนินทาเท็ดแย่ หนุ่มโสดทั้งแท่งแต่งงานกับผู้หญิงลูกติดที่หาพ่อไม่ได้แบบนี้เรียกว่าเสียของแย่ ที่สำคัญขวัญคิดแล้วว่าลูกขวัญจะต้องไม่มีพ่อเลี้ยง”
“ขวัญไม่ต้องกลัวหรอกว่าเท็ดจะใจร้ายกับลูกของขวัญ เท็ดจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ใจดีที่สุดในโลกเชื่อเท็ดสิ”
“เชื่อ แต่ไม่ต้องการ ครอบครัวเท็ดก็คงไม่ปลื้มลูกสะใภ้อย่างขวัญด้วย ขวัญอยากอยู่กับลูกสองคนเท่านั้น เท็ดเข้าใจนะ”
เจตนิพัทธ์ส่ายหน้า เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขารักพบขวัญมานาน นานจนเขาทนรออีกไม่ได้แล้ว “แต่เท็ดรักขวัญนะ รักน้องแทนเหมือนเป็นลูกของเท็ดด้วยไม่ว่าขวัญเคยผิดพลาดมายังไง เท็ดก็รักขวัญ เท็ดไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองยังไงขอแค่ขวัญแต่งงานกับเท็ด เท็ดก็พอใจแล้ว ขวัญยอมให้เท็ดได้ดูแลขวัญกับลูกเถอะนะ เท็ดพร้อมจะเป็นพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี” เจตนิพัทธ์ยังวิงวอนต่อ เขาลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ไปคุกเข่าต่อหน้าพบขวัญทำให้คนที่นั่งอยู่ตกใจหน้าซีดเผือดคิดไม่ถึงว่าเจตนิพัทธ์จะลงทุนทำถึงขนาดนี้
โชคดีที่เจตนิพัทธ์ลงทุนสั่งปิดโซนหนึ่งภายในร้านอาหารเพื่อขอพบขวัญแต่งงาน ทำให้ไม่มีลูกค้าคนใดอยู่ในบริเวณนี้ พบขวัญจึงไม่รู้สึกอับอายมากนัก เธอรีบดึงมือเพื่อนให้ลุกขึ้นแต่เจตนิพัทธ์ไม่ยอม
เจตนิพัทธ์แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการแต่งงานกับเธอ เจตนิพัทธ์ติดตามเธอไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา กระทั่งเธอกลับมาเมืองไทยเจตนิพัทธ์ก็กลับตาม เขามั่นคง จริงใจกับเธอมาก จนพบขวัญอยากจะใจอ่อน แต่ติดตรงที่เธอไม่ได้รักเขาแล้วไม่อยากให้ลูกชายได้ชื่อว่ามีพ่อเลี้ยง ดวงตากลมโตมองตุ๊กตาหมีเท็ดดีในมือ เจตนิพัทธ์รู้ว่าลูกชายเธอไม่แข็งแรงตั้งแต่คลอดออกมา แทนคุณป่วยด้วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อบ่อยครั้ง เรียกว่าพบขวัญต้องหอบหิ้วหนูน้อยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น บางครั้งต้องนอนเฝ้าลูกที่โรงพยาบาลและหอบงานไปทำ ทำงานไปเฝ้าลูกไป เป็นภาพที่ชินตาของพยาบาลที่นี่ไปเสียแล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาไม่ต้องพูดถึง ค่าใช้จ่ายนั้นสูงและสร้างความหนักใจให้พบขวัญเป็นอย่างมากเรียกว่าต้องเอาเงินเก่าออกมาใช้จนแทบหมด พอเจตนิพัทธ์รู้เขาก็เสนอตัวให้หยิบยืมเพราะรู้ว่าเธอไม่ยอมรับฟรีๆ แต่พบขวัญก็ปฏิเสธทุกครั้ง
ทุกครั้งเขาก็คอยให้กำลังใจมาตลอดแม้กระทั่งวันนี้เขาส่งหมีเท็ดดีที่แปลว่าให้เข้มแข็งและอดทนมาให้กับลูกชายเธอ เขาก็ทำให้เธอประทับใจมาก แต่ก็ไม่สามารถทำให้เธอเปลี่ยนใจจากเพื่อนเป็นอย่างอื่นที่เขาพยายามมานานได้
พบขวัญมองคนที่ยังคุกเข่าอยู่อย่างอึดอัด แต่ก็ตัดสินใจว่าต้องบอกเจตนิพัทธ์ให้ชัดเจนเพื่อให้เขาตัดใจให้ได้
“เท็ดฟังขวัญให้ดีนะ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันหน้าคำตอบที่เท็ดจะได้จากขวัญก็ยังเหมือนเดิมคือเราจะเป็นได้แค่เพื่อน สำหรับตุ๊กตาหมีเท็ดดีตัวนี้ขวัญจะเอาให้น้องแทนนะ ขวัญขอบคุณและขอโทษที่แต่งงานกับเท็ดไม่ได้จริงๆ”
แม้สงสารเพื่อนจับใจแต่คิดว่าการพูดตรงๆน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เจตนิพัทธ์จะได้ตัดใจจากเธอตั้งแต่ตอนนี้ เขาเสียเวลากับเธอมามากแล้วตั้งแต่ตามเธอไปเรียนต่อปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกาไม่ใช่เพราะว่าเธอร่ำรวยแต่เพราะความจนมันน่ากลัวทำให้เธอเลือกที่จะเรียนให้ดีและโชคดีที่เธอได้ทุนเรียนฟรีแล้วยังโชคดีที่เธอได้ทุนของเอกชนซึ่งไม่ต้องทำงานชดใช้หลังจากเรียนจบ จนกระทั่งเริ่มหางานทำที่นั่นเขาก็สมัครทำที่เดียวกับเธอ พบขวัญคิดว่าเธอได้ทำสิ่งที่ถูกต้องไปแล้วจากนี้ควรให้เวลาเจตนิพัทธ์ได้อยู่ตามลำพัง
ร่างเพรียวบางไม่เหมือนคนมีลูกอ่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ยืดตัวลุกขึ้นแล้วเดินจากไป พบขวัญไม่หันกลับมามองจึงไม่เห็นว่าเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนหนุ่มที่เพิ่งถูกปฏิเสธคำขอแต่งงาน ทันทีที่เธอเดินลับไป ชายฉกรรจ์ผมสีน้ำตาลทองจำนวนสามคนก็ปราดเข้ามาแทนที่ พนักงานในร้านกับผู้จัดการถูกควบคุมให้อยู่ห่างๆห้ามเข้ามายุ่ง
แล้วร่างสันทัดของเจตนิพัทธ์ก็ถูกกระชากให้ตัวลอยขึ้น ใบหน้าเหยเกตกใจที่ถูกจู่โจมไม่รู้ตัว เจตนิพัทธ์ร้องเอะอะโวยวายเลยถูกหมัดหนักๆจากหนึ่งในกลุ่มคนนั้นต่อยเข้าที่ใบหน้าจนสลบเหมือด แล้วร่างปวกเปียกก็ถูกลากออกไปจากร้านอย่างเงียบเชียบ รวดเร็ว พนักงานในร้านถูกปล่อยตัวแล้วตั้งใจจะโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทว่ารถยนต์สีดำสองคันก็เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าร้านอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย ส่วนกล้องวงจรปิดก็ถูกกระชากมาทำลายไปแล้ว