บทที่5. แทบจำไม่ได้

1406 คำ
ชายหนุ่มผมยาวเพ่งมองหญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงสั้นรัดรูปหญิงสาวแต่งแต้มใบหน้าเข้มและจัดจ้านแม้แต่ทรงผมก็ดูทันสมัยจนไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็มั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าคือใคร “ไปรยา” “คะ” ไปรยาหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องสะดุ้งกับตกใจอ้าปากค้าง “พี่ลอย” “แต่งตัวแบบนี้แทบจำไม่ได้แหนะ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ก็ไม่อยากให้ใครจำได้เท่าไหร่นักหรอก” หญิงสาวสารภาพแล้วหันไปพูดกับเพื่อนร่วมงาน “ขอพักสิบนาทีนะ” “นี่พี่มารบกวนหรือเปล่า” ลอยขมวดคิ้วด้วยความกังวล “เปล่าค่ะ ไป๋อยากพักพอดี พี่ลอยไปนั่งกินน้ำเป็นเพื่อนไป๋ไหมคะ” “ได้ซิ ร้านใกล้ๆ นี่ดีไหม” ไปรยาพยักรับแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่มาสวมทับชุดที่สวมอยู่แล้วจึงเดินตามเขาไปที่ร้านขายเครื่องดื่มน่ารักๆ ร้านหนึ่งไม่ไกลจากบูธขายปริ๊ตเตอร์ที่เธอทำงานอยู่ “พี่เพิ่งรู้ว่าน้อง ไป๋ ทำงานแบบนี้” “แบบนี้นะแบบไหน” ไปรยาเลิกคิ้วสูง แต่เมื่อเห็นสีหน้าอึกอักของอีกฝ่ายก็หัวเราะออกมา “ไป๋สมัครงานที่อื่นไว้เหมือนกันแต่นี่ไป๋แค่ทำงานพิเศษระหว่างที่รอเรียกตัวไปสอบสัมพันธ์ค่ะ งานพริตตี้นี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์สินค้านะคะ ไม่ใช่แค่แต่งตัวสวยๆ เท่านั้นหรอกนะ” “พูดเหมือนไม่ค่อยชอบงานนี้เท่าไหร่เลยนะ” “ก็ ไม่ชอบแต่งตัวโป๊ๆ หน่ะคะ แต่มันเป็นงานที่ใช้เวลาทำงานน้อยแล้วได้เงินเร็วและเยอะด้วย” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ “ไป๋อยู่กับแม่สองคนค่ะ ไป๋สงสารแม่ทำงานเลี้ยงไป๋อยู่คนเดียว แต่แม่ไม่ชอบให้ไป๋ทำงานพิเศษเป็นห่วงไป๋จะไม่มีสมาธิเวลาเรียนนี่ก็จะให้ไป๋เรียนปริญญาโทต่ออีก” “ไป๋...ชื่อแปลกดีแปลว่าอะไรเหรอ” ลอยถามอย่างผ่อนคลายลงแล้วมองใบหน้าหวานกำลังดื่มน้ำผลไม้ปั่น “ไป๋ก็มาจากไปรยาไงคะ แต่ไป๋ในภาษาจีนแปลว่าขาว”         “ดูท่าทางเราไม่มีเชื้อจีนสักนิดเลยนี่” เขาอยากจะบอกว่าเธอเหมือนพวกลูกครึ่งฝั่งยุโรปหรืออเมริกาอะไรแบบนั้นมากกว่า “ป้าเจ้าของบ้านเช่า คนที่ช่วยเลี้ยงไป๋ตั้งให้ค่ะ” เธอยิ้มรับ “แล้วพี่ลอยละคะมาทำอะไรแถวนี้” “มาพันทิพย์ก็ต้องมาดูคอมพ์ซิครับ” เขาหัวเราะเบาๆ “ก็เห็นว่าเรียนจิตรกรรมนี่คะ” “มาดูคอมพ์ที่จะใช้รองรับการทำงานกราฟฟิกหนักๆ ได้ครับ” เขาอธิบายเพิ่ม “แล้วไม่สนใจเครื่องปริ๊ตเตอร์ดีๆ บ้างหรือคะ” “หูยยย...ขายของกันต่อหน้าแบบนี้เลยเหรอ” ไปรยากับลอยหัวเราะกันสนุกสนาน ทั้งสองคุยเรื่องทั่วไปสักพักหญิงสาวก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ ลอยเองก็เดินไปดูคอมพิวเตอร์รุ่นที่ตัวเองต้องการไม่ได้เข้าไปรบกวนหญิงสาวอีก        แต่ชายหนุ่มที่จ้องมองหญิงสาวอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วอดหงุดหงิดโมโหไม่ได้ นริศรอจนไปรยาทำงานหมดเวลาของเธอแล้วเขาจึงเดินเข้าไปทักทาย “ต๊ะมารอรับไป๋กลับบ้าน”             “ขอบใจจ๊ะ” ไปรยายิ้มให้ “รอเดี๋ยวนะ”      นริศมองตามร่างเพรียวหายไปด้านหลังเพื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีไปรยาออกมาอีกครั้งเธอสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนแต่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง เขาส่งหมวกกันน็อคให้อย่างรู้หน้าที่ เมื่อทั้งคู่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ของนริศแล้วรถก็เคลื่อนผ่านการจราจรที่ติดขัดยามเย็นกลับมาร้านเสริมสวยซึ่งน้าวรรณเป็นญาติของนริศเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยด้วย ปกติเวลาที่ไปรยากลับจากเลิกงานพริตตี้ก็จะมาล้างเครื่องสำอางที่นี่และถ้าให้พูดความจริงก็คือน้าวรรณเป็นคนแนะนำให้ไปรยาทำงานพริตตี้ “คนอะไรหน้าสวยจริงๆ ขนาดไม่ได้แต่งหน้าก็ยังสวยแบบนี้น่าจะไปประกวดนางงามหรือไปเป็นดารา” “ทำแบบนั้นแม่คงโกรธไป๋แน่ๆ” ไปรยาหัวเราะเบาๆ รู้สึกโล่งที่เช็ดเครื่องสำอางออกหมด เธอนั่งแปรงผมยาวของตัวเอง การใส่วิกผมบ่อยๆ ก็ทำให้ผมมีกลิ่นอับทำให้เธอต้องสระผมบ่อยๆ “พูดแบบนี้แสดงว่าอยากทำเหมือนกันละซิ” นริศพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ดูท่าไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก “ต๊ะพูดแบบนี้ไม่สมกับเป็นเพื่อนไป๋เลยนะ” ไปรยาหันมาทำตาดุๆ ใส่ทำให้นริศหงอลงไปทันที “ก็...ต๊ะเป็นห่วงไป๋นี่” “เอาล่ะๆ อย่ามาทะเลาะอะไรเรื่องไร้สาระเลย” น้าวรรณรีบห้ามทัพเพราะรู้ดีว่าเจ้าของหน้าหวานๆ แบบนี้จริงๆ เป็นคนอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจตัวเองเหมือนกัน “ว่าแต่จะมีงานมอเตอร์โชว์ ไป๋ไปสมัครเป็นพริตตี้ของค่ายรถที่ไหนหรือยัง” “พริตตี้งานมอเตอร์โชว์เหรอคะ” ไปรยาทวนคำ “คงไม่ไหวมั้งคะ งานนั้นเขาแต่งตัวโป๊จะตาย” “ก็เลือกยี่ห้อรถดีๆ ซิจ๊ะ พวกมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ต้องไปสมัคร ถ้าสนใจพี่สกรีนให้เองค่ะ” ไปรยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงบิลค่าใช้จ่ายที่แม่พยายามซ่อนไม่ให้เธอเห็นแล้วเธอก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนพยักหน้ารับ “รบกวนน้าวรรณหน่อยนะคะ” “ได้จ้า”  น้าวรรณหัวเราะชอบใจแล้วหันไปตีแขนน้องชาย “ไปส่งหนูไป๋ดีๆ ล่ะ” “คร๊าบบบบ” นริศลุกขึ้นเดินนำเพื่อนสาวกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง “หิวไหมอยากกินอะไรก่อนหรือเปล่า” “ไม่ละ...กินข้าวที่บ้านอร่อยที่สุด” ไปรยาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าแม่จะงานยุ่งแค่ไหนแต่ถ้าเธอเปิดตู้กับข้าวหรือตู้เย็นในนั้นต้องมีอาหารไว้รอเธออยู่เสมอ เพียงแค่สิบนาทีจากร้านน้าวรรณก็มาถึงบ้านเช่าสองชั้นหลังน้อยที่เธอกับแม่เช่าอยู่มานานนับสิบกว่าปี หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้กลับมาสู่รั้วของบ้าน ด้วยความสนิทสนมกันมาหลายปีไปรยาเปิดประตูบ้านให้เพื่อนเข้าบ้าน เธอมองเข้าไปเห็นแม่ยังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าจากที่เคยสีขาวกลายเป็นสีเหลืองมอซอแต่สภาพการใช้งานยังดีอยู่เพราะนริศมาค่อยลงโปรแกรมป้องกันไวรัสให้เสมอๆ  “กลับมาแล้วเหรอลูกยา”   คุณบุษบาเอ่ยทักลูกสาวแต่ยังไม่เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ นางจะเรียกลูกสาวว่า ‘ลูกยา’ เสมอในขณะที่คนอื่นเรียก ‘ไป๋’ “ขอรบกวนหน่อยนะครับ” นริศส่งเสียงทักทาย “ขนมอยู่ในตู้นะลูก เอาไปกินกันเถอะนะ” “ค่ะแม่” ไปรยาหันไปยิ้มกับนริศก่อนเปิดตู้เย็นหยิบจานขนมเค้กจิ๋วน่ารักๆ ออกมาส่งให้นริศช่วยถือแล้วตัวเองถือขวดน้ำกับแก้วออกมานั่งที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน “ดีจังนะ แม่ของไป๋ชอบทำขนมอร่อยๆ ให้กิน” นริศเอ่ยบอกแล้วหยิบขนมเข้าปาก “ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของแม่หนะ” เธอเอ่ยแล้วหันไปมองแม่ที่ยังนั่งทำงานอยู่ “ไป๋อยากให้แม่สบายไม่อยากให้แม่นั่งทำงานปวดหลังอยู่แบบนี้” “ไป๋เรียนจบแล้วอีกหน่อยก็มีงานทำ” นริศให้กำลังใจเพื่อน “แต่แม่อยากให้ไป๋เรียนต่อโท” ไปรยาทำหน้ายุ่ง “ไป๋เรียนเก่งเรียนต่อโทก็ได้นี่ แล้วไปอยากเรียนหรือเปล่าละ” “อยากเรียนซิ...แต่ไป๋เป็นห่วงแม่”  “เรียนไปทำงานไปก็ได้นี่” นริศแตะหลังมือของไปรยาเบาๆ “อีกไม่วันก็วันเกิดไป๋แล้ว ไป๋อยากได้อะไรหรือเปล่า” หน้าหวานทำตาดุขึ้นมาทันที “ต๊ะก็รู้ว่าไป๋ไม่จัดงานวันเกิด” “ไม่ใช่แบบนั้น” นริศทำหน้าตกใจแล้วนึกอยากตบปากตัวเอง “ต๊ะเห็นไป๋เครียดๆ ก็เลย” “ช่างเถอะๆ “ ไปรยาสะบัดหน้าหนี...เพียงแค่พูดถึง ‘วันเกิด’ หัวใจเธอก็แสบร้อนขึ้นมาทันที“ไป๋เหนื่อยอยากพักขอตัวก่อนนะ” “อ้าว”    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม