Episode-๐๘ จุดเริ่มต้นที่ไม่เคยมี

1232 คำ
หลังจากวันนั้นเวลาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ฉันกับพี่ทิวแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาติวหนังสือหนักมาก เรียนวิชาเพิ่มเติมเยอะแยะไปหมด เลิกเรียนไม่ตรงกัน แต่ก็ยังพอได้แอบมองตอนเข้าแถวอยู่บ้างแหละ “แป๊บ ๆ ก็จะจบแล้วอ่ะ เศร้า...” “บ่นไรหมู” “เอ็งก็เป็นแบบนี้แหละน้ำตาล ทำเป็นเล่นตลอดเลย” “แล้วจะเครียดให้ได้อะไร พูดอย่างกับจบไปแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกอย่างนั้นแหละ” “เวลาเดินโคตรเร็วเลยอ่ะ” “...” เวลาเดินเร็วอย่างมันว่านั่นแหละค่ะ สามปีเหมือนนานแต่พอเอาเข้าจริงมันแค่แป๊บเดียวเอง ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ “บ่ายนี้แนะแนวว่ะ รวมกับพี่มอหก” “ไม่ได้เรียนหรอกเหรอ” “สลับคาบไปไว้วันพรุ่งนี้แทน” “อ่อ” ตัดมาถึงคาบแนะแนวเลยแล้วกันนะคะ ก็มีการพูดเกี่ยวกับอาชีพ ความฝัน ความเป็นไปได้ รวมไปถึงสิ่งที่อยากเรียนก็ด้วย อาจารย์ท่านนี้ค่อนข้างที่จะผ่อนคลายค่ะ ไม่เข้มงวดจนบรรยากาศในห้องอึดอัด ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งฟังอยู่ จู่ ๆ ก็มีก้อนกระดาษตกลงมาตรงหน้า ไม่รู้ว่าใครปามาค่ะ แต่ฉันก็เปิดอ่านนะ ขอเบอร์หน่อย “...” อ่านแล้วก็ขยำมันวางไว้ที่เดิม ไม่รู้ว่าปาให้ใคร คงจะไม่ใช่ฉันหรอก “อะไรวะ” ไอ้จูนค่ะ “ไม่รู้ของใคร” “กูดูเอง” ไม่พูดเปล่ามันยังอ่านแล้วตอบกลับไปอีกด้วย “เขียนอะไรน่ะ” “ถามใครครับ ปาให้แม่น ๆ หน่อย” ตอบเสร็จก็ปาไปหลังห้องที่พี่มอหกนั่งอยู่ เป็นทิศทางเดียวกับตอนที่ถูกปามาเช่นกันค่ะ เลิกสนใจกระดาษนั่นแล้วอยู่กับความคิดตัวเองต่อ ในหัวของฉันตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร หรือแม้กระทั่งว่าจบมอสามแล้วจะเรียนต่ออะไร ปึก! คราวนี้มันลงหัวฉันเต็ม ๆ เลยค่ะ เบือนหน้าไปมองก็ไม่มีใครสนใจนอกจากสายตาแสนจะเย็นชาของพี่ทิวที่กำลังจ้องมองฉันอยู่ “มานี่กูอ่านเอง” ไอ้จูนมันว่าก่อนจะหยิบก้อนกระดาษไปแต่ฉันกลับรั้งมันไว้ซะก่อน “ช่างมันเหอะ ไร้สาระ” “เอาตามนี้?” “เออ” หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งหมดชั่วโมงและได้เวลากลับบ้าน “รอนี่นะกูไปเอารถก่อน” “แล้วอ้อล่ะ” “มันซ้อมเต้นเลิกสามทุ่ม เดี๋ยวอาจารย์ไปส่ง” “โอเค” ตกลงกับไอ้จูนเสร็จก็ออกมารอมันตรงหลังโรงเรียน เพราะมันเอารถไปจอดไว้อีกที่หนึ่งบ้านฉันถึงก่อนบ้านมันค่ะ จะบอกว่าเป็นทางผ่านก็ได้แหละ “ทิวรอด้วยสิ” “...” “เรียกไม่หันเลยนะ ไม่เห็นต้องเมินเกตุขนาดนี้” “มีไร?” “ทิว...” “ถ้าไม่มีอะไรก็ขอตัว” พูดจบพี่ทิวก็เดินตรงมาทางฉันแล้วหยุดยืนตรงหน้า “รอใคร” “ไอ้จูนน่ะ” “ขอบคุณที่ไม่ตอบอะไรในกระดาษแผ่นนั้น” ฉันมองหน้าพี่ทิวนิ่ง ๆ ก่อนจะตั้งคำถามออกไป “ในนั้นมีอะไรเหรอคะ” “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้หรอก” เขาว่ายิ้ม ๆ แต่มันกลับทำให้ฉันอยากรู้ขึ้นไปอีก พลั่ก! “อ๊ะ!” “กูบอกมึงว่าไงอีเหี้ย!” พี่เกตุเดินเข้ามาผลักฉันเต็มแรงก่อนจะชี้หน้าและด่าทอออกมา “หยุด!! เป็นเหี้ยไรของมึง กูเคยบอกแล้วใช่ไหม?” พี่ทิวเอาตัวเองบังฉันไว้แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพี่เกตุแทน น้ำเสียงและการพูดจาของเขาโคตรจะไร้เยื่อใยเลยค่ะ “ทิวก็รู้ว่าเราคิดยังไง ตั้งสามปีมันไม่มีความหมายเลยเหรอวะ” “อะไรที่กูไม่ได้สนใจมันไม่เคยมีความหมายทั้งนั้นแหละ มึงช่วยเลิกระรานคนอื่นจะได้ไหม ถ้ายังอยากเหลือคำว่าเพื่อนอยู่ช่วยกรุณาอย่าล้ำเส้นกูด้วย” “กูถามจริง ๆ เหอะทิวมึงมีหัวใจบ้างไหม ฮึก..มีความรู้สึกเหมือนกูบ้างไหม” “...” ทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ความรู้สึกตอนนี้เหมือนฉันเป็นคนมาทีหลังแล้วทำให้เขาสองคนทะเลาะกันเลยค่ะ “เกิดอะไรขึ้นวะ” พี่ริววิ่งมาก่อนจะมองหน้าฉันกับพี่เกตุสลับกัน “กูบอกมึงกี่รอบแล้วเกตุ” “ฮึก! ทำไมล่ะ ที่ผ่านมาพวกมึงก็รู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับทิว แล้วทำไมมึงยังเข้าข้างมันอีก” “เพราะมันไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงไงเกตุ ถ้ามึงไม่อยากเสียเพื่อน มึงอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม แล้วเนี่ยมึงมาโวยวายใส่น้องมัน มันถูกเหรอวะกูไม่ได้เข้าข้างไอ้ทิวกูแค่พูดตามความเป็นจริงมึงสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นมึงไม่มีสิทธิ์” “แล้วมันมีสิทธิ์เหี้ยอะไร!! มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเหมือนกัน” “แต่ไอ้ทิวมันชอบน้อง มันไม่ได้ชอบมึง!! เลิกบ้าสักที!!” พี่ริวตวาดออกไปอย่างเหลืออด ฉันได้ยินทุกอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันจะดีกว่านี้หากว่าพี่ทิวเป็นคนพูดคำนั้นออกมาจากปากตัวเอง “ตาล! มึงทำอะไรเพื่อนกู” ไอ้จูนมาถึงมันก็ตั้งท่าจะเข้าไปหาพี่เกตุทันที “มึงใจเย็น ๆ กูไม่เป็นอะไร” “มึงก็เป็นแบบนี้แหละ ครั้งก่อนที่ห้องน้ำมึงคิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นหรือไง” “เออมันจบไปแล้วเลิกพูดเหอะกลับบ้าน” “เดี๋ยว! เรื่องที่ห้องน้ำหมายความว่ายังไง” พี่ทิวเอ่ยถามพลางมองหน้าฉันกับไอ้จูนหวังจะเอาคำตอบ “จะหมายความว่ายังไงพี่สนใจด้วยเหรอวะ เอาเวลาถามเรื่องนี้ไปหาความมั่นใจหาความชัดเจนของตัวเองดีกว่านะ จะจีบก็จีบดิวะ กั๊กอยู่นั่นแหละ!! แล้วมึงอีกตัวหนึ่ง ถ้าไม่เลิกวุ่นวายกับเพื่อนกูนะ มึงเจอกูแน่!!” ประโยคหลังไอ้จูนมันหันไปชี้หน้าพี่เกตุค่ะ หลังจากนั้นก็ดึงฉันขึ้นรถและมาส่งบ้านทันที “จูนมึงอย่าขับรถเร็ว กูกลัว” “...” มันไม่ตอบแต่ความเร็วของรถก็ลดลงค่ะ จนกระทั่งถึงบ้านฉัน “โทษละกันที่กูพูดแรง ๆ ออกไปแบบนั้น” “ไม่เป็นไร มึงก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่” “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ของมึงกับเขาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้” “เพ้อเจ้อ! ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปและไม่มีอะไรจบลงทั้งนั้นแหละ จุดเริ่มต้นมันยังไม่เคยมีเลยด้วยซ้ำ” “มีอะไรโทรหากูละกัน” “อืม ขอบใจมาก ขับรถดี ๆ ” คล้อยหลังไอ้จูนฉันก็กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แต่ช่างเถอะ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว เพราะจุดเริ่มต้นของพวกเรามันไม่เคยมีอยู่จริง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม