“พี่คนนั้นน่ารักว่ะ”
“ดูสารรูปตัวเองก่อนมึงค่อยไปชอบเขา”
“กูแค่บอกว่าน่ารักเอง”
“ฮ่า ๆ อีควาย! ไม่ดูตัวเองเลย อย่าว่าแต่ชอบอย่างมึงจะมีคนมองหรือเปล่าก็ไม่รู้” แน่นอนว่าประโยคชั่วร้ายนี้ถูกพ่นออกมาจากปากของเพื่อนในกลุ่ม พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ระเบิดดังลั่นไปทั่วโรงอาหาร แต่ว่าฉันก็ไม่ได้โกรธหรอกนะคะ ที่พวกมันพูดก็มีส่วนถูก
เร็ว ๆ นี้จะมีการจัดกีฬาสีของโรงเรียนค่ะ และตอนนี้ก็ถึงเวลาจับฉลากคัดเลือกสีแล้วด้วย
“เอ็งอยู่สีอะไรวะ” ไอ้หมูเอ่ยถาม
“ข้า จูน อีต้นและก็กิ๊บอยู่สีส้ม”
“จริงดิ กรี๊ด...!! ยินดีด้วยจ้ะเพื่อนมึงได้อยู่สีเดียวกับพี่ทิวค่ะ” หมูมันว่าพลางทำท่าทีดี๊ด๊าใส่
“เอ็งรู้ได้ไง”
“ชอบใครสักคนแค่นี้คงไม่ใช่เรื่องยาก”
“...” เหรอวะ? ได้แต่คิดในใจก่อนจะจับสังเกตอะไรบางอย่าง
“น้ำตาล เอ็งอย่ามองข้าแบบนี้ดิ” มันว่ายิ้ม ๆ
“มีอะไรอยากบอกไหม?”
“ข้าแอบปลื้มพี่ริวอยู่เขาน่ารักมากเลย” พี่ริวเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่ทิวค่ะ “เอ็งอย่าบอกพวกมันนะ ข้าไม่อยากได้ยินอะไรแย่ ๆ ”
“เออ เอ็งก็เก็บอาการหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่มายืนบิดเป็นเลขแปดแบบนี้”
“คิกคิก ก็เขาน่ารัก!”
“หมูแต่พี่ริวมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ แฟนเขาอยู่มอสาม”
“ก็เรื่องของเขาดิ วันข้างหน้าเดี๋ยวก็เลิกกัน เพราะข้าแอบแช่งอยู่”
“ไอ้ห่า!”
“ฮ่า ๆ ชีวิตยังอีกยาวไกล อะไรก็ไม่แน่นอนหรอก เราไปเรียนกันดีกว่า” หมูมันหมูสมชื่อค่ะ ตัวสั้น ๆ ปุ๊กปิ๊กมากเลย ในกลุ่มเหมือนจะมีแค่ฉันกับมันนี่แหละที่โดนโจมตีบ่อย
ในทุก ๆ วันก็วนเวียนอยู่แบบนั้นจวบจนใกล้ถึงวันกีฬาสี ก็จะมีกิจกรรมเข้าสีค่ะ ซ้อมเชียร์แหกปากร้องเพลงจนเสียงแหบเสียงแห้งกันไป
“สวัสดีค่ะน้อง ๆ พี่ชื่อเมย์นะคะ วันนี้เราจะมาตามหาดรัมเมเยอร์ของสีกัน มีน้องคนไหนอาสาไหมคะ ยกมือขึ้นมาได้เลย เราจะให้เสียงส่วนมากค่ะ คนไหนคะแนนโหวตมากที่สุดพี่จะเลือกคนนั้น” ในจินตนาการถ้าเป็นฉันก็คงจะดี แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เลย!
“มึงว่าใครได้” เสียงไอ้จูนเอ่ยถาม
“พี่ก้อยมั้ง”
“ก้อยไหนวะ”
“พี่มอสามนั่นไง” ฉันว่าพลางชี้มือไปให้มันดู
“ไอ้ทิว ลงตะกร้อกับกูหน่อย” เสียงใครคนหนึ่งดังเข้ามาในหูฉัน ไม่ได้เบือนหน้าไปมองหรอกค่ะ แค่ฟังเฉย ๆ
“เสียใจด้วย กูลงบอลไปแล้ว”
“อะไรวะ” น้ำเสียงของพี่คนนั้นหัวเสียพอสมควรต่างจากใครอีกคนที่ชิวมาก
“ไอ้ทิว! มาช่วยพวกกูเลย ไม่ต้องมาเนียนแอบต่อแถวน้อง” พี่เมย์ตะโกนเรียกทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาทางฉัน เห็นแบบนั้นฉันจึงหันไปมองด้านหลังตัวเองทำให้ปะทะเข้ากับสายตาดุ ๆ คู่หนึ่ง
ตึกตัก! ตึกตัก!
ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ ได้สบตากับเขาด้วย
“ขี้เกียจ! จบนะ”
“สัส! กินแรงฉิบหาย” ถูกเพื่อนด่าก็ยังคงนั่งชิวอยู่ จนกระทั่งหมดชั่วโมงกิจกรรม พวกเราก็แยกย้ายกลับบ้านค่ะ
“กลับเลยหรือเปล่า” ฉันหันไปถามไอ้จูน
“มึงกลับไงอ่ะ กูต้องไปรออ้อซ้อมเต้นอีก”
“วินมั้ง รถเมล์คนเยอะฉิบหาย”
“เออ ถึงบ้านแล้วโทรหากูด้วย” พูดจบมันก็เดินไปทางห้องดนตรีเลยค่ะ แฟนมันเป็นแดนเซอร์ของโรงเรียนไง คล้อยหลังไอ้จูนฉันก็แยกตัวมาเข้าห้องน้ำและจังหวะนรกก็เกิดขึ้นจริง ๆ ดันเป็นวันนั้นของเดือนค่ะที่สำคัญมันเลอะกระโปรงนักเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพื่อนก็กลับไปหมดแล้ว ร้านค้าในโรงเรียนก็ปิดหมด แล้วแบบนี้จะกล้าเดินออกไปได้ยังไง
นานมากที่เก็บตัวอยู่ในห้องน้ำ ชะเง้อออกไปเป็นระยะว่าด้านนอกยังมีคนอื่นหลงเหลืออยู่ไหม ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วค่ะ ประตูโรงเรียนจะปิดแล้วด้วย เมื่อเห็นว่าปลอดคนฉันจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมา...
“ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“...”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่ทิวพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นฉันเอาแต่เงียบ
“เปล่าค่ะ แล้วพี่ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ซ้อมบอลน่ะ”
“อ๋อ...”
“น้องก็กลับได้แล้วครับ”
“ค่ะ” ล้างหน้าเสร็จเขาก็วิ่งกลับไปหากลุ่มเพื่อนทันที
กวาดสายตาไปรอบบริเวณ บรรยากาศมันโคตรจะเงียบเลย วังเวงแปลก ๆ มองซ้ายที ขวาทีตั้งสติแล้วก้าวเท้าออกจากตรงนี้ให้ไวที่สุด
พรึ่บ!
เสื้อแขนยาวตัวโคร่งพาดลงบนบ่าฉัน
“กระโปรงน้องเลอะครับ เอาเสื้อพี่ผูกเอวไปก่อนละกัน” เชี่ย...โคตรอายเลยค่ะแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยกมือไหว้แล้วกล่าวขอบคุณกับเขาแทน
“ขอบคุณนะคะ หนูจะรีบซักมาคืน”
“อืม”
“...” หลังจากนั้นอีนี่ก็ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวเลยค่ะ แต่ก็ไม่วายได้ยินประโยคเจ็บ ๆ อยู่ดี
“ไอ้ทิว! มึงชอบใหญ่ ๆ แบบนี้เหรอวะ ฮ่า ๆ ๆ ”
“เหี้ยไรมึง กูก็แค่หวังดี”
“เหรอ? กูนึกว่าชอบของแปลก”
“...” ก็แค่อ้วนเอง มันแปลกมากเลยสินะ